ทดสอบ VinFast VF5 คุ้มไหม? ซับคอมแพ็กต์ไฟฟ้าตัวเริ่มต้น
ครั้งแรกกับการ ทดสอบ VinFast VF5 ซับคอมแพ็กต์ไฟฟ้า โมเดลแรกของ วินฟาสต์ ค่ายรถยนต์น้องใหม่สัญชาติเวียดนามที่จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในเดือนมิถุนายนนี้ วางแผนเจาะกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้น
ตลอดสัปดาห์ที่พายุฝนกระหน่ำประเทศไทย VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศเวียดนาม ส่งคำเชิญสื่อมวลชนไทยเดินทางสู่เมืองฮานอย ฐานบัญชาการใหญ่ของ Vingroup บริษัทแม่ของพวกเขาเพื่อเยี่ยมชมโรงงาน และทดสอบขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ซึ่งรวมถึง VF5 ซับคอมแพ็กต์ 5 ประตู ที่ถูกสลับมาเป็นโมเดลแรกที่จะเปิดตัวขายในบ้านเรา
VinFast จากผู้ผลิต EV ระดับโลกสู่เส้นทางการแข่งขันในประเทศไทย
ทำความรู้จัก VinFast VF5
ในตอนแรกครอสส์โอเวอร์ซิตี้คาร์คันนี้จะต้องใช้ชื่อว่า VF e32 โดยวางคอนเซ็ปต์ให้เป็น City Car ที่มีราคาจับต้องได้ แต่ก็ยังเป็นผลงานดีไซน์จาก Pininfarina สำนักออกแบบรถยนต์ระดับตำนานของประเทศอิตาลีที่มีผลงานร่วมกับบรรดาค่ายซูเปอร์คาร์ และผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกมากมาย เช่นเดียวกับโมเดลอื่นๆ ของ VinFast โดยเปิดตัวครั้งแรกระหว่างงานแสดงเทคโนโลยี CES 2022 ที่ลาส เวกัส
สัดส่วนตัวถัง (ตามข้อมูลจากวินฟาสต์ ประเทศไทย) จะมีความกว้าง 1,723 มม. ความยาว 3,967 มม. และความสูง 1,578 มม. โดยยังไม่มีสเปคแบตเตอรี่ แต่คาดว่าจะเป็นลิเธียมไออนแบบ LFP เหมือนกับที่ขายในประเทศเวียดนาม และระบบขับเคลื่อนล้อหน้าของ VF5 จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 70 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 94 แรงม้า
โหมดการขับขี่จะมี 2 ตัวเลือกคือ Eco และ Sport เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 14 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 130 กม./ชม. และระยะการขับจะอยู่ที่ 326 กม./ชาร์จ (มาตรฐานทดสอบ NEDC) แต่ยังไม่มีการระบุว่า VF5 เวอร์ชั่นประเทศไทยรองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบใดหรือใช้เวลาชาร์จนานเท่าไร
สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่เบื้องต้นได้แก่ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS), ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (Electronic Brakeforce Distribution – EBD), ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control – ESC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control – HAC) และติดตั้งถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
ครั้งแรกกับการทดสอบ VinFast VF 5
การขับทดสอบครั้งนี้จัดขึ้นในสนามทดสอบของ VinFast ภายในโรงงานที่เมืองไฮฟอง ซึ่งมีพื้นที่รวมมากกว่า 335 เฮกตาร์ (ประมาณ 2,094 ไร่) โดยนอกจาก VF 5 มีการนำเอสยูวีไฟฟ้า VF 6 และ VF 7 ที่มีแผนจะเปิดตัวในบ้านเรามาให้ลองเทสต์ทำความรู้จักกันไว้ก่อน
ทีมงาน Grand Prix Online เลือกขับ 2 โมเดลเอสยูวีที่เป็นพวงมาลัยซ้ายก่อน เพื่อจะไม่สับสนเวลาลองขับ VF5 ที่เป็นรถพวงมาลัยขวา Pre-Production เตรียมเข้าสู่ไลน์การผลิตจริงเพื่อส่งขายในประเทศไทย และอินโดนีเซีย เรียกว่าทุกอย่างที่เห็นวันนี้เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้
แต่ความรู้สึกแรกหลังที่เปิดประตูเข้าไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของ VF5 สีน้ำเงิน Vinfast Blue จะเห็นได้ทันทีว่าคุณภาพวัสดุภายในห้องโดยสารค่อนข้างถูกจำกัดต้นทุนมากพอสมควร หากเปรียบเทียบกับรถยนต์อีโคคาร์เครื่องยนต์สันดาปที่ขายอยู่ในบ้านเราทั้งระดับราคาที่ใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่า แต่ถ้าจะล็อกเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ที่พวกเขามองเป็นคู่แข่งก็อาจจะพอพูดได้ว่าสูสีกัน
จุดแรกที่รู้สึกว่าน่าจะดีกว่านี้คงเป็นแป้นคันเร่ง และแป้นเบรกที่ดูบอบบางไปซักหน่อย หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ก็มีขนาดเล็ก เช่นเดียวกับหน้าจอควบคุมความบันเทิง 8 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง และปุ่มควบคุมเกียร์ที่เป็นแบบหมุนเหมือนที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นิยมใช้งานกันจะไม่มีเกียร์ P (Parking) แต่จะต้องดึงเบรกมือหุ้มหนังสไตล์โบราณ และไซส์ค่อนข้างใหญ่แทน ทั้งที่ความจริงสมัยนี้แล้วก็น่าจะออกแบบให้กลมกลืนกับห้องโดยสารได้ดีกว่านี้
ในส่วนเบาะนั่งด้านหลังก็เป็นปกติของรถไซส์ซับคอมแพ็กต์ที่หากคนตัวสูงก็อาจจะอึดอัดพอสมควร โดยเบาะนั่งแถวสองสามารถพับลงมาได้แบบ 60/40 หากต้องวางของที่มีความยาวหรือกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ แต่จะไม่ได้แบนเป็นระดับเดียวกับที่เก็บของด้านท้ายเท่านั้น
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือตำแหน่งการนั่งของคนขับ (Driving Position) ที่ปรับเท่าไรก็ยังรู้สึกไม่ถนัดเช่นเดียวกับ VF 6 และ VF 7 ที่มีไซส์ใหญ่กว่า แต่ตำแหน่งการจับพวงมาลัยจะต่ำกว่ารถยนต์แบรนด์อื่นๆ ถึงพยายามจะปรับเบาะนั่งให้ต่ำลงมาแล้วก็ตาม
เข้าสู่การขับสนามทดสอบของ VinFast ช่วงแรกจะเป็นทางตรงระยะประมาณ 1 กิโลเมตรที่มีการตีเส้นจราจรเพื่อให้ลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ (สำหรับ VF6 และ VF7) ก่อนจะเข้าสู่ลานวงกลมที่ปกติน่าจะใช้ทดสอบระบบการทรงตัว และช่วงสุดท้ายจะวนกลับมาสู่ทางตรงที่ให้ลองอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.
หลังจากสร้างความคุ้นเคยกับ VF5 ในรอบแรกไปแล้ว ทีมงาน Grand Prix Online เริ่มจับทางได้ว่าซับคอมแพ็กต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี หากเทียบกับเซกเมนต์ซิตี้คาร์/อีโคคาร์ในบ้านเรา และเท่าที่ลองตีวงเข้าโค้งด้วยความเร็วระดับ 50-60 กม./ชม. ก็ไม่มีเสียอาการจากการได้ระบบควบคุมที่ติดตั้งมาคอยซัพพอร์ต
ในช่วงทดลองอัตราเร่งของ VF 5 ไม่แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ ในโหมด Eco กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่มาเต็มที่ แต่พอสลับไปสู่โหมด Sport การออกตัวจะเร้าใจขึ้นกว่าเดิม (แต่ยังคงอยู่ในระดับของซิตี้คาร์) โดยระบบเบรกที่ล้อหน้าจะเป็นจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน และดิสก์เบรกสำหรับล้อหลังถึงจะทำความเร็วไปถึง 130 กม./ชม. ตามที่ล็อกเอาไว้ก็หยุดได้สนิทไม่มีปัญหาอะไร
คุ้มไหมหากคิดจะซื้อ ?
หลังจากได้ขับ VF 5 ในสนามทดสอบ VinFast 4 รอบ ต้องบอกว่าหากมองในแง่สมรรถนะก็บอกว่าทำได้ดีสำหรับกลุ่มซิตี้คาร์ และหน้าตาที่ดีไซน์ออกมาไม่ได้เหมือนเป็นของเล่นมากเกินไปเหมือนคู่แข่งสัญชาติจีน อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนหันมามอง VinFast
แต่วัสดุที่ค่อนข้างจำกัดต้นทุน และออปชั่นที่อยู่ภายในห้องโดยสาร อาจจะไม่ถูกใจผู้ใช้รถยนต์ในบ้านเราเท่าไรนัก โดยเฉพาะตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งความโล่งบริเวณคอนโซลกลางถึงจะเข้าใจได้ว่าจะตั้งราคาขายไม่สูง แต่เป็นปกติของคนไทยที่อยากได้ออปชั่นเยอะๆ ไว้ก่อน ใช้ไม่ใช้ค่อยว่ากันทีหลัง
อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนไทยที่มีการแสดงความเห็นกับทีมงาน VinFast ไปพอสมควรหลังจากจบการ ทดสอบ ครั้งนี้ และสำหรับ VF5 มีการแนะนำถึงการลองเพิ่มมูลค่า (Value-Added) เช่น ฟรีติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือเงื่อนไขพิเศษ เพื่อให้คนซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
คงต้องรอดูอีกครั้งตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ว่า VinFast ใจใหญ่พอไหมกับ VF 5 โมเดลแรกที่จะเป็นตัวชี้ชะตาพวกเขาในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยเป้าหมายที่จะทำยอดขายระดับ 6,000 คันในช่วงที่เหลือของปี 2024
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: VinFast Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th