Volkswagen ปิดฉาก e-Golf หลังคันสุดท้ายออกจากสายการผลิต
Volkswagen ได้ประกาศออกมาว่าการผลิต e-Golf ได้ปิดฉากลงแล้ว พร้อมกับการที่รถแฮทช์แบ็กไร้การปล่อยมลพิษขณะเดินทางรุ่นนี้คันสุดท้ายเคลื่อนออกมาจากสายการผลิตที่โรงงาน Transparent Factory ในเมืองเดรสเดน เยอรมนีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากรุ่นใช้พลังงานไฟฟ้าของ Golf ถูกผลิตที่โรงงานแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2017
ทาง Volkswagen เปิดเผยว่าตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมาที่เริ่มการผลิตที่โรงงานในเดรสเดนจนถึงคันสุดท้าย ได้มี e-Golf ถูกผลิตออกมารวมทั้งหมด 145,561 คัน เมื่อรวมจำนวน 95,160 คันที่มาจากโรงงานในโวล์ฟบวกส์ซึ่งผลิตมาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งการปิดฉาก e-Golf เป็นการเปิดทางสู่การขยายการผลิตของรถไฟฟ้ารุ่นใหม่กว่าอย่าง ID.3 เพราะตั้งแต่ต้นปี 2021 โรงงานที่ Golf ไฟฟ้าคันสุดท้ายออกมาจะถูกเตรียมให้พร้อมสำหรับการผลิต ID.3
Volkswagen e-Golf ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 จากนั้นก็ได้รับการอัพเดตในปี 2017 โดยมีสเปกคือสามารถเดินทางได้ 231 กิโลเมตรต่อการชาร์จจากแบตเตอรี 35.8 kWh ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังขับเคลื่อน 134 แรงม้า ทาง Danny Auerswald ผู้บริหารโรงงานได้พูดถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตใหม่หลังปิดฉากการผลิต e-Golf ว่า “การสิ้นสุด e-Golf ยังเป็นการเริ่มเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับ ID.3 โดยในไม่กี่สัปดาห์เราจะเปิดฉากใหม่สำหรับโรงงาน Transparent Factory หลัง Zwickau เราคือแห่งที่สองในยุโรปที่ผลิตรถยนต์ซึ่งใช้พื้นฐานบนระบบ e-Drive โมดูลาร์ใหม่”
โรงงานของ Volkswagen ในเดรสเดนถูกตั้งขึ้นในปี 2001 จากนั้นก็ผ่านงานประกอบรถยนต์ทั้งของ Volkswagen เองและแบรนด์อื่นในเครือ โดยเริ่มจากการประกอบ Volkswagen Phaeton ระหว่างปี 2001 ถึง 2016 ซึ่งรถซีดานเรือธงรุ่นนี้ถูกประกอบที่โรงงานแห่งนี้ไป 84,235 คัน นอกจากนี้ยังเคยประกอบ Bentley Flying Spur ไปรวม 2,186 คันระหว่างปี 2005-2006 และ 2013-2014 ส่วน e-Golf ถูกประกอบที่โรงงานในเดรนเดนไปทั้งหมด 50,401 คัน โดยคันสุดท้ายจากสายการผลิตเป็นสี Uran Grey
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th