Volkswagen คิดค้นการพิมพ์ 3 มิติที่ชิ้นส่วนรถมีน้ำหนักเบาลง

ตามปกติแล้วเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติหรือ 3D Printing มักถูกใช้ในการผลิตอุปกรณ์หรืออะไหล่เฉพาะที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษซึ่งไม่ได้ถูกผลิตเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ทาง Volkswagen ระบุว่ากระบวนการพิมพ์ 3 ใหม่ของตนสามารถทำให้ชิ้นส่วนรถมีน้ำหนักเบาลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์จากการผลิตด้วยแผ่นโลหะแบบเดิม และสามารถที่จะนำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากได้

Volkswagen ได้ระบุว่ากระบวนการพิมพ์ 3 มิติใหม่ของตนที่เรียกว่า Binder Jetting ในสำนักงานใหญ่ที่เมืองโวล์ฟบวร์ก เยอรมนีทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนของรถที่มีน้ำหนักเบากว่าชิ้นส่วนที่ผลิตจากแผ่นเหล็กได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเบื้องหลังของเทคโนโลยีนี้คือการแทนที่เลเซอร์ที่ใช้ในการพิมพ์ 3 มิติแบบเดิมด้วย 2 กระบวนการซึ่งรวมเอาการใช้สิ่งที่ทำให้เกิดการยึดติดในการสร้างชิ้นส่วนขึ้นมาเอาไว้ด้วย ซึ่งกระบวนการผลิตนี้ถูกระบุว่าทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น

ชิ้นส่วนแรกที่ถูกผลิตจากการพิมพ์ 3 มิติใหม่ของ Volkswagen ที่เรียกว่า Binder Jetting คือชิ้นส่วนเสา A-Pillar ในรถรุ่น T-Roc เปิดประทุน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรับรองภายของบริษัทในเกี่ยวกับชิ้นส่วนที่ผลิตออกมาอยู่ โดยชิ้นส่วนนี้มีน้ำหนักประมาณครึ่งหนึ่งจากที่เคยมีซึ่งมาจากการผลิตแบบเดิม และได้ทำการทดสอบด้านความปลอดภัยกับชิ้นส่วนจากการพิมพ์ 3 มิติเรียบร้อยแล้วด้วย

นอกจากแถลงถึงความสำเร็จในการผลิตชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบาลงแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนียังประกาศถึงการร่วมมือด้านซอฟต์แวร์กับ Simen ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความร่วมมือด้านเครื่องพิมพ์กับ HP Inc อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ Volkswagen มีการผลิตที่ล้ำหน้ามากขึ้นและนำไปสู่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น อย่างการผลิตหลายชิ้นส่วนพร้อมกันในห้องพิมพ์เกียวกัน ซึ่งผลที่ตามมาคือนวัตกรรมนี้จะทำให้การพิมพ์ 3 มิติมีราคาไม่แพงสำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์จำนวนมากได้

“แม้ว่าจะมีความท้าทายเกิดขึ้นจากการระบาดของโคโรนาไวรัส แต่เรายังคงทำงานเพื่อสร้างนวัตกรรมต่อเนื่อง โดยร่วมกับผู้ร่วมงานของเรา เราต้องการทำการพิมพ์ 3 มิติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในปีต่อๆ ไป สำหรับใช้ในสายการผลิตอย่างยั่งยืน” Christian Voller หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และโลจิสติกของ Volkswagen เปิดเผย