VOLKSWAGEN CrossBlue Concept Diesel Plug-In Hybrid
CrossBlue เผยโฉมครั้งแรกในเดือนมกราคม ปี 2013 ในฐานะรถต้นแบบ และต้นสังกัดปล่อยออกมาโชว์ตัวแบบวิ่งบนถนนจริงอีกครั้งในช่วงปลายปี เพื่อตอกย้ําว่า VW พร้อมแล้วสำหรับการผลิตรถ SUV ดีเซล-ปลั๊กอิน-ไฮบริด รุ่นนี้และหากพิจารณาจากขนาดและรูปทรงตัวถัง ก็อาจชวนให้คิดต่อไปได้ว่า CrossBlue อาจเป็นตัวต้นแบบของ Touaregเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ผลิตขึ้นด้วยแนวคิด Midsize SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติเพื่อการประหยัดพลังงานและลดมลพิษในทุกองค์ประกอบ CrossBlue มาพร้อมมิติ ความกว้าง ความยาว และความสูง 2,015, 4,987 และ 1,733 มิลลิเมตร ตามลำดับ ขณะที่ Tiguan มีความยาวราว 4.4 เมตร และ Touareg มีความยาว 4.8 เมตร เมื่อเปรียบเทียบกับระดับเกือบ 5 เมตร ของ CrossBlue จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่ SUV ต้นแบบโมเดลนี้ จะมาเป็น Touareg ใหม่ในอนาคตที่เครื่องยนต์บิ๊กบล็อก V8 และ V10 จะไม่ได้เป็นทางเลือกหลักอีกต่อไป ตัวแรงประจำรุ่นจะเป็นเครื่องยนต์ V6 ที่พ่วงมากับมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนรุ่นที่เน้นทำตลาด จะมาแบบเบาๆ สบายๆ ด้วยเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ ทั้งบล็อก TSI (เบนซิน) และ TDI (ดีเซล) พร้อมเสริมแรงขับเคลื่อน ด้วยต้นกำลังไร้มลพิษอย่างมอเตอร์ไฟฟ้าผู้เขียนเคยนำเสนอ CrossBlue Coupe รถ SUV ต้นแบบที่แตกไลน์ออกมาจาก CrossBlue ซึ่งทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง BMW X5 และ X6 โดยทั้ง CrossBlue Coupe และ CrossBlue ถูกออกแบบให้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ “Engine + twoE-motors + dual-clutch transmission + propshaft by wire”
โดยในส่วนของเครื่องยนต์ CrossBlue Coupe จะใช้ขุมพลังเบนซิน TSI ขณะที่ CrossBlue จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล TDI สำหรับ ‘propshaft by wire’ จะหมายถึงเพลากลางแบบไร้สายไฟ หรือการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังนั่นเอง VW เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี ที่สร้างนวัตกรรมกับยนตรกรรมประหยัดพลังงานมาแล้วมากมายหลายรุ่น หนึ่งในนั้นเป็นรถ SUV ไฮบริดตัวต้นแบบ กับตัวถังขนาดกลางอย่าง CrossBlue เป็นรถลูกผสม-เสียบปลั๊ก ที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อความง่ายในการจัดวางโครงสร้างและบริหารจัดการพลังงานวิศวกรจึงออกแบบให้เครื่องยนต์ + มอเตอร์ตัวที่ 1 รับหน้าที่ขับเคลื่อนเฉพาะล้อหน้า ส่วนมอเตอร์ตัวที่ 2 ซึ่งแรงกว่า รับหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง CrossBlue ถึงแม้จะเป็นลูกผสม แต่ยังคงความเป็นรถ AWD ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง CrossBlue ตัวต้นแบบ ให้ความสำคัญกับเรื่องสมรรถนะไปพร้อมๆ กับความประหยัด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 7.5 วินาที ต้นกำลังหลักใช้เครื่องยนต์เบนซิน TDI รหัส EA288 เป็นบล็อกแถวเรียง 4 สูบ ขนาดความจุยังไม่เปิดเผย แต่น่าจะอยู่ในระดับ 2 ลิตร พร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Common Rail เรียกแรงม้ามาใช้งานได้ 220 kW หรือ 190 PS แรงบิดสูงสุด 400 Nm มีมาให้ใช้งานตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบ/นาที ชุดเครื่องยนต์ TDI และเกียร์คลัตช์คู่ (DSG 6 สปีด) ถูกจับวางในแนวขวาง ทั้ง 2 อุปกรณ์คั่นกลางไว้ด้วย E-motor หมายเลข 1 หรือ ‘มอเตอร์ตัวหน้า’ ขนาด 40 kW ให้แรงบิด 180 Nm โดยทั้งเครื่องยนต์ TDI และ E-motor หมายเลข 1
จะรับหน้าที่ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และผสานการทำงานกัน เช่นเดียวระหว่างเครื่องยนต์ TDI + E-motor หมายเลข 1 ส่วนรูปแบบการขับเคลื่อนล้อหลัง จะเป็นการทำงานของ E-motor หมายเลข 2 เพียงอย่างเดียว ในสภาพการขับเคลื่อน AWD จะใช้การทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ + E-motor ทั้ง 2 ตัวนอกจากนี้ CrossBlue มีโหมดการทำงาน 5 โหมด ที่สัมพันธ์กับรูปแบบการขับเคลื่อน ได้แก่ E-mode, ECO, Sport, Off -road และ Charge Mode ซึ่งจะเน้นการผลิตพลังงานไฟฟ้าป้อนคืนสู่แบตเตอรี่มากกว่าระดับปกติ เช่น ในสภาวะที่เครื่องยนต์ TDI + E-motor หมายเลข 1 ขับเคลื่อนรถ E-motor หมายเลข 2 ก็จะเปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นเจเนอเรเตอร์ (ไดชาร์จ) ผลิตไฟป้อนคืนแบตเตอรี่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน และใน E-mode หรือ All Electric Mode กับสภาพแบตเตอรี่เต็ม รถจะรองรับการเดินทางแบบไร้มลพิษได้ 33 กิโลเมตรและมอเตอร์สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 กม./ชม.
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th