e-Beetle เปลี่ยนเต่าคลาสสิกให้กินไฟ
แม้ Volkswagen Beetle ที่กลับมาออกแบบและผลิตใหม่อีกครั้งตั้งแต่ปี 1997 คันสุดท้ายจะออกจากสายการผลิตพร้อมกับยุติการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทาง Volkswagen จะตัดไม่ขาดกับชื่อ Beetle ที่สร้างความโด่งดังให้กับตน ล่าสุดทาง Volkswagen Group Components ได้ร่วมมือกับ eClassic เพื่อทำ Beetle รุ่นคลาสสิกในเวอร์ชั่นใช้พลังงานไฟฟ้าออกมา แถมจะนำไปเปิดตัวที่แฟรงเฟิร์ตมอเตอร์โชว์ด้วย
ความร่วมมือนี้ทาง eClassic รับหน้าที่ในการดัดแปลงโดยใช้ชิ้นส่วนจาก Volkswagen e-UP! ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี มอเตอร์ไฟฟ้า และชุดเกียร์ 1 สปีด ซึ่งหมายความว่า e-Beetle ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 81 แรงม้าซึ่งรับพลังงานมาจากแบตเตอรีลิเธียมไอออน 36.8 kWh ในการขับเคลื่อน โดยแบตเตอรีซึ่งถูกติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถจะช่วยให้สามารถเดินทางได้ 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จ และรองรับการชาร์จพลังงานแบบเร็วซึ่งทำให้เมื่อพลังงานหมดจากแบตเตอรีขณะเดินทาง สามารถใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อเดินทางได้ต่ออีก 150 กิโลเมตร[expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
แม้น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นจากการเสริมความแข็งแกร่งให้เแชสซีส์และใช้ระบบเบรกใหม่ แต่ e-Beetle ก็มีน้ำหนักอยู่ที่ 1,280 กิโลกรัม และมีสมรรถนะที่ไม่เต่า โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 วินาทีเพื่อเร่งจาก 0-50 กม./ชม. และใช้เวลามากกว่า 8 วินาทีเล็กน้อยเพื่อพาไปถึง 80 กม./ชม. ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 150 กม./ชม.
การทำ e-Beetle ออกมาไม่ใช่เพียงแค่การทำโชว์เท่านั้น แต่ยังรับแปลง Beetle รุ่นคลาสสิกให้กับเจ้าของที่อยากเปลี่ยนรถของตนเป็นรถไฟฟ้าด้วยจากการระบุของ Thomas Schmall กรรมการบริหารของ Volkswagen Group Components “Beetle ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นการรวมเสน่ห์ของรถที่คลาสสิกของเราเข้ากับการเดินทางในอนาคต นวัตกรรม e-Components จาก Volkswagen Group Components ถูกวางอยู่ภายใต้ฝากระโปรง เราทำงานเพื่อให้เป็นรถไฟฟ้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้วยการมีความรู้สึกร่วมในกระบวนการทำ นอกจากนี้เรายังจัดเตรียมการดัดแปลงอย่างมืออาชีพไว้ให้เจ้าของ Beetle ด้วยโดยมีการใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง”
นอกจากนี้ไม่เพียงแค่ Beetle เท่านั้นแต่ยังมีแปลงรถรุ่นคลาสสิกอื่นๆ เพื่อให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าด้วยในอนาคต “เราพร้อมจะทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมแพลตฟอร์มสำหรับรุ่น Bus และจะมี e-Porsche 356 ออกมาให้เห็นในอนาคต นอกจากนี้เรายังสามารถใช้แพลตฟอร์ม MEB ในอนาคตได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งระยะการเดินทางและสมรรถนะ” กรรมการบริหารของ Volkswagen Group Components กล่าวเพิ่ม
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]