Volkswagen Golf Ml8 สู่ยุคไฟฟ้าและดิจิตอล
ไม่เพียงแค่ 2 ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นของญี่ปุ่นจะเปิดตัวรถแฮทช์แบ็กรุ่นใหม่ออกมาในช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ทางฝั่งยุโรป Volkswagen ก็ได้มีการเปิดตัวโฉมใหม่ของแฮทช์รุ่นดังของตนอย่าง Golf ออกมาด้วย โดย Volkswagen Golf ที่เพิ่งถูกเปิดตัวออกมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 หรือ Mk8 เป็นการนำรถรุ่นนี้ไปสู่ยุคไฟฟ้าและดิจิตอลอย่างเต็มตัว
ในด้านดีไซน์สำหรับคนที่ผิดหวังกับ Volkswagen Golf รุ่นที่แล้วซึ่งดูเหมือนแทบไม่แตกต่างจากรุ่น Mk6 นัก คงจะถูกใจกับ Golf รุ่นใหม่ เพราะแม้จะไม่ได้มีการออกแบบชนิดที่เรียกได้ว่าปฏิวัติรูปแบบของรถแฮทช์แบ็กรุ่นนี้ แต่ก็แสดงความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจนด้วยรายละเอียดต่างๆ บนตัวรถที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นโดยเฉพาะที่ด้านหน้าและด้านหลังซึ่งเป็นจุดที่สามารถทำให้มองเห็นความแตกต่างได้ชัดที่สุด จนทำให้ Golf ใหม่ดูทันสมัยขึ้นอย่างชัดเจน
ด้านมิติของ Golf ใหม่ทาง Volkswagen มาแปลกเพราะมีการออกแบบรถให้มีความยาวมากขึ้น แต่ความกว้างและความสูงน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วยความยาว 4,284 มม. กว้าง 1,789 มม. และสูง 1,456 มม. ในขณะที่ระยะฐานล้อ 2,636 มม. มีความยาวกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย
ในส่วนของการขับเคลื่อนเรียกได้ว่า Golf ใหม่เข้าสู่ยุคของการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว เพราะทาง Volkswagen ระบุว่า Golf Mk8 มี 5 รุ่นไฮบริดให้เลือกใช้ โดยมี 3 รุ่น eTSI ซึ่งเป็น Mild Hybrid ใหม่ใช้เทคโนโลยี 48V ที่ประกอบด้วย Belt Starter Generator, แบตเตอรีลิเธียมไอออน 48 V และเครื่องยนต์ TSI เจเนอเรชั่นล่าสุด มีกำลังให้เลือกตั้งแต่ 110, 130 และ 150 แรงม้า ในขณะที่ 2 รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมกับแบตเตอรีลิเธี่ยมไอออน 13 kWh สามารถช่วยให้เดินทางได้ 60 กิโลเมตรโดยไม่ปล่อยมลพิษมีกำลัง 204 แรงม้า และ 245 แรงม้าในรุ่นสปอร์ต GTE ส่วนรุ่นใช้ไฟฟ้าล้วนจะตามมาในปี 2020
อย่างไรก็ตามทาง Volkswagen ก็ยังมีทางเลือกของเครื่องยนต์ปกติทั้งเบนซินและดีเซลใน Golf Mk8 อยู่รวมไปถึงเครื่องยนต์ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ด้วย 2 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ TSI กำลัง 90 และ 110 แรงม้า 2 เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ TDI กำลัง 115 และ 150 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ TGI ใช้แก๊สมีทางเลือกเดียวกำลัง 130 แรงม้า
นอกจากการเข้าสู่ยุคของรถไฟฟ้าด้วยทางเลือกมากมายของรุ่นไฮบริดแล้ว Golf ใหม่ยังเข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัว เพราะภายในห้องโดยสารที่ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยขึ้น พร้อมกับลดปุ่มควบคุมที่เป็นปุ่มจริงๆ ลง รวมไปถึงมีการแสดงข้อมูล Head-up Display บนกระจกหน้า ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดย OCU หรือ Online Connectivity Unit ในรถมีการเชื่อมต่อ eSIM รวมอยู่ด้วยสำหรับการทำงาน We Connect และ We Connect Plus หรือบริการอื่นๆ นอกจากนี้ทาง Volkswagen ยังระบุว่าตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป Golf จะเป็นรถรุ่นแรกของตนที่เชื่อมต่อกับสิ่งที่อยู่รอบๆ รถได้เป็นการทำงานมาตรฐาน เพราะมีการทำงาน Car2X สำหรับรับข้อมูลจากรถคันอื่นในรัศมี 800 เมตร รวมไปถึงสัญญาณจากระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการจราจรเพื่อเตือนผู้ขับ โดยที่ Golf สามารถส่งข้อมูลนี้ไปยังรถที่มาพร้อมกับการทำงาน Car2X คันอื่นได้
ส่วนการขาย Volkswagen Golf ใหม่ไม่ต้องรอนานสำหรับคนที่อยู่ในยุโรป เพราะเริ่มส่งรถไปตามดีลเลอร์ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th