Volkswagen ID.Life แนวคิดรถไฟฟ้าเพื่อการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่
Volkswagen เผยโฉม ID.Life ซึ่งเป็นแนวคิดรถไฟฟ้าขนาดเล็กดีไซน์รูปทรงกล่องที่มีการทำงานต่างๆ ที่ไม่เคยมีในรถไฟฟ้า ID รุ่นอื่นก่อนหน้านี้ออกมาให้ดู โดยระบุว่าเป็นรถที่จะถูกส่งออกมาทำตลาดในกลุ่มรถขนาดเล็กในปี 2025 โดยเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อย
Volkswagen ID.Life ซึ่งเป็นการแสดงถึงแนวคิดการเดินทางในอนาคตของคนรุ่นใหม่อายุน้อยใช้พื้นฐานจากสถาปัตยกรรม MEB ที่มีขนาดเล็กที่สุดของ Volkswagen และจะเป็นรถรุ่นแรกบนแพลตฟอร์ม MEB ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กแต่ก็มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังขับเคลื่อนถึง 230 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 6.9 วินาทีจากการะบุของผู้ผลิตยนต์ในเยอรมนี นอกจากนี้ยังใช้แบตเตอรี 57 kWh ที่ให้ระยะการเดินทางถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ
ด้านการออกแบบแม้จะมีหลายส่วนของตัวรถที่แชร์การออกแบบมาจากรถรุ่น ID ที่เผยโฉมออกมาก่อนหน้านี้ทั้ง ID.3, ID.4, ID.5 และ ID BUZZ แต่ ID.Life มีจุดเด่นด้วยตัวรถรูปทรงกล่องในสไตล์แฮทช์แบ็กย้อนยุคมีเส้นเหลี่ยมสันที่ชัดเจน รวมทั้งมีการรวมทั้งไฟหน้า ไฟท้ายและโลโก้ Volkswagen ซึ่งเป็นไฟสว่างไว้เป็นส่วนหนึ่งภายในตัวรถ โดยที่ด้านหลังของรถนอกจากมีไฟท้าย LED และแถบไฟที่สะท้อนมาจากด้านหน้าของรถแล้วยังมีสปอยเลอร์ที่หลังคาด้วย
รถที่ทาง Volkswagen นำไปแสดงในงานมิวนิคมอเตอร์โชว์มาในสีทูโทนมีหลังคาสีดำ มีจุดเด่นที่ตัวรถใช้สีที่มีตัวกลางธรรมชาติและ Hardener ซึ่งมีพื้นฐานจากสารชีวภาพ โดยปรากฏเป็นจุดสีเล็กๆ กระจายทั่วตัวถังรถ ในขณะที่หลังคาของรถที่สามารถถอดออกได้ผลิตมาจากการรีไซเคิลขวด PET 100 เปอร์เซ็นต์
ภายในห้องโดยสารของ ID.Life เต็มไปด้วยการทำงานต่างๆ จากการระบุของผู้ผลิต อย่างการมีจอสำหรับฉายโปรเจ็กเตอร์เลื่อนขึ้นมาจากแผงแดชบอร์ดจนบังกระจกหน้าทั้งหมด เพื่อเป็นจอขนาด 34 นิ้วสำหรับมัลติมีเดียไม่ว่าจะเป็นการดูภาพยนตร์หรือเล่นวิดีโอเกม นอกจากนี้รถคอนเซ็ปต์ไฟฟ้าสำหรับการเดินทางของคนอายุน้อยในอนาคตยังมีเบาะนั่งที่มีความยืดหยุ่นในการปรับ อย่างการปรับเบาะหน้าให้แบนราบเพื่อให้ผู้อยู่ในเบาะหลังใช้เบาะหน้าเป็นที่วางเท้าขณะนั่งเอนหลังดูภาพยนตร์ รวมทั้งสามารถพับเบาะหลังลงจบแบนราบเหมือนกับเบาะหน้าเพื่อเปลี่ยนเป็นเตียงนอนที่มีความยาว 2 เมตร
อย่างไรก็ตามรถคอนเซ็ปต์ไฟฟ้าไม่ได้มีจอระบบ Infotainment มาให้ แต่จะใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของผู้ขับติดไว้ที่แดชบอร์ดด้วยแม่เหล็กแทน โดยที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตจะถูกรวมเข้าไปอยู่ในระบบปฏิบัติการของรถและใช้ควบคุมการทำงานต่างๆ นอกจากนี้แน่นอนว่าภายในห้องโดยสารจะมีการใช้วัสดุต่างๆ เพื่อความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันชีวภาพ ยางจากธรรมชาติ และเศษไม้
ด้วยแนวคิดหลายๆ อย่างที่ล้ำหน้าของรถ หากอยากรู้ว่าเมื่อ ID.Life ขึ้นสายการผลิตจริงแล้วจะยังเหลือฟีเจอร์ใดจากตอนเป็นรถคอนเซ็ปต์บ้างคงต้องรอดูในปี 2025
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th