VOLVO 360c Autonomous Concept ทางเลือกใหม่…สำหรับการเดินทาง
VOLVO มองการณ์ไกล ขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยรถต้นแบบ ‘360c Autonomous’ เป้าหมายเพื่อเข้าไปเก็บตกลูกค้าที่เดินทางโดยสายการบินในประเทศ ช่วงระยะไม่เกิน 300-500 กิโลเมตร และพบอุปสรรคนานาประการ ทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัว ปริมาณผู้คนในสนามบิน ที่ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนไม่ได้รับความสะดวก จึงพร้อมเสนอทางเลือกใหม่ เป็นการเดินทางโดยรถพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ ให้ความสบายสูงสุดในการเดินทาง ไม่เป็นรองการโดยสารเครื่องบินชั้น first class ระหว่างการเดินทาง ผู้โดยสารเลือกได้ทั้งนอนสบายๆ เหมือนอยู่บ้าน นั่งเล่น ดูซีรีส์ หรือเตรียมงาน รถเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ผู้โดยสารก็พร้อมเข้าประชุมงานต่อได้ในทันที
ในปี 1959 ค่าย VOLVO ได้เริ่มต้นพัฒนาเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด เพื่อใช้งานกับรถยนต์เป็นรายแรกของโลก กระทั่งปัจจุบันเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ได้กลายเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่รถยนต์ทุกคันต้องมี และ VOLVO กำลังมุ่งพัฒนาระบบ Autonomous ให้กลายเป็นเรื่องปกติ สำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกัน ประเด็นสำคัญ ตัวระบบต้องให้ความปลอดภัยในการใช้งานสูงสุด ตามมาตรฐานอันเข้มข้นของ VOLVO ทุกประการ
หากพิจารณากันแบบผิวเผิน ระบบขับขี่อัตโนมัติ หรือพาหนะไร้คนขับ (Autonomous) มีการพัฒนากันมาพักใหญ่แล้ว ทำไมปัจจุบันถึงยังไม่พร้อมใช้งานแบบเต็มระบบ นั่นเพราะผู้พัฒนาระบบมองการณ์ไกล รถยนต์ที่มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติเพียงไม่กี่คัน จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และความปลอดภัยต่อการจราจรโดยรวม มันต้องพัฒนาให้เป็นระดับเครือข่าย ความหมายคือ รถยนต์ทุกคันในอนาคต ที่วิ่งอยู่ในแต่ละภูมิภาค ต้องสามารถสื่อสารกันได้ตลอดเวลา
Autonomous Level 5 || Full Autonomous รถไม่จำเป็นต้องมีคนขับอีกต่อไป ไม่มีทั้งพวงมาลัย และแป้นคันเร่ง แป้นเบรก มนุษย์เป็นเพียงผู้โดยสาร สามารถทำงานได้ทุกสภาพถนน และทุกเงื่อนไข มนุษย์ทำหน้าเป็นผู้สั่งการ เพื่อกำหนดจุดหมายปลายทางสำหรับการเดินทาง
การสื่อสารของรถ Autonomous ถูกออกเป็น 2 ส่วน คือ “V2V” (vehicle – to – vehicle communication) และ “V2I” (vehicle – to – infrastructure communication) โดยการสื่อสารทั้ง 2 ส่วน จะทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้แบบไร้คนขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ
V2V เป็นการสื่อสารระหว่างรถกับรถ ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ขณะที่ V2I เป็นการสื่อของรถแต่ละคัน กับโครงสร้างใหญ่ของระบบศูนย์กลาง (ตามภูมิภาค) โดย V2I จะใช้การสื่อสารแบบไร้สายทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยในโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ WLAN, UMTS, GPRS และ LTE (Long Term Evolution) โดยทั้งหมดจะเพิ่มความแม่นยำในการแสดงตำแหน่งด้วย GPS (ระบบดาวเทียมของสหรัฐอเมริกา), GLONASS (ระบบดาวเทียมของรัสเซีย) และ GALILEO (ระบบดาวเทียมของสหภาพยุโรป)
สำหรับโมเดลทางธุรกิจที่ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง VOLVO มองเห็น มาจากอุปสรรคบางประการของการโดยสารเครื่องบินในประเทศ ข้อมูลที่ได้มาจากการวิจัยการเดินทางในสหรัฐอเมริกา พบว่า แต่ละปีมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากถึง 741 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินมหาศาล 741 พันล้าน USD, จากตัวเลขนี้ กว่า 200 ล้านคน ใช้ระยะในการเดินทางต่ำกว่า 500 ไมล์ หรือ 800 กิโลเมตร และมากกว่า 500 เที่ยวบิน เป็นการเดินทางระหว่าง New Yoke City กับ Washington D.C. (ข้อมูลจากปี 2017: แหล่งข้อมูล Bureau of Transportation Statistics)
อุปสรรคคลาสสิกที่พบขณะใช้สนามบิน ได้แก่ ความแออัด, การเข้าคิวที่ยาวนาน, เสียงดัง, การรอคอย, การดีเลย์ของเที่ยวบิน รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของสนามบิน จะดีกว่ามั้ยถ้ารถต้นแบบ VOLVO 360c Autonomous วิ่งไปรับ พร้อมให้บริการระดับ first-class ถึงหน้าประตูบ้าน จากนั้นรับคุณไปส่งยังจุดหมายปลายทาง แบบที่คุณไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอีกต่อไป (door to door)
VOLVO 360c Autonomous นำเสนอ 4 รูปแบบห้องโดยสาร ขณะเดินทางได้จากรถเพียงคันเดียว ได้แก่ พื้นที่เพื่อความบันเทิง (Entertainment Space), ห้องนั่งเล่น (Living Room), ห้องทำงานเคลื่อนที่ (Mobile Office) และห้องนอน (Sleeping Environment) เป็นรถไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มระบบ รถจะไม่มีทั้งพวงมาลัย คันเกียร์ หรือแม้แต่แป้นคันเร่ง และแป้นเบรก (Autonomous Level 5) ระหว่างการเดินทางระบบจะคำนวณพลังงานไฟฟ้า เทียบกับระยะทางที่วิ่งใช้งานตลอดเวลา หากพลังงานจากแบตเตอรี่ที่เหลือไม่ครอบคลุมระยะทางที่เหลืออยู่ รถจะหาจุดชาร์จไฟแบบ Wireless Charging ตามสถานีบรรจุไฟระหว่างเส้นทาง เพื่อสำรองพลังงานเข้าแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ
แนวคิด VOLVO 360c Autonomous นำเสนอมุมมองใหม่ได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะกับช่องว่างที่เกิดจากอุปสรรคของการเดินทางโดยเครื่องบินระยะทางใกล้ๆ ภายในประเทศ ระบบ Autonomous ในรถทำอะไรได้มากกว่าแค่ ‘รถไร้คนขับ’ แต่พุ่งเป้าชี้ให้เห็นข้อดีอีกหลายรายการขณะเดินทางโดยที่เราไม่ต้องขับรถ ช่วงเวลาดังกล่าว สามารถถูกนำประโยชน์ได้อีกมากมาย Full Autonomous จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สำหรับรถในอนาคตอันใกล้นี้
เรื่อง: พิทักษ์ บุญท้วม
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th