Volvo S90 D4 Inscription ซีดานหรูที่เหมาะกับคำว่าสมบูรณ์แบบ
การทดลองขับแบบ Group Test ของ The New Volvo S90 D4 Inscription ในครั้งนี้ ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะจริงๆ เพราะด้วยอากาศที่เย็นกำลังดี บรรยากาศบนเส้นทางไปสู่ที่พักแถววังน้ำเขียวที่ให้ความรู้สึกถึงเส้นทางแถบยุโรปยังไงยังงั้น ซึ่งช่วยทำให้เจ้า S90 คันนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น เป็นรถยนต์ในกลุ่มพรีเมี่ยมซีดานที่สมบูรณ์แบบในหลายๆ ด้านจริงๆ
ในครั้งนี้ “วอลโว่” เลือกใช้เส้นทางจาก Volvo Car Thailand ถ.รามคำแหง มุ่งหน้าสู่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก แถมอากาศภายในห้องโดยสารยังมีระบบ Clean Zone ที่สร้างอากาศที่บริสุทธิ์สะอาดเหมือนอยู่สวีเดนอีกต่างหาก (งานขายของก็มา) โดย The New Volvo S90 เป็นรถพรีเมี่ยมซีดานรุ่นเรือธงที่มาในบุคลิกใหม่ต่อจาก The All New XC90 ที่กวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก มีรูปทรงที่ให้ความรู้สึก “ทรงพลังและสง่างาม” อีกทั้งยังเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยนวัตกรรมความปลอดภัยระดับโลก จัดเต็มเอาไว้ในรถรุ่นนี้และมีมากกว่าคู่แข่ง
สำหรับชื่อชั้นของวอลโว่ แน่นอนว่าคนไทยคุ้นเคยกันมาหลายยุค แม้ว่าในยุคแรกๆ รูปทรงจะดูเป็นเหลี่ยมสันดูเชย แต่ได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน มากกว่าใครๆ โดยในปัจจุบัน “วอลโว่” (Volvo) คือ แบรนด์รถหรูที่เติบโตอย่างรวดเร็วแบรนด์หนึ่งในปี 2559 และมีความพร้อมมากกับการกำหนดทิศทางการทำตลาดในประเทศไทย ในอนาคตบริษัทมีแผนการขยายตลาดสู่พื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นสร้างแบรนด์และการทำการตลาดให้ตรงกับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการปรับรูปแบบการเปิดตัวรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อให้รวดเร็วขึ้นหลังจากการเปิดตัวในต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยจะใช้วิธีการนำเข้าจากสวีเดนโดยตรง หลังจากนั้นจึงดำเนินการผลิตในประเทศมาเลเซีย (SKD) ซึ่งได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย
เอาล่ะมาดูเรื่องรูปโฉมของ The New Volvo S90 D4 Inscription กันบ้าง ที่ด้านหน้าตัวรถจะเห็นว่า วอลโว่ S90 ใหม่ สะดุดตาด้วยไฟหน้าสไตล์เดียวกับกับ XC90 “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) แบบแอลอีดี (LED) พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และมีไฟ Daytime-Running Lights ไว้ในโคมเดียวกัน ผนวกกับกระจังหน้าที่ดูเว้าเข้ามองเผินๆ เหมือนลูกคลื่น พร้อมตราโลโก้ Volvo Iron Mark รูปแบบใหม่ของวอลโว่ และโคมไฟท้ายรูปตัว C (C-Shaped LED) ออกแบบใหม่ พร้อมตัวอักษร Volvo ที่ด้านท้ายรถ ซึ่งมองดูแล้วให้ความรู้สึกมีเหลี่ยมมุมเหมือนท้ายรถสไตล์อเมริกันอยู่เหมือนกัน (ไม่รู้ว่าเพราะว่าวอลโว่ขายดีในตลาดอเมริกาหรือเปล่า ถึงได้ออกแบบมาในลักษณะนี้) ตัวถังที่ดูเพรียวยาวและกว้าง ซึ่งมีมิติตัวถังที่ยาวและกว้างที่สุดในกลุ่มรถซีดานพรีเมี่ยม โดยตัวถังยาว 4,963 มม. กว้าง 1,879 มม. สูง 1,443 มม. และฐานล้อ (Wheelbase) 2,941 มม.
โครงสร้างตัวรถออกแบบโดย Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการออกแบบทางวิศวกรรมที่นำสมัยที่สุดของวอลโว่และได้นำมาใช้กับรถวอลโว่ซีรี่ย์ 90 รุ่นใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มเนื้อที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้นและยังช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ ประโยชน์ที่ได้คือ เพิ่มสมรรถนะ ประหยัดเชื้อเพลิง ลดมลภาวะ คล่องตัวและบังคับควบคุมได้ง่าย แต่ไม่สูญเสียความแข็งแรงปลอดภัย เพราะใช้วัสดุที่มีแข็งแกร่งสูง เช่น เหล็กกล้าโบรอน (Ultra-High Strength BORON Steel) ที่ทนการบิดและยืดหยุ่นตัวได้สูงมาก
ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในนั้นยกมาจาก XC90 แต่เพิ่มความพรีเมียมขึ้นอีกขั้น เริ่มจากแผงหน้าปัดที่ออกแบบใหม่แสดงผลกราฟฟิกขนาด 12.3 นิ้ว ที่แผงแดชบอร์ด คอนโซล ประตู ตกแต่งด้วยลายไม้ธรรมชาติสไตล์สแกนดิเนเวียน เบาะหนัง Nappa แท้ หน้าจอสัมผัสขนาด 9.0 นิ้ว ระบบกรองอากาศ Clean Zone ที่ดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากภายนอก ทำให้อากาศภายในรถสะอาดบริสุทธิ์เหมือนอยู่ที่สวีเดน (ถึงจะไม่เคยไปสวีเดน แต่รู้สึกได้ว่าภายในรถมีอากาศที่สะอาดจริงๆ) แถมยังเสริมความอเนกประสงค์ในการใช้งานด้วยช่องเก็บของที่คอนโซลกลาง ที่วางแขนกลางเบาะหลัง พนักพิงเบาะหลังที่สามารถพับราบได้แบบ 60/40 พื้นที่เก็บของเมื่อเปิดฝากระโปรงท้ายออกมาแล้วต้องร้องว้าว!! เพราะมันกว้างมาก มากพอที่จะวางถุงกอล์ฟเข้าไปแบบวางขวางได้อย่างสบาย ยิ่งเป็นเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้นเป็นกอง แต่ที่น่าสนใจมากคือ S90 คันนี้ มีระบบรหัสล็อคส่วนตัว (Glove Compartment with Private Locking) ที่แปรสภาพให้ที่เก็บของบริเวณคอนโซลและที่ท้ายรถเป็นตู้เซฟเคลื่อนที่ เพราะหากจะเปิดต้องปลดล็อครหัสจากแผงควบคุมเท่านั้น ต่อให้ถือกุญแจรีโมทอยู่ในมือก็ไม่สามารถเปิดออกได้ ช่างเซฟตี้นิรภัยจริงๆ
หลักสำคัญ 3 ประการของการออกแบบตกแต่งภายในรถรุ่นใหม่ของ Volvo คือ ขนาดและการจัดวางที่ลงตัว (Proportion), การใช้เทคโนโลยีอันชาญฉาด (Intelligent use of Technology) และความสวยสง่าเรียบหรูตามสไตล์สแกนดิเนเวีย (the best Scandinavian expression of Luxury)
ในเรื่องของขนาดและการจัดวางที่ลงตัว (Proportion) จะเห็นว่าเค้าโครงรูปแบบห้องโดยสารจะถูกยืดยาวแนวขวาง รู้สึกได้ถึงความกว้างขวางนั่งยืดเหยียดขาสะดวกสบาย เหมือนนั่งรถลีมูซีน จอสัมผัสแสดงผลขนาด 9 นิ้วตรงกลาง ตัดเรื่องปุ่มสวิตช์หลายปุ่มที่เปลืองเนื้อที่ออกไปสะท้อนให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดของวอลโว่ที่นำมาประยุคใช้ในวันนี้
หน้าจอนี้ตั้งอยู่ที่แผงหน้าปัดที่เอียงไปยังผู้ขับเล็กน้อย ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและมองเห็น บรรยากาศภายในรถให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย มีระบบฟอกอากาศที่หากไฟ CleanZone สว่างขึ้นบนจอแสดงผลแบบสัมผัส นั่นหมายความว่า ทุกคนในรถกำลังได้รับอากาศบริสุทธิ์สะอาด
สำหรับขุมพลังใช้เครื่องยนต์ Drive-E ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ขนาดความจุ 2,000 ซี.ซี. ทวินเทอร์โบชาร์จ เทคโนโลยีหัวฉีดเชื้อเพลิงอัจฉริยะ i-ART ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พิกัดความแรง 190 แรงม้า ที่ 4,250 รอบต่อนาที แรงบิดมหาศาล 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที เท่านั้น!! อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 8.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเคลมไว้ที่ 19.6 กม./ลิตร แต่จากการใช้งานจริงหน้าจอแสดงสถานะเอาไว้ที่ 17 กม./ลิตร และปล่อยไอเสีย CO2 น้อยมากที่ 133 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร
สามารถปรับโหมดการขับได้ 4 โหมด คือ
Comfort mode : โหมดขับขี่ปกติที่ให้ความนุ่มนวลต่อการนั่งโดยสารและประหยัดเชื้อเพลิง
Eco mode : โหมดขับขี่ที่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉพาะพร้อมจอแสดงผลอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงต่อการขับขี่แต่ละคน ลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ เพื่อลดปริมาณการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แต่ยังคงรักษาความเย็นในห้องเอาไว้
Dynamic mode : เป็นโหมด Sport ที่ขับสนุกและอัตราเร่งที่รวดเร็ว
Individual mode: โหมดพิเศษที่สามารถปรับตั้งโปรแกรมเครื่องยนต์ เกียร์ และอื่นๆ ตามผู้ขับ
โดยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลตัวใหม่ ที่ติดตั้งระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอัจฉริยะ i-ART (Intelligent Accuracy Refinement Technology) เป็นลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์ของ Volvo โดยเฉพาะ และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งให้กับรถยนต์นั่งในตลาดยุโรป เป็นการใช้หัวฉีดเชื้อเพลิงที่มีโมโครชิพและเซนเซอร์ควบคุมแรงดันแยกอิสระแต่ละหัวฉีดซึ่งติดตั้งอิสระแต่ละสูบ หมายความว่า ระบบอิเลคทรอนิคจะตรวจวัด คำนวณปริมาณเชื้อเพลิงฉีด และฉีดให้ได้จังหวะกับการสันดาปของแต่ละสูบได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำมาก ซึ่งหัวฉีดเชื้อเพลิงให้แรงดันสูงถึง 2500 บาร์ (Bar) เป็นหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูงสุดเท่าที่จะหาได้ในตลาดปัจจุบัน แต่ละหัวฉีดยังฉีดพ่นเชื้อเพลิงออกเป็น 9 รู รูปทรงห้องเผาไหม้และลักษณะพอร์ตไอดี-ไอเสียกำหนดแบบให้สนับสนุนประสิทธิภาพการสันดาปและการไหลเวียนของก๊าซได้คล่องตัวที่สุด การทำงานที่แม่นยำของหัวฉีดเชื้อเพลิงถูกโปรแกรมนับจากตัวรถออกจากโรงงานผลิต และตรวจเช็คโดยศูนย์บริการตราบเท่าอายุวิ่งใช้งานของตัวรถ โดยปกติแล้ว เครื่องยนต์จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นตามอายุของการวิ่งใช้งาน ตามการเสื่อมสภาพของระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง แต่ตรงกันข้ามกับระบบหัวฉีดอัจฉริยะ i-ART ที่มีสมรรถนะมากกว่า แต่ประหยัดเชื้อเพลิง และมลภาวะไอเสียต่ำ อีกทั้งประหยัดเชื้อเพลิงอย่างคงเส้นคงวา แม้ตัวรถจะมีอายุการวิ่งใช้งานที่มากขึ้น และทำงานได้เงียบกว่าด้วยระบบ Timed Pre-Injections
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ของ Volvo ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มพลังเทอร์โบชาร์จคู่ (Twin-Turbochargers) เป็นลูกเทอร์โบตัวเล็กกับตัวใหญ่ทำงานประสานรับช่วงกัน มีการทำงานแบบ Sequential คือ เทอร์โบตัวเล็กจัดส่งพลังให้กับเครื่องยนต์ในย่านความเร็วรอบต่ำ ขณะที่เทอร์โบตัวใหญ่จะคอยเสริมและรับช่วงต่อตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ 3,000 รอบต่อนาที ขึ้นไปอย่างต่อเนื่องนั่นเอง หากอยู่ในจังหวะที่เทอร์โบชาร์จตัวเล็กส่งพลังให้กับเครื่องยนต์จนหมุนรอบเร็วขึ้น แรงอัดอากาศในเทอร์โบตัวเล็กจะถูกปล่อยผ่านท่อ By-Pass เพื่อลดแรงดันเกินพิกัด เทอร์โบชาร์จตัวใหญ่รับช่วงอัดอากาศให้กับเครื่องยนต์ต่อที่รอบเครื่องยนต์หมุนตั้งแต่ 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป ซึ่งนี่เป็นเทคนิคที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ของ Volvo ทุกรุ่น ปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์ดีเซลของวอลโว่ทุกรุ่นติดตั้งฟิลเตอร์กรองเขม่าไอเสีย ที่สามารถลดปริมาณเขม่าดำได้ถึง 99% โดยไม่ต้องบำรุงรักษาหรือถอดเปลี่ยนตลอดอายุใช้งานอีกด้วย
ในส่วนของระบบช่วงล่างถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ S90 ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ (Front Suspension) ได้ปฏิวัติรูปแบบใหม่ จากเดิมใช้แมคเฟอร์สันสตรัท (McPherson Strut) เพื่อไม่ให้เปลืองเนื้อที่ติดตั้งในซุ้มล้อหน้า แต่ในรถรุ่นใหม่ได้รับการจัดสรรพื้นที่มากพอที่จะติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบปีกนก 2 ชั้น (Double-Wishbone front suspension) เพราะการออกแบบโครงสร้างตัวรถโดยหลักสถาปัตย์วิศวยานยนต์ (SPA) และเครื่องยนต์พร้อมชุดเกียร์ส่งกำลังมีขนาดเล็กกะทัดรัดมากขึ้น จึงมีเนื้อที่มากพอให้ติดตั้งระบบกันสะเทือนปีกนก 2 ชั้นได้ เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนน/ทรงตัวได้อิสระเต็มตัวมากขึ้น Volvo นำรูปแบบกันสะเทือนปีกนก 2 ชั้นมาขัดเกลาใหม่ ด้วยขนาด สัดส่วน องศาติดตั้งชิ้นส่วนประกอบแต่ละชิ้น เปลี่ยนใช้วัสดุที่ผลิตจากโลหะอลูมิเนียม (Aluminium)มาใช้ เพื่อให้น้ำหนักเบา ปลอดสนิมเหล็ก ค่าดูแลรักษาต่ำ ทำงานเงียบ ผลที่ได้ คือ เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและการทรงตัว ลดอาการหน้าดื้อโค้ง ท้ายปัด และแรงดึงที่เกิดขึ้นจากการเร่งเครื่องยนต์ขณะเลี้ยว (Torque Steer) น้อยลงมา
ส่วน ระบบกันสะเทือนหลัง (Rear Suspension) เป็นรูปแบบใหม่เช่นกัน โดยอาศัยแบบกันสะเทือนหลังอิสระเต็มตัวของมัลติ-ลิ้งค์(Multi-Link Rear Suspension) แต่ใช้วิธีซ่อนรวมเหล็กหนวดกุ้งไว้กับชิ้นส่วนอื่นๆเป็นชุดเดียวกัน หรือ Integral Link Design ประโยชน์ที่ได้ไม่เฉพาะเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนน ทรงตัวได้อย่างอิสระมากขึ้นเท่านั้น แต่สามารถปรับแต่งองศาของแต่ละชิ้นส่วนได้อย่างเป็นมิติ คุณลักษณะพิเศษของระบบกันสะเทือนหลังอยู่ตรงที่การใช้แหนบสปริงที่ทำจากวัสดุผสมมาติดตั้งวางขวางลำตัวรถ(Composite Material Leaf-Spring) ทำหน้าที่แทนคอยล์สปริง และชิ้นส่วนประกอบที่เป็นอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักระบบกันสะเทือนหลังทั้งชุด
ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องมาคู่กัน คือ ระบบพร้อมเบรก โดยปกติแล้วระบบเบรกรถยนต์จะมีระยะห่างระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรก ในการทำงานจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ผ้าเบรกจะจับตัวหลังการเหยียบเบรก แต่เสี้ยววินาทีนั้นอาจจะล่าช้าไปในกรณีฉุกเฉิน วอลโว่จึงได้คิดค้นระบบพร้อมเบรก หรือ Brake Support เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้า โดยระบบอิเลคทรอ-ไฮดรอลิคที่มีความไวสูงจะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก (Pre-Charging) โดยอัตโนมัติในทันทีที่ผู้ขับถอนคันเร่งและมีแนวโน้มว่าจะต้องเหยียบเบรก เร่งให้ผ้าเบรกกระชับใกล้กับจานเบรกมากขึ้น และสามารถจับเบรกได้เร็วขึ้นโดยไม่สูญเสียเสี้ยววินาทีนั้นไป ระบบพร้อมเบรกนี้สามารถปรับตั้งได้จากฟังก์ชั่น “Ready” บนจอแสดงผลระบบสัมผัสเหนือคอนโซลกลางนั่นเอง
มีอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ เทคโนโลยี Sensus Connect และระบบเสียงขั้นเทพของ Bowers & Wilkins ที่รถยนต์วอลโว่รุ่นใหม่ติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมสัญญาณสั่งการและสื่อสารผ่านดาวเทียม ที่มีชื่อว่า Sensus Connect เป็นระบบแรกของโลกที่เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในเครือข่าย iOS อย่าง iPhone ได้โดยซอฟท์แวร์ที่มากับตัวรถ บังคับควบคุมที่ปุ่มสัมผัสบนแกนพวงมาลัยรถ และการสั่งการด้วยเสียง Voice Control ของผู้ขับ แสดงข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลขนาด 9.0 นิ้ว แต่ที่สุดสวาทขาดใจและขาดไม่ได้สำหรับความรื่นหูตลอดการเดินทาง S90 รุ่นนี้ ติดตั้งเครื่องเสียง “Premium Sound by Bowers & Wilkins” ระบบสเตอริโอรอบทิศทางที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดเป็นมิติฟังนุ่มหูที่สุดของโลก ระบบเสียงชั้นนำชุดนี้มาพร้อมกับแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12-แชนเนล คลาส-ดี และลำโพง 19 ตัวรอบห้องโดยสาร และซัพวูฟเฟ่อร์ขับเสียงทุ้มนุ่มลึกตัวใหม่ที่มีระบบรับลมจากภายนอกรถเป่าระบายความร้อนในตัว (Unique Air-Ventilated Subwoofer) ระบบเสียงสเตริโอรอบทิศทางนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีวิศวกรรมเสียง Room Transformation ผลวิจัยพัฒนาระหว่าง Volvo กับบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ระบบเสียง Direct Research ที่มีชื่อเสียงของสวีเดน ผลที่ได้ คือ สามารถนำระบบเสียงในห้องแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ซึ่งเป็นมิติมาติดตั้งรับฟังได้ในรถยนต์โดยคุณภาพเสียงไม่มีผิดเพี้ยน สามารถเลือกฟังได้ 3 โหมด คือ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall ที่สร้างสรรค์อารมณ์การได้ยินเหมือนนั่งอยู่ใน Gothenburg Concert Hall จริงๆ
มาถึงเรื่องระบบความปลอดภัยกันบ้าง (ยาวหน่อยแต่สำคัญจริงๆ) วอลโว่นั้นขึ้นชื่อเรื่องของความปลอดภัยที่สุดในโลก ดั่งสโลแกนติดหู “ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่” ซึ่งวอลโว่ยุคใหม่นี้ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น แถมยังเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เป็นต้นกำเนิดของระบบความปลอดภัยในรถยนต์ที่มีใช้ในทุกวันนี้อีกด้วย
ระบบความปลอดภัยของวอลโว่ หรือ Intellisafe ควบรวมระบบความปลอดภัยทั้งในป้องกันและปกป้อง The New Volvo S90 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Pilot Assist เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 เป็นระบบช่วยในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ระบบนี้ช่วยในการบังคับและควบคุมพวงมาลัย และจะปรับตำแหน่งของรถให้วิ่งอยู่กึ่งกลางของเส้นขีดเลนบนท้องถนน ซึ่งฟังก์ชันดังกล่าวจะทำงานที่อัตราความเร็วสูงสุดที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ต้องอาศัยรถคันหน้าอีกต่อไป ทั้งนี้ Pilot Assist เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญไปสู่วิสัยทัศน์ของวอลโว่ที่ว่า “ในปีค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสในรถวอลโว่รุ่นใหม่”
และไม่ได้มีเพียงแค่ Pilot Assist ภายใน S90 ยังได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า City Safety ซึ่งวอลโว่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกของโลก City Safety คือ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานใน Volvo S90 ระบบนี้ประสานการทำงานระหว่างระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ(Automatic Braking Functionality)กับระบบอัตโนมัติหลีกเลี่ยงการชน(Collision Avoidance system) ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุภายใต้เงื่อนไขที่ขับรถโดยไประมาท เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุดที่มาควบคู่กับระบบสัญญาณตรวจจับสัตว์ใหญ่ (Large Animal Detection) เช่น กวาง วัว ควาย ช้าง ม้า ฯลฯ ทำให้ไม่เพลี่ยงพล้ำชนหรือเลี้ยวหลบจนเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน รวมถึงยังมีนวัตกรรมความปลอดภัยล่าสุดของโลกอีกระบบหนึ่ง คือ ระบบบังคับทิศทางให้รถวิ่งอยู่ในช่องแบ่งจราจรโดยอัตโนมัติ หรือ Run-Off Road Mitigation
Run-Off Road Mitigation – A Volvo World-First คือ ระบบบังคับทิศทางให้รถวิ่งอยู่ในช่องแบ่งจราจรโดยอัตโนมัติ เป็นนวัตกรรมล่าสุดของโลก ติดตั้งเป็นมาตรฐานใน The new Volvo S90 โดยเสริมการทำงานอีกชั้นหนึ่งให้กับระบบ Lane Keeping Aid ที่มีอยู่เดิมในรถรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้จะเข้าแทรกแซงการบังคับทิศทางในทันที่ที่ตัวรถมีแนวโน้มที่วิ่งออกนอกเส้นแบ่งช่องจราจรและหรือตกถนน โดยกล้องเรด้าร์จับภาพที่ติดตั้งอยู่ส่วนบนของกระจังบังลมหน้ารถซึ่งตรวจจับเส้นแบ่งช่องจราจรและขอบถนนอยู่ตลอดเวลาที่รถวิ่งเคลื่อนที่
สำหรับระบบบังคับทิศทางให้รถวิ่งอยู่ในช่องแบ่งจราจรโดยอัตโนมัตินี้ ทำงานในช่วงความเร็ว 65-140 กม./ชม. ทั้งกลางวันและกลางคืน จะเข้าแทรกแซงโดยช่วยบังคับพวงมาลัยรถในกรณีที่ผู้ขับพลั้งเผลอหรือว่าหมุนพวงมาลัยเลี้ยวหลบไม่ทัน อีกทั้งช่วยเบรกชะลอความเร็วให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถบังคับพวงมาลัยรถได้ด้วยตนเองทุกกรณี ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปิด/ปิดระบบ Run-Off Road Mitigation ได้ตามต้องการจากฟังก์ชั่นบนหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสเหนือคอนโซลกลาง แต่หากกรณีที่รถวิ่งตกถนนโดยเหตุสุดวิสัย ระบบอัตโนมัติป้องกันรถวิ่งตกถนน จะกระชับรัดตรึงเข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้าโดยทันที และทำงานควบคู่กับระบบซับแรงกระแทกที่ฐานยึดเบาะนั่งคู่หน้า ทำให้ช่วยบรรเทาอันตรายให้กับผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าเอาไว้ได้
ระบบหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุชนสัตว์ใหญ่ (Avoid or Mitigating Collisions with Large Animals – Volvo World-First) The new Volvo S90 ได้เสริมระบบขับขี่ปลอดภัยด้วยระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชน City Safety ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวรถ รวมถึงระบบตรวจจับสัตว์ใหญ่ที่ขวางหน้ารถยนต์ขณะวิ่งเคลื่อนที่ เป็นนวัตกรรมล่าสุดอีกระบบหนึ่ง กล้องเรด้าร์ที่กระจกหน้ารถจะตรวจจับสัตว์ใหญ่ที่ยืนขวางและหรือเดินเชื่องช้าตัดหน้ารถได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ในทันทีและช่วยเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อชะลอความเร็วลงจากเดิม 15 กม./ชม. หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุชนสัตว์ใหญ่จนเกิดความเสียหายหรืออุบัติเหตุรุนแรง แต่หากสุดวิสัยไม่สามารถหลบหลีกได้ทันที่ความเร็วไม่น้อยกว่า 30 กม./ชม. เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าจะรัดตรึงคนขับคนนั่งให้กระชับติดกับเบาะนั่ง ลดอาการสะบัดรุนแรงของร่างกายที่อาจทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนบาดเจ็บพิการได้
ในส่วนของ โครงสร้างนิรภัย (Body Construction) วอลโว่เน้นความแข็งแรงปลอดภัยในส่วนโครงสร้างของห้องโดยสารมากเป็นพิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพของการซับแรงกระแทกชนได้มากขึ้นให้กับส่วนหน้าและท้ายรถ(Crumple Zone) โดยการเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวรถ แต่ลดน้ำหนักโดยรวมและเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิงในขณะเดียวกัน วิศวกรจึงคิดนำเหล็กกล้าชนิดพิเศษที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ เรียกว่า Boron (Ultra-High Strength Steel) มาใช้เป็นโครงสร้างบริเวณสำคัญที่รับแรงดึง กด กระแทก บรรเทาอันตรายให้กับผู้ขับผู้โดยสารในรถจากอุบัติเหตุรถกระแทกชน ถูกชนด้านข้าง และหรือพลิกคว่ำรุนแรงด้วย โครงสร้างส่วนหลังคารถได้รับการเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษกว่ารถรุ่นก่อนๆ ในอดีต
ระบบเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายรถโดยปราศจากการสัมผัส (Hand-Free Opening and Closing of the Power-Operated Booth/Trunk-Lid) อาศัยการทำงานของกุญแจรีโมท Keyless ที่ใช้ล็อค/ปลดล็อคประตูรถพัฒนาขึ้นเป็นระบบเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายรถ โดยปราศจากการสัมผัสเพียงแหย่ปลายเท้าเข้าไปใต้กันชนหลังด้านซ้ายเบริเวณที่ติดเซนเซอร์ ฝากระโปรงท้ายรถซึ่งทำงานด้วยไฟฟ้าจะเปิดขึ้นเอง และทำเช่นกันเมื่อต้องการจะปิดฝากระโปรงท้ายรถ และนี้ยังทำงานร่วมกับกุญแจรีโมทแบบสร้อยคอ Key Tag ได้ด้วยเช่นกัน
เบาะรองนั่งหลังปรับได้ 2 ระดับในตัว (Two-Stage Integrated Child Booster Cushion) สำหรับความปลอดภัยของเด็กเล็กในรถยนต์ เบาะนั่งตอนหลังของ The new Volvo S90 ออกแบบพิเศษให้ส่วนของเบาะรองนั่งของที่นั่งริมซ้ายและขวาสามารถปรับพับยกระดับสูงขึ้นได้ 2 ระดับ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยขณะเดินทางให้กับเด็กโตที่ร่างกายยังสูงไม่พอต่อการคาดรัดเข็มขัดนิรภัยในตำแหน่งที่นั่งของผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Volvo เท่านั้น
คุณสมบัติเด่น (Highlight Feature: The new Volvo S90)
Pilot Assist : ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติเจนเนอเรชั่นที่ 2 ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. โดยไม่ต้องอาศัยรถ อื่นวิ่งนำหน้า ช่วยบังคับควบคุมพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ เพื่อให้รถยนต์วิ่งอยู่ในเส้นแบ่งช่องจราจร
City Safety: พัฒนาการล่าสุดประกอบด้วยความปลอดภัยย่อย ได้แก่ ระบบตรวจจับสัตว์ใหญ่, ระบบตรวจจับทำงานได้ในตอนกลางคืน, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลีกเลี่ยงการชนบริเวณทางแยก, ระบบรัดตรึงเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ (ก่อนรถตกถนน กระแทกชน พลิกคว่ำ)
Run-Off Road Mitigation : ระบบบังคับทิศทางให้รถวิ่งอยู่ในช่องแบ่งจราจรโดยอัตโนมัติ
Run-Off Road Protection : ระบบป้องกันอันตรายจากกรณีรถตกถนน
Park Assist Pilot : ระบบช่วยจอดอัตโนมัติทั้งแบบถอยเข้าซอง และถอยจอดขนานฟุตบาท
360-degree Parking Camera : กล้องช่วยจอดให้มุม 360 องศา
Hand-Free Open/Close Trunk-Lid : ระบบเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายรถโดยปราศจากการสัมผัส
Integrated Two-Stage Booster Cushion : เบาะรองนั่งสำหรับเด็กโตปรับได้ 2 ระดับ
Ultra-High Strength Steel : 35% ของน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ
โดยสรุปหลังจากได้ทดลองขับ The New Volvo S90 ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แน่นอนว่าความเร็วและแรงให้สมรรถนะที่โดดเด่น แต่สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย ระบบความปลอดภัยต่างๆ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเกิดกรณีฉุกเฉินต่างๆ มันจะทำงานแบบที่ไม่ทำให้ผู้โดยสารภายในรถต้องตกใจ เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง พวงมาลัยน้ำหนักกำลังพอดี คมและควบคุมได้ดั่งใจ ช่วงล่างที่ไม่ได้นุ่มนวลมาก แอบแข็งนิดๆ แต่ทำให้สนุกกับการขับได้มากขึ้น ห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา แถมด้วยชุดเครื่องเสียงขั้นเทพ เท่านี้ก็ทำให้การขับเจ้า S90 คันนี้กลายเป็นความสุขระดับพรีเมียมจริงๆ แต่ถึงกระนั้นยังพอมีจุดที่ให้ติติงกันบ้าง นั่นคือ เบาะหลังที่ฟองน้ำแข็งไปนิด ท่าการนั่งจะเป็นแบบก้นยุบลงแบบรถสปอร์ต ทำให้เวลานั่งโดยสารนานๆ มีอาการเมื่อยหลังได้พอสมควร อีกทั้งเบาะนั่งยังสั้นไปหน่อย ไม่รองรับต้นขา จึงทำให้นั่งไม่สบายเท่าที่ควร ต่างจากเบาะนั่งด้านหน้าที่สบายมากๆ โดยในทรรศนะของผู้เขียนเอง ยอมรับว่าโดยรวมให้ 9.5 เต็ม 10 เจ้า S90 คันนี้เป็นรถที่ดีจริงๆ อยากให้ลองเปิดใจสัมผัสดูแล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่างที่มากกว่าความเป็นรถซีดานหรูเท่านั้น
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยม อยากให้ลองพิจารณา The New Volvo S90 รุ่นนี้ดูบ้าง ที่โชว์รูมวอลโว่ทั่วประเทศ และหากเป็นเจ้าของรถยนต์วอลโว่ใหม่ทุกคันจะได้รับ Volvo Maintenance บริการบำรุงรักษาฟรี 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Warranty บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 3 ปี เป็นมาตรฐานสำหรับวอลโว่ทุกรุ่นด้วย ส่วนราคาค่าตัวของ The New Volvo S90 D4 Inscription นำเข้าทั้งคันจากสวีเดนอยู่ที่ 3,990,000 บาท ถือว่าคุ้มค่าและสมบูรณ์แบบมากสำหรับรถในกลุ่มพรีเมียมซีดาน.
ขอขอบคุณ บริษัท วอลโว่คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อความสะดวกตลอดการทดลองขับ
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th