Volvo XC90 Plug-in Hybrid เอสยูวีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ตัวเลือกของรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่หากจะเน้นที่รถที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่างไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริดนั้นมีอยู่หลายรุ่นเช่นกัน ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่หลังจากที่ได้ทดลองขับมาในหลายรุ่นแล้ว “All-New Volvo XC90” ควรได้รับคำชมว่าเป็นรถเอสยูวีที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความปลอดภัยที่เป็นเลิศ
จุดเด่นของ XC90 ที่นอกเหนือจากรูปโฉมที่ดูบึกบึน โดดเด่นสะดุดตา จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ คือ ขุมพลังและระบบพลังงานไฟฟ้า โดยขุมพลังนั้นมีขนาดแค่ 2.0 ลิตร (แต่แบกน้ำหนักตัวถังถึง 2 ตัน) กลับสร้างอัตราเร่งได้อย่างน่าตกใจ! นั้นเป็นเพราะ XC90 Twin Engine คันนี้เป็นเครื่องยนต์เบนซินที่นำอุปกรณ์เพิ่มพลัง 2 ชนิด คือ เทอร์โบชาร์จ (Turbocharger) และซูเปอร์ชาร์จ (Supercharger) มาให้ทำงานร่วมกันในทันที และเมื่อรวมพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้เครื่องยนต์รีดแรงม้าได้ถึง 407 แรงม้า และเรียกแรงบิดได้สูงถึง 640 นิวตัน-เมตร แถมยังส่งกำลังได้อย่างราบเรียบด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดลูกใหม่ พร้อม Sport Mode และ Geartronic ที่พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างวอลโว่และ Aisin AW ซึ่งมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาราว 5 วินาที เท่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นมาก
ส่วนเรื่องของระบบการสร้างพลังงานจากเทคโนโลยี Twin Engine ทีมวิศวกรของวอลโว่ได้ออกแบบเครื่องยนต์ Drive-E Powertrain ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้สมรรถนะเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่มีประสิทธิภาพการใช้และเผาไหม้เชื้อเพลิงที่สมบูรณ์แบบและสะอาดหมดจดมากกว่า และใช้เทคโนโลยี Plug-In Hybrid ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จจากเต้าเสียบไฟฟ้าปกติ (230V/6A to 16A fuse) การใช้เวลาในการชาร์จประจุไฟใหม่ขึ้นอยู่กับจำนวนแอมแปร์ หากเลือกกระแสไฟฟ้าชาร์จแบตเตอรี่สูงสุดที่ 16A สามารถชาร์จไฟเต็มโดยใช้เวลาเพียง 2.5 ชั่วโมง และสามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว (Pure mode) ได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร ซึ่งโหมดการขับแบบปกติจะถูกตั้งไว้ให้อยู่ในโหมด Hybrid เครื่องยนต์จะส่งกำลังขับเคลื่อนให้กับล้อคู่หน้า ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงขับ 87 แรงม้า จะส่งพลังขับเคลื่อนสู่ล้อคู่หลัง โดยซูเปอร์ชาร์จจะกระตุ้นพลังจากรอบเดินเบา ขณะที่เทอร์โบชาร์จกระตุ้นแรงมหาศาลในช่วงรอบกลางถึงรอบสูง มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนล้อหลังจะส่งกำลังให้เกิดแรงบิดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่ 8 สปีด พร้อม Geartronic ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างวอลโว่และ Aisin AW เพื่อมอบการขับขี่ที่ดี ตอบสนองและปรับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และนุ่มนวล ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง และปล่อยมลพิษต่ำ
ส่วนระบบไดชาร์จ-ไดสตาร์ท ติดตั้งที่ Flywheel ปลายเพลาข้อเหวี่ยงระหว่างเครื่องยนต์กับชุดเกียร์อัตโนมัติ จะทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์และชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ ช่วยในการทำงาน 3 อย่างหลักๆ คือ เป็นไดสตาร์ทพลังมหาศาล 34 กิโลวัตต์ที่สามารถสตาร์ทให้เครื่องยนต์ติดได้ในทันที, เปลี่ยนการทำงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นเครื่องยนต์ได้อย่างนุ่มนวล และเป็นไดชาร์จทรงพลังที่ทำหน้าที่เสมือนตัวเร่งการทำงานของเครื่องยนต์ ประสานการทำงานระหว่างเทอร์โบชาร์จกับซุเปอร์ชาร์จในทันทีที่ต้องการพลังจากแรงบิด 150 นิวตัน-เมตร ส่งพละกำลังในการออกตัวหรือเร่งแซง
ด้านแบตเตอรี่ High-Voltage 270-400 V ให้กำลัง 65 กิโลวัตต์ เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างจากค่ายรถอื่นๆติที่มักจะติดปัญหาเรื่องการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างของตัวรถโดยไม่เบียดบังพื้นที่ใช้สอยและความสวยงามภายในห้องโดยสาร ซึ่งวอลโว่ได้วางแบตเตอรี่ไว้ในโพลงเพลากลาง (ส่วนนูนที่พื้นรถตรงกลางห้องโดยสาร) ทำให้มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารในที่นั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 มากขึ้น ซึ่งตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ที่บริเวณกลางรถยังส่งผลดีให้ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลย์ และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลถึงการบังคับควบคุมที่ได้ง่าย เกาะถนน และปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้านั้นให้กำลังสูงสุด 87 แรงม้า หรือเท่ากับ 65.25 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ นั่งอยู่บนเฟืองท้ายตัวหลัง ส่งกำลังขับเคลื่อนเฉพาะล้อรถคู่หลัง ไม่ว่าจะเป็นโหมด Pure หรือว่า Power การติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่เฟืองท้ายตัวหลังทำให้มีเนื้อที่กว้างมากพอที่จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้พอเหมาะ ส่งกำลังไฟฟ้าไปยังล้อคู่หลังให้รถวิ่งเคลื่อนที่ในสภาวะการจราจรติดขัดหนาแน่นได้ดี ยิ่งไปกว่านั้น การติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนล้อหลังเป็นการเสริมประสิทธิภาพของการทำงานระบบขับเคลื่อนทุกล้อ (All-Wheel-Drive) ได้อย่างดีเลิศ โดยหลักการที่ว่า เฟืองท้ายตัวหน้าและตัวหลังมีแหล่งพลังการขับเคลื่อนแบบแยกอิสระ และสามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจด้วยระบบเบรกอัจฉริยะที่ผสมผสานเทคโนโลยี Brake-by-Wire นอกจากบังคับสั่งการห้ามล้อรถแล้ว ยังเป็นตัวชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่เพื่อการใช้งานเร่งด่วน มีอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพสรรพกำลังซึ่งจะควบคุมปริมาณพลังงานให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอ
ในการใช้งานจริง รถจะถูกปรับให้อยู่ในโหมดการขับขี่แบบปกติที่จะถูกตั้งไว้ให้อยู่ในโหมด Hybrid โดยอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องยนต์ Drive-E เบนซินความจุ 2,000 ซี.ซี. เทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ ส่งกำลังขับเคลื่อนให้กับล้อคู่หน้า ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงขับ 87 แรงม้า (หรือเท่ากับ 65.25 กิโลวัตต์ )ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ส่วนซูเปอร์ชาร์จกระตุ้นพลังจากรอบเดินเบาได้ความรู้สึกเหมือนเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ชนิดที่ไม่ใช้อุปกรณ์เพิ่มพลัง ขณะที่เทอร์โบชาร์จกระตุ้นแรงมหาศาลในช่วงรอบกลางถึงรอบสูงๆ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับล้อหลังให้แรงบิดอย่างต่อเนื่อง
โดยมีโหมดการขับให้เลือกใช้งานถึง 7 โหมด ได้แก่ DRIVE MODE, HYBRID, PURE, POWER , AWD , OFF-ROAD และ INDIVIDUAL แค่นั้นยังอัจฉริยะไม่พอ The All-New Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum ยังมีอีกหนึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่สำคัญ คือ ระบบช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ แบบถอยหลังเข้าซอง (Park Assist Pilot-Perpendicular), อุปกรณ์ Head-Up Display ที่แสดงผลความเร็วของรถ และข้อมูลในการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า ด้านหน้าของผู้ขับขี่ และสัมผัสระบบ Sensus Connect ที่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ากับเครื่องเสียงของรถผ่านสัญญาณบลูทูธ พร้อมทั้งได้ติดตั้ง Apple CarPlay ไว้สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เข้ากับรถเพื่อแสดงผลและใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆที่อยู่ในอุปกรณ์ iOS บนหน้าจอขนาด 9 นิ้วแบบสัมผัสที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลางของรถได้ด้วยการสัมผัส, สั่งการด้วยเสียง หรือด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยรถอีกด้วย
โดยสรุปแล้ว The All-New Volvo XC90 T8 Twin Engine พี่ยักษ์แห่งแดนไวกิ้งคันนี้ มีความโดดเด่นในหลายด้าน ยิ่งเป็นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบ Plug-In Hybrid ทำได้น่าประทับใจ ลองขับไปกลับจากกรุงเทพไปสัตหีบใช้น้ำมันไปไม่ถึงครึ่งถัง ให้ความแรงระดับรถสปอร์ต ห้องโดยสารกว้างขวาง ขึ้นลงสะดวก นั่งสบายในทุกตำแหน่ง แถมยังสามารถปรับเบาะใช้งานได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังมีระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่ช่วยให้การถอยจอดรถคันใหญ่ๆ เข้าช่องจอดเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เป็นรถเอสยูวีแบบ 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างคุ้มค่า ส่วนราคาจำหน่ายของ Volvo XC90 T8 Twin Engine AWD Momentum มีราคาอยู่ที่ 4,490,000 บาท ถือว่าเป็นเอสยูวีระดับหรูที่มีระดับราคาที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากทีเดียว
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th