VW I.D. R Pikes Peak ‘The first fully-electric racing car’
VW นำเสนอรถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ ‘I.D. Family’ ส่งรถออกมาโชว์ตัวแล้วทั้งหมด 4 โมเดล ได้แก่ I.D., I.D. CROZZ, I.D. BUZZ และ I.D. VIZZION แต่กับ ‘I.D.’ โมเดลล่าสุดนั้นแตกต่าง ด้วยการระบุไว้ว่า ‘The first fully-electric racing car’ เป็นรถแข่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย VW ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการ ‘I.D. R Pikes Peak’ เพียงแค่ชื่อก็พอจะบ่งบอกแล้วว่า ตัวแข่งไร้มลพิษคันนี้ถูกสร้างขึ้นมารองรับรายการแข่งขึ้นเขาที่คลาสสิกที่สุดในโลก นั่นคือรายการ Pikes Peak
ความท้าทายทีมงาน Volkswagen Motorsport แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องชัยชนะในรายการ Pikes Peak แต่เป็นครั้งแรกที่สมาชิกทุกคนจะได้เซอร์วิสรถแข่งที่ปราศจากเครื่องยนต์ และไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบที่พวกเขาคุ้นเคย และประเด็นที่น่าตื่นเต้นสุดๆ ‘I.D. R Pikes Peak’ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้เร็วกว่ารถแข่ง F1!!!
ตัวย่อ ‘I.D.’ มาจาก ‘Identity’ หมายถึง อัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลซึ่งจะไม่ซ้ำกัน นอกจากนั้น VW ยังหมายรวมถึง ‘Idea’ (ความคิด), ‘Individual’ (ความแตกต่างเฉพาะบุคคล) และ ‘Intelligent’ (ไหวพริบ ชาญฉลาด) ทุกความหมายข้างต้น เป็นแนวคิดในการพัฒนารถไฟฟ้า ‘I.D. Family’ ขึ้นในทุกรูปแบบตัวถัง นับตั้งแต่รถตู้ ไล่เรียงมาจนถึงรถแข่ง
ภายในปี 2020 ค่าย VW จากเยอรมนี พร้อมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ ด้วยการพัฒนาสถาปัตยกรรม (รูปแบบการจัดวางโครงสร้าง) สำหรับรถไฟฟ้าขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างและตัวถังจากรถที่ใช้เครื่องยนต์เหมือนรถไฟฟ้าในอดีต และ VW คาดหวังว่า อีก 5 ปีถัดจากนั้น จะสะสมยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าทั่วโลกได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งหากเราพิจารณาจากรถต้นแบบหลายรุ่นที่ VW โชว์เทคโนโลยีออกมาเป็นระยะๆ การตั้งเป้ากับตัวเลขดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
Pikes Peak เป็นรายการขับแข่งขึ้นเขาระดับตำนาน ชื่อเต็มๆ คือ ‘Pikes Peak International Hill Climb’ สำหรับปี 2018 นับเป็นครั้งที่ 96 จัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน (ขณะเขียนเรื่องนี้ ยังไม่ถึงวันแข่ง) สถานที่จัดแข่งเป็นเทือกเขา Rocky ในเมือง Colorado Springs ระยะทางขับขึ้นเขายาว 19.99 กิโลเมตร มีความสูง 1,440 เมตร จากจุดเริ่มต้นกับอีก 156 โค้ง สถิติเร็วสุดทำไว้ 8:13.878 นาที (ปี 2013) เป็นผลงานของอดีตแชมป์ WRC หลายสมัย นาม Sebastien Loeb ด้วยรถแข่ง Peugeot 208 T16
สำหรับในคลาสรถไฟฟ้าสถิติอยู่ที่เวลา 8:57.118 นาที (ปี 2016) โดย Rhys Millen ด้วยรถแข่ง ‘eO PP100’ ที่แรงระดับ 1,190 kW (1,600 hp) แรงบิดมหาศาล 2,520 Nm ทั้งหมดอยู่ในรถแข่งที่มีน้ำหนักตัวเพียง 1,200 กิโลกรัม
แม้ ‘I.D. R Pikes Peak’ จะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นรถแข่ง แต่รูปแบบการจัดวางระบบไฟฟ้า ไม่น่าจะต่างกับรถต้นแบบใน ‘I.D. Family’ ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ชุดแบตเตอรี่ถูกวางเกือบเต็มพื้นที่ของระยะห่างระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง ผลลัพธ์ที่ได้ คือ อุปกรณ์ที่หนักสุด ถูกนำมาวางในตำแหน่งต่ำที่สุด ช่วยลดจุด C.G ของรถทั้งคันลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว ทั้งการใช้ความเร็วในทางตรง และขณะรถเข้าโค้ง
สัดส่วนของตัวแข่ง ‘I.D. R Pikes Peak’ มีความกว้าง ความยาว และความสูง อยู่ที่ 2,350, 5,200 และ 1,200 มิลลิเมตร ตามลำดับ มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ตัวถังใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อก ระบบความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานรถแข่ง เช่นเดียวกับแอโรไดนามิกบนตัวถัง ที่พร้อมรับมือกับแรงลมปะทะในทุกโค้งของ Pikes Peak ช่วงล่างใช้ดับเบิ้ลวิชโบนทั้ง 4 ล้อ น้ำหนักรถทั้งคันถูกระบุมาที่ต่ำกว่า 1,100 กิโลกรัม
ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Permanent 4WD พร้อมระบบ Active Torque Distribution สำหรับประมวลผลการส่งแรงบิดอย่างสัมพันธ์กัน ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ในทุกสภาพโค้ง ข้อมูลจาก VW ไม่ได้ระบุถึงจำนวนมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรับหน้าที่ขับเคลื่อนรถ แต่จากรูปแบบระบบขับเคลื่อน AWD จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ‘I.D. R Pikes Peak’ จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เชื่อมต่อเข้ากับเพลาหน้าและเพลาหลังโดยตรง กำลังรวมของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 500 kW (680 hp) พร้อมแรงบิดสูงสุด 650 Nm อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.25 วินาที ขณะที่รถแข่ง Formula1 และ Formula E ทำได้โดยประมาณที่ 2.6 และ 2.9 วินาที ตามลำดับ โดยความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 240 กม./ชม.
ความยากเมื่อต้องนำรถไฟฟ้ามาขับแข่งขึ้นเขา อยู่ที่เรื่อง ‘การจัดการพลังงาน’ เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการชาร์จ ‘I.D. R Pikes Peak’ ใช้เวลาในการชาร์จจนกระทั่งแบตเต็มเพียง 30 นาที ชุดขับเคลื่อนได้รับการออกแบบให้มีระบบ Energy Recovery ส่งพลังงานคืนกลับราว 20% ขณะรถชะลอความเร็วหรือเบรก
สำหรับประเด็นที่รถแข่งไฟฟ้าได้เปรียบรถแข่งใช้เครื่องยนต์ปกติ อยู่ที่เรื่อง ‘ความเบาบางของออกซิเจน’ ซึ่งจะลดลงแปรผันตามระดับความสูง ณ Start Line อยู่เหนือระดับทะเล 2,862 เมตร แรงม้าจากเครื่องยนต์ลดลงได้สูงสุดถึง 29% และจะลดลงเฉลี่ยถึง 43% ที่ Finish Line เหนือระดับทะเล 4,302 เมตร ขณะที่รถแข่งไฟฟ้าไม่ต้องพึ่งพาออกซิเจนในการสร้างพลังขับเคลื่อนรถ นักแข่งสามารถจัดเต็มได้ 100% นับตั้งแต่ออกตัวยันเข้าเส้นชัย
เรื่อง : พิทักษ์ บุญท้วม
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th