Williams-Renault FW18 : ส่ง Hill สู่แชมป์โลกครั้งแรก
เมื่อเข้าสู่ยุคกลางทศวรรษที่ 1990 ขณะที่แม็คลาเรน-ฮอนด้าเริ่มอ่อนแรงลง และเฟอร์รารี่ยังไม่ฟื้นจากยุคมืด การฟาดฟันและชิงชัยความเป็นหนึ่งในสนามแข่งกลายเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างทีมวิลเลี่ยมส์ และเบนเนตอง
เดมอน ฮิลล์ และมิชาเอล ชูมัคเกอร์คือตัวแทนของการชิงชัยความสำเร็จในสนามแข่งของทั้ง 2 ทีม ซึ่งชูมัคเกอร์ทำได้ก่อนในปี 1994 กับชัยชนะด้วยตัวแข่งเบเนตตอง-ฟอร์ด ก่อนทำซ้ำอีกครั้งกับตัวแข่งเบเนตตอง-เรโนลต์ในปีต่อมา ขณะที่ในปี 1996 กลายเป็นปีแห่งความทรงจำของแฟนๆ ทีมวิลเลี่ยมส์ เพราะตัวแข่ง FW18 ถือเป็นรถแข่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง และสามารถพาเด็กๆ ของเซอร์แฟรงค์ วิลเลี่ยมส์คว้าแชมป์กันเป็นว่าเล่น ก่อนที่จะจบในซีซั่นด้วยการขึ้นครองแชมป์ครั้งแรกและครั้งเดียวของฮิลล์ ส่วนวิลเลี่ยมส์คว้าแชมป์ทีมผู้ผลิต
แพทริก เฮด และเอเดรียน นิวอี้ (ซึ่งในเวลาต่อมาคนหลังย้ายไปอยู่กับแม็คลาเรน ก่อนที่จะมาอยู่กับทีมเรดบูลส์ในปัจจุบัน) ถือเป็นคีย์แมนในการสร้างสรรค์รถแข่งรุ่นนี้ เพื่อให้วิลเลี่ยมส์ขับเคี่ยวกับทีมเฟอร์รารี่เป็นหลัก ซึ่งค่ายม้าป่าลำพองเพิ่งได้ตัวชูมัคเกอร์มาเป็นนักแข่งคู่บุญในปี 1996
ขณะที่ทีมอื่นๆ ยังไม่ใช่คู่ปรับที่สำคัญ เพราะแม็คลาเรนเองก็ยังออกอาการทรงกับทรุด เนื่องเพิ่งจะเปลี่ยนพันธมิตรการสนับสนุนเครื่องยนต์จากเปอโยต์มาเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนเบเนตตอง แม้ว่าในปี 1995 จะได้แชมป์โลก แต่การเปลี่ยนทีมของชูมี่ และหันมาใช้บริการนักแข่งรุ่นเก่าอย่างฌอง อเลซี่กับแกร์ฮาร์ด เบอร์เกอร์
ตัวรถยังได้รับอิทธิพลการออกแบบในสไตล์ Rised Nose หรือจมูกด้านหน้าของตัวรถยกสูงและมีช่องให้ลมแล่นผ่านด้านใต้เพื่อสร้างแรงกดบนแพนอากาศด้านหน้า และใช้เครื่องยนต์วี10 3,000 ซีซีในรหัส RS8/RS8B ของเรโนลต์เป็นขุมพลัง มีกำลังสูงสุด 750 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที โดยตัวแข่งรุ่นนี้นอกจากจะขับโดยฮิลล์แล้ว ยังขับโดยจากส์ วิลล์เนิฟ ซึ่งเป็นนักแข่งหน้าใหม่ใน F1 ช่วงนั้น เพราะเพิ่งย้ายจากการแข่งขันอินดี้คาร์มาร่วมเป็นปีแรก
FW18 มีส่วนช่วยทำให้วิลเลี่ยมส์กลับมาผงาดอีกครั้งหลังจากที่เคยคว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งครั้งสุดท้ายในปี 1993 ด้วยฝีมือของอแลง พรอสต์ (และจากนั้นเขาก็ประกาศอำลาสนามไป) โดย16 สนามของปี ฮิลล์ และวิลล์เนิฟคว้าแชมป์รวมกันได้ 12 สนาม (ฮิลล์ 8 สนาม วิลล์เนิฟ 4 สนาม) รวมถึงการออกสตาร์ทในตำแหน่งโพล โพซิชั่น 12 ครั้ง และทำเวลาต่อรอบดีที่สุด 11 ครั้ง
ตรงนี้ส่งผลให้ฮิลล์เป็นแชมป์โลก และเขากลายเป็นลูกชายของอดีตแชมป์โลก F1 ที่สามารถเป็นแชมป์โลก F1 ได้ ซึ่งเกรแฮม ฮิลล์ พ่อของเขาเป็นแชมป์โลก 2 ครั้งในปี 1962 และ 1968
นอกจากนั้น ตัวรถ FW18 เองยังเป็นรถแข่ง 2 ใน 3 คันของทศวรรษที่ 1990 ที่สามารถจบการแข่งขันกรังด์ปรีซ์นัดเปิดซีซั่นในอันดับ 1-2 ซึ่งที่ทำได้มีเพียง วิลเลี่ยมส์ FW14B ทำเอาไว้ในรายการแอฟริกาใต้ กรังด์ปรีซ์ในปี 1992 และแม็คลาเรน MP 4/13 ในรายการออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ 1998
อีกทั้ง FW18 ยังเป็นรถแข่งคันเดียวที่มีความทนทานและแล่นจำนวนรอบมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรถแข่งคันอื่นๆ เพราะในปีนั้น รถแข่ง FW18 ทั้ง 2 คันของทีมนี้แล่นด้วยจำนวนรอบรวมกัน 1,778 รอบสนามจากจำนวน 2,028 รอบสนามซึ่งเป็นการนำจำนวนรอบของแต่ละกรังด์ปรีซ์แต่ละรายการที่จัดในปีนั้นมารวมกัน และคูณด้วย 2 ซึ่งเป็นจำนวนรถแข่งที่แต่ละทีมส่งเข้าร่วมการแข่งขัน
FW18 จบการแข่งขันในปี 1996 โดยที่ทั้ง 2 คันสามารถทำแต้มรวมกันได้ 175 คะแนน และถือเป็นรถแข่งในยุคทศวรรษ 1990 ที่ทำแต้มสะสมจากการแข่งขันในช่วง 1 ปีรวมกันได้สูงที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ส่วนการผลิตออกมาใช้ในการแข่งขันมีทั้งหมด 6 คันเท่านั้น
และนับจากปี 1997 ซึ่ง Jaques Villeneuve คว้าแชมป์โลกให้กับทีม Williams ถึงตอนนี้ ทีมนี้ก็ยังไม่เคยก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อีกเลยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
เรื่อง : สุรศักดิ์ จรินทร์ทอง
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th