yaris cross 2021 โดดเด่นไปกับรูปลักษณ์ใหม่ และล้ำสมัยกับสิ่งอำนวยความสะดวก
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดตัว TOYOTA yaris cross รุ่นใหม่ โดยรูปลักษณ์ภายนอกของรถรุ่นนี้ จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า Toyota Yaris รุ่นเดิมเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อรถยนต์รุ่นนี้ได้ทำการจัดจำหน่ายครั้งแรก จะเป็นการจัดจำหน่ายในประเทศแม่ อย่างประเทศญี่ปุ่น ในส่วนของความโดดเด่นของ Toyota yaris cross จะมีความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีการจัดเต็ม ทั้งในเรื่องของระบบการใช้งาน ระบบทางด้านความปลอดภัย และความล้ำสมัยในแง่ของการประหยัดน้ำมัน
สำหรับ Toyota yaris cross ได้มีการสร้างอยู่บนพื้นฐานของแพลตฟอร์ม TNGA-B : Toyota New Global Architecture-B ในเวอร์ชันญี่ปุ่น ที่มีขุมพลังให้เลือกได้ถึง 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริด เครื่องยนต์รหัส M15A แบบ 3 สูบใหม่ นอกจากนี้ยังมีให้เลือกทั้งระบบการขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย
เครื่องยนต์ Toyota yaris cross
ในส่วนของเครื่องยนต์ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า จะมีให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะมีความแตกต่างกันออกไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร
สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน จะใช้เป็นเครื่องยนต์ M15A-FKS แถวเรียง 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,490 ซีซี. กระบอกสูบ 80.5 มิลลิเมตร ระยะช่วงชัด 97.6 มิลลิเมตร โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ จะให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจะอยู่ที่ 145 นิวตัว-เมตร ที่ 4,800-5,200 มิลลิเมตร จับคู่มากับเกียร์อัตโนมัติ Direct-Shift CVT
เครื่องยนต์ Hybrid เบนซิน 1.5 เครื่องยนต์รุ่นนี้ จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน M15A-FXE แถวเรียงกัน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,490 ซีซี กระบอกสูบxระยะช่วงชัก จะอยู่ที่ 80.5×97.6 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจะอยู่ที่ 120 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800-4,800 มิลลิเมตร ในรุ่นนี้จะมีการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่
- มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า INM AC Synchronous Motor สำหรับมอเตอร์รุ่นนี้จะให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตัน-เมตร
- มอเตอร์ตัวหลัง IMM AC Induction Motor ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 3 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจะอยู่ที่ 52 นิวตัน-เมตร
ในส่วนของแบตเตอรี่ จะใช้รูปแบบ Lithium-ion 4.3 Ah จับคู่มาจับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ความจุของถังน้ำมันมากถึง 36 ลิตร
สิ่งที่น่าสนใจใน Toyota yaris cross
- สำหรับรูปลักษณ์ และดีไซน์ของรถรุ่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะจะมีการพัฒนามาจากแนวคิด “Robust And Minimalist” หรือแข็งแกร่ง และเรียบง่าย โดยทางโตโยต้าได้ระบุว่า คือการออกแบบให้มีความสมาร์ต ทรงพลัง และลงตัว ในแง่ของความสวยงาม ด้านหน้าของรถจะสื่อถึงความดุดัน มุมมองด้านข้างตัวรถจะสื่อถึงการขับขี่ที่ราบรื่น ไม่สะดุด ส่วนในด้านท้ายของรถ นอกจากจะให้ความรู้สึกสวยงามแล้ว ยังคำนึงถึงความอเนกประสงค์ที่สูงสุดอีกด้วย
- ในส่วนห้องโดยสาร จะมีการเพิ่มความโดดเด่นของลายเส้นตรงกลาง ที่ต่อเนื่องจากคอนโซลไปจนถึงหน้าจอแสดงผล ในขณะที่ตำแหน่งของเบาะที่นั่งด้านหน้า และคันเกียร์จะมีการจัดวางใหม่ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันการวางตำแหน่งของหน้าจอแสดงผล ที่วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาออกไปจากถนน
- Toyota yaris cross ถือเป็นรถยนต์ Compact SUV รุ่นแรกของ Toyota ที่มีฟังก์ชันพับเบาะด้านหลังแบบ 40/20/40 พร้อมทั้งยังมาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดประตูด้านท้าย แบบแฮนด์ฟรี ในส่วนของพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย จะมีขนาดการบรรจุได้มากถึง 390 ลิตรในบางรุ่นเลยทีเดียว
- ในส่วนของโครงสร้างตัวรถ จะมีการใช้แพลตฟอร์มแบบ TNGA ที่จะมีการทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบามากกว่าเดิม แต่จะมีความแข็งแรง และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง จึงยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัวในลักษณะของการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Toyota yaris cross
- Toyota yaris cross ยังมาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มีระบบต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น
- ระบบสำหรับการขับตามรถคันหน้าได้อย่างสะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- ระบบการช่วยในเรื่องของการควบคุมรถ ให้อยู่ในช่องจราจร
- ระบบช่วยควบคุมความแม่นยำ และความส่องสว่างของไฟหน้าได้อย่างอัตโนมัติ
- ระบบการช่วยเตือนก่อนเกิดเหตุ ซึ่งในระบบนี้จะมีทั้งระบบการตรวจจับคนบนถนน ระบบตรวจจับจักรยานยนต์ และระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงทางแยก ซึ่งระบบเตือนดังกล่าว จะถือเป็นระบบเตือนในการเลี้ยวรถ
- ระบบควบคุมพวงมาลัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
สำหรับ Toyota yaris cross ที่ได้เปิดตัวออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 8 สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน หรือเครื่องยนต์ไฮบริดก็ตาม และในเรื่องของราคาในแต่ละรุ่น ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.3 แสนบาท ในขณะที่รุ่นตัวท็อปอย่างรุ่นไฮบริด จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 8.3 แสนบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของรถ ทั้งเรื่องของเครื่องยนต์ที่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกระดับ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในตัวรถ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th