ขับ “อีซูซุ วี-ครอส 4×4” สัมผัสวิถีชีวิตพอเพียง ความสุขที่ออกแบบได้
กิจกรรมดีๆมีกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับค่ายอีซูซุ และในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่บอกเลยว่าสุดยอดมากสำหรับ “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” ทริปในครั้งนี้โดยทางตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ ประเทศไทย พาสื่อมวลชนเหินฟ้า ไปสัมผัสวิถีชีวิตแบบพอเพียงกันที่จังหวัดระนอง
เริ่มต้นวันกันแต่เช้าตรู่ขึ้นเครื่องบินเที่ยวแล้วเหินฟ้าสู่จังหวัดระนอง เครื่องลงเรียบร้อยเรากระโดดขึ้นรถตู้มุ่งหน้าไปกินข้าวเช้ากันก่อนเลยกับโรตีแสนอร่อยที่ร้านบังกีโรตีอาหรับ เมื่อท้องอิ่มเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวที่ระนองกันเลย ต้องบอกเลยว่าที่จังหวัดระนองไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่นักรวมถึงผม เพราะมาจังหวัดนี้เป็นเหมือนทางผ่านลงใต้เท่านั้น เลยไม่ค่อยมีใครรู้ว่าจังหวัดนี้มีอะไรเด็ดๆให้เราได้เที่ยวกันบ้าง
เปิดด้วยวัดกันเลยเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนเลย กับวัดวารีบรรพต หรือ วัดบางนอน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบไปด้วยภูเขา วัดแห่งนี้สร้างโดยหลวงพ่อด่วน ถามวโร ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มาจากจังหวัดสงขลา ชาวบ้านเลื่อมใสและศรัทธาในตัวท่านจึงได้พากันนิมนต์ท่านให้จำพรรษา ณ ที่แห่งนี้ ที่ด้านบนวัดตั้งอยู่บนเนินเขามองเห็นวิวได้โดยรอบ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ มีความยาวถึง 22 เมตร ในการก่อสร้างพระมีนายช่างของกรมศิลปกรมาควบคุมการก่อสร้าง พระพุทธรูปจึงมีรูปทรงที่สวยงามมาก ด้านล่างของวัดเป็นที่ตั้งของมหาทุติยเจดีย์ศรีบรรพต ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีรูปทรงคล้ายกับทางพม่า เนื่องจากวัดนี้เป็นที่ศรัทธาของชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในระนอง จึงมีพระพม่า และช่างฝีมือของพม่ามาช่วยทำการสร้างเจดีย์นี้ ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่วัดไทยมีเจดีย์แบบพม่า ที่วิหารด้านล่างเป็นที่ตั้งศพหลวงพ่อด่วน ท่านเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2550 ด้วยอายุ 90 พรรษา หลังจากหลวงพ่อด่วนได้เสียชีวิตแล้วมีพิธีเผาศพ ในงานได้เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น ในขณะที่ไฟลุกไหม้เป็นเวลาหลายนาที ไฟกลับไม่ไหม้ศพหลวงพ่อด่วน จนญาติโยมต้องยุติการเผา แล้วนำศพหลวงพ่อมาไว้ในโลงแก้วที่วิหารแห่งนี้ นอกจากศพหลวงพ่อจะเผาไม่ไหม้แล้วร่างกายก็ยังไม่เน่าเสียอีกด้วย
จากนั้นเราออกเดินทางโดยรถตู้อีกครั้งแน่นอน มาระนองต้องบ่อน้ำร้อน จังหวัดนี้เค้าดังแวะชมและแช่ขาให้ผ่อนคลายก่อนออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารเคียงเล พร้อมรอสื่อมวลชนกรุ๊ปแรกที่มาก่อนหน้าเราเพื่อส่งมอบเจ้าพระเอกของทริปนี้ “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” ที่จะมาเป็นยานพาหนะเราในทริปนี้
เป้าหมายต่อไป ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ ฟาร์มสเตย์น่ารักๆ “บ้านไร่ ไออรุณ” ของคุณเบส – วิโรจน์ ฉิมมี สถาปนิกหนุ่มอนาคตไกลที่มีรางวัลการประกวดออกแบบเป็น การันตี แต่กลับเลือกเดินทางวิถีเรียบง่าย ผันตัวเองมาพัฒนาบ้านเกิดที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง พลิกฟื้นพื้นที่สวนรกให้กลายเป็นฟาร์มสเตย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อตามหลักคำสอนของรัชกาลที่ 9 ในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริง จนกระทั่งสามารถเติมเต็มความฝันของตนเองและครอบครัวได้ในที่สุด ซึ่งอีซูซุเคยได้นำเรื่องราวของคุณเบสมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เทิดพระเกียรติชุดที่ 15 ชื่อชุด “ความสุขออกแบบได้” ซึ่งฉายในโรงภาพยนตร์ในกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักถึงวิถีแห่งความพอเพียงที่เหมาะสมกับตนเอง การมีความเพียรที่สม่ำเสมอ เพื่อดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตนมุ่งมั่นไปจนประสบผลสำเร็จ
คุณเบสได้บอกเล่าที่มาของฟาร์มสเตย์แสนสวยที่แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ยังคงเน้นเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายในระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน จาก 2 หลังแรกมาสู่ 7 หลัง โดยบ้านหลังที่ 8 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะการขยายตัวของบ้านแต่ละหลัง คุณเบสไม่เคยกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่เป็นการออมรายได้จากค่าห้องพักมาลงทุนเพิ่ม โดยเจ้าตัวย้ำเสมอว่า “ไม่ได้อยากทำใหญ่โต หรือร่ำรวยอะไร แค่อยากมีบ้านสวย ๆ มีเวลาอยู่กับครอบครัว และมีความสุขในบ้านเกิดของตัวเอง”
“ตอนที่จบออกมาทำงาน ผมกลับรู้สึกว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่พื้นที่ของเรา พอได้กลับมาบ้านเกิดเลยเกิดความคิดว่าไหนๆ ก็เรียนจบสถาปัตย์มาแล้ว มาทำฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงดีกว่า บ้านทุกหลังใน “บ้านไร่ ไออรุณ” จึงมาจากความฝันในวัยเด็กของผมที่อยากมีบ้านสวย ๆ บวกกับสิ่งที่พ่อแม่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ การเกษตร ทั้งครอบครัวเลยมาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว สร้างบ้านที่ทำให้คนที่มาพักรู้สึกสนุก เติมเต็มความฝันในวัยเด็กที่อยากมีห้องใต้หลังคา บ้านต้นไม้ บ้านที่มีลำธารหน้าบ้าน ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ผมเชื่อมาเสมอว่า สิ่งที่จะผมทำจะดึงดูดคนที่มีความคิดแบบเดียวกันให้มาเจอกัน และทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ คนมาพักเต็มทุกวัน ซึ่งไม่ใช่ครอบครัวผมเท่านั้นที่มีรายได้ แต่ยังช่วยให้ชาวบ้านได้มีงานทำ พัฒนาทั้งชุมชนและจังหวัด เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ในการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในเชิงสร้างสรรค์ เพราะความพอเพียงไม่ได้หมายถึงการอยู่แบบยากจนหรือล้าหลัง หากนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจะก่อให้เกิดคำว่า “ยั่งยืน” ควบคู่ไปด้วย”
คณะผู้มาเยือนในครั้งนี้จึงอิ่มเอมกับการปล่อยชีวิตให้เดินไปช้าๆ ไปกับธรรมชาติ และทุกมุมสวยๆ ของบ้านพักแต่ละหลังที่มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนบ้านทั่วไป อาจจะต้องใช้ทักษะในการปีนป่าย ทิศทางการเปิดประตูที่ไม่เหมือนปกติ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมสนุกเก็บผักในแปลงและที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเพื่อนำมาประกอบอาหาร นำดอกไม้ที่ขึ้นทั่วไปมาประดับเป็นอาหารตาให้กับอาหารสดรสเลิศของแม่ครัวที่เป็นเหล่าญาติๆ ของคุณเบส สำหรับคนที่ตื่นเช้านอกจากจะได้ชมสายหมอกที่ลอยอ้อยยิ่งเหนือยอดไม้แล้ว ยังได้ติดรถซาเล้งคุณพ่อ-คุณแม่ไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของสดมาจัดเตรียมเป็นอาหารเช้านับเป็นความสุขที่เราทุกคนออกแบบเองได้โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 ที่ทุกคนสามารถทำตามได้
หลังจากพักผ่อนและทานอาหารอร่อยสูดกลิ่นอายธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ กันจนหน่ำใจก็ถึงเวลาที่เราต้องอำลาบ้านพักแสนสวย กระโดดขึ้น อีซูซุ “อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ที่มีดีไซน์ภายนอกสุดเท่ห์ เข้ม ดุดดัน บึกบึน มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป ขับรถปิกอัพคู่ใจ “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” สู่อำเภอกระบุรีที่เต็มไปด้วยทางโค้งลัดเลาะขึ้นเขาท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ สลับกับช่วงโปรยปรายเบาๆ พร้อมแดดบาง ๆ สมกับฉายาเมืองฝนแปด แดดสี่ ซึ่งด้วยสมรรถนะการเกาะถนนที่เป็นเยี่ยมและเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ทำให้ไปถึง “ก้อง วัลเลย์” ไร่กาแฟเกษตรอินดี้ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือและท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ความรู้และแนวคิดในการทำกาแฟคุณภาพของคนไทย “GONG COFFEE” ให้ดังไกลและส่งขายทั่วโลก ช่วยเหลือเกษตรกรไทยหลายหมื่นครอบครัว ผ่านการรับซื้อเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงและให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง นำมาคัดเมล็ด คั่ว บด และบรรจุลงถุงที่มีมาตรฐาน ความโดดเด่นของกาแฟที่นี่ คือการคั่วด้วยมือทุกเมล็ด นอกจากนี้คุณก้องยังเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้กับผู้มาเยือนซึ่งมีความสนใจในเรื่องกาแฟจากทั่วโลกอีกด้วย
หลังจากเราได้ลองคั่วกาแฟด้วยตัวเองในกระทะทองเหลืองขนาดเล็ก ด้วยไม้พายที่ทำจากต้นอบเชยจนได้ที่แล้ว ก็ไปสู่ขั้นตอนการบดเมล็ดกาแฟนั้นด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิม คือใช้มือหมุน แล้วนำไปชงทั้งแบบดริป (Drip) ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มฮิปสเตอร์ที่รักในรสชาติกาแฟ และการชงแบบอัดความดัน (Pressure) เป็นการใช้กาสำหรับชงกาแฟตั้งบนเตา และรอให้น้ำเดือดเพื่อดันน้ำผ่านเมล็ดกาแฟบดและออกมาเป็นกาแฟพร้อมดื่ม ระหว่างนี้เจ้าบ้านก็นำหมั่นโถวทอดในตำนานฝีมือคุณแม่ออกมาเป็นของว่างคู่กับกาแฟ หรือจะดื่มกับชาดอกกาแฟที่ 1 ปีจะเก็บได้แค่ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม ให้กลิ่นหอมละมุน รสชาติหวานนิดๆ หลังจากนั้นทุกคนยังได้ฝากท้องชิมอาหารมื้อกลางวันรสชาติดีที่ก้อง วัลเลย์อีกด้วย
หลังจากกินอาหารแสนอร่อยกันจนอิ่มพุงกาง ก็กระโดดขึ้น “อีซูซุ วี-ครอส 4x4” อีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปสนามบิน ระหว่างทางสัมผัสถึงความสะดวกสบายของภายในห้องโดยสารของเจ้า“อีซูซุ วี-ครอส 4x4” เหมือนเรานั่งอยู่ในรถ SUV ระดับหรู ความสมบูรณ์แบบในทุกมิติแห่งห้องโดยสาร กว้างขวาง สะดวกสบาย หรูหรา พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นล้ำสมัย เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สไตล์ทูโทนเดินด้ายสีส้มรอบตัวเบาะพร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางด้านคนขับ ชุดตกแต่งคอนโซลกลาง สี Piano Black ความหรูหราที่มาพร้อมความ ทันสมัย เติมเต็มอารมณ์สุนทรีย์ให้คุณยิ่งขึ้น ที่พักแขนแบบ Soft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู นุ่มสบาย ให้ความรู้สึกเดียวกับรถยนต์นั่งระดับหรู ช่อง USB ชาร์จไฟ แถมมี Cruise Control ขับขี่บนเส้นทางไกลสะดวกสบายเข้าไปใหญ่ ความบันเทิงจาก KENWOOD พร้อม Built-in Navigator ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ทำให้เราเพลิดเพลินตลอดการเดินทางเลยจร้า
ขับมาเพลินๆแบบสบายเพราะด้วยเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขนาด 3,000 ซี.ซี. ที่ให้กำลัง 177 แรงม้า แรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ผสานกับเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ทำให้การขับ ขึ้น-ลง เขา เป็นเรื่อง่ายดาย ช่วงล่างออกแบบพิเศษให้ระยะฐานล้อและช่วงล้อกว้าง สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนได้ดีทีเดียวครับ ไม่ว่าจะบนถนนหรือบนเส้นทางออฟโรด ด้วยประสิทธภาพการเกาะถนนและทรงตัวดีเยี่ยม นุ่มและหนึบบนถนนที่ใช้ความเร็ว พร้อมความนุ่มนวลบนเส้นทางแบบออฟโรด
ปิดท้ายด้วยอาหารเย็นรสเลิศ ณ ร้าน “ฟาร์มเฮ้าส์” ร้านอาหารในบรรยากาศโรงนาฝรั่ง ก่อนเดินทางไปยังสนามบินระนองเพื่อกลับเข้าสู่การดำเนินชีวิตประจำวันกันต่อไป… จบทริปพิเศษ “อีซูซุวี-ครอส 4x4: ความสุขออกแบบได้” เชื่อว่าหลายคนอาจไม่ได้ข้าวของติดไม้ติดมือมาเท่าไหร่ สิ่งที่ได้กลับมาเต็มๆ นั่นคือ ความเข้าใจหลักการของ “ความสุข” และรู้ซึ้งถึงคำว่า “พอเพียง”
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th