ความหลากหลาย คือ พลังขับเคลื่อนของ เจนเนอรัล มอเตอร์ส

บทบาทของผู้หญิงต่อองค์กรในปัจจุบันถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตอยู่มาก ปัจจุบัน ผู้หญิงมีบทบาทที่ไม่แพ้ผู้ชาย แถมบางครั้งยังทำงานได้ดีกว่าผู้ชายอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้หญิงและผู้ชายล้วนมีความพิเศษที่แตกต่างกัน ไม่อย่างนั้นธรรมชาติจะสร้างให้มีสองสิ่งนี้ทำไม…นั่นล่ะ คือสิ่งที่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ให้ความสำคัญและสามารถบริหารจัดการความหลากหลายนี้ได้อย่างลงตัว ซึ่งส่งผลให้เกิด “ความสุข” ในการทำงาน

การยอมรับและผนวกความแตกต่างให้เกิดขึ้นภายในองค์กร คือ สิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเจนเนอรัล มอเตอร์สทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก มร. สเตฟาน จาค็อบบี รองประธานบริหาร จีเอ็ม และประธาน จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เดินทางเยือนกรุงเทพฯ ในสัปดาห์นี้เพื่อพบปะกับพนักงาน และผู้จัดจำหน่าย พร้อมร่วมเสวนากับสื่อมวลชนในหัวข้อความหลากหลายของพนักงานและและผนวกความแตกต่างให้เกิดขึ้นภายในองค์กรของจีเอ็ม เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า

มร.จาค็อบบี กล่าวระหว่างการเสวนากับสื่อมวลชนว่า “ความคิดที่หลากหลายคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ การสนับสนุนความหลากหลายไม่ได้อยู่ที่เพศอย่างเดียว แต่คือการให้คุณค่ากับทุกความคิดและสร้างทีมพนักงานที่มีประสบการณ์และภูมิหลังที่แตกต่างกัน เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้หลอมรวมพนักงานที่มีทักษะและศักยภาพที่ยอดเยี่ยมเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนจะมอบหมายบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมให้กับแต่ละบุคคลซึ่งช่วยให้สามารถพลิกโฉมธุรกิจและสร้างความสำเร็จได้ในระยะยาว”

สำหรับในประเทศไทย เจนเนอรัล มอเตอร์ส มีพนักงานที่เป็นผู้หญิงอยู่ประมาณ 37 เปอร์เซ็นต์ ที่ดำรงตำแหน่งในระดับผู้บริหารของจีเอ็ม ประเทศไทย, จีเอ็ม โกลเบิล โพลพัลชั่น ซิสเต็มส์ ประเทศไทย และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบในฝ่ายต่างๆ ตั้งแต่วิศวกรรมและการผลิตที่ศูนย์การผลิตในระยองไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและฝ่ายขายที่สำนักงานในกรุงเทพฯ

ด้าน มร. เวล เอ. ฟาร์กาลี กรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม ประเทศไทย และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยกล่าวระหว่างการเสวนาครั้งนี้ว่า “ความคิดสร้างสรรค์จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อบริษัทว่าจ้างและพัฒนาพนักงานที่มีความหลากหลาย ธุรกิจใดก็ตามที่สนับสนุนความหลากหลายจะสามารถสร้างโซลูชั่นส์ที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้าได้ ที่นี่มีพนักงานผู้หญิงที่ทำงานในระดับบริหาร 37 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ฝ่ายการเงินไปจนถึงฝ่ายควบคุมคุณภาพ นอกจากนี้ พนักงานเกือบ 33% ที่ทำงานในศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ในจังหวัดระยองยังเป็นผู้หญิง โดยพวกเธอทำงานในฝ่ายวิศวกรรม การผลิตและฝ่ายอื่นๆ ที่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นหน้าที่ของผู้ชาย ซึ่งองค์กรไม่ได้วางแผนว่าจะต้องมีพนักงานผู้หญิงให้มีจำนวนมากเหมือนในวันนี้ แต่เกิดจากการที่มีความมุ่งมั่นที่ต้องการมีพนักงานที่มีความสามารถ ทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสม นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับองค์กรเนื่องจากพนักงานที่ทำงานได้อย่างเหมาะสม ทำให้มีความสร้างสรรค์มากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และจากการที่องค์กรให้การยอมรับและผนวกความแตกต่างให้เกิดขึ้นภายในองค์กร จึงช่วยส่งเสริมให้จีเอ็มกลายเป็นสถานที่ทำงานในดวงใจในประเทศไทย”

คุณสกุณา ทีฆปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายรับประกันคุณภาพ กล่าวว่า “จีเอ็มมีโครงการมากมายที่เปิดโอกาสให้พนักงานที่เป็นผู้หญิงได้เติบโตก้าวหน้าทางอาชีพ ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมจีเอ็มจึงมีผู้บริหารที่เป็นผู้หญิงมากขนาดนี้ และยังมีพนักงานผู้หญิงหลายคนทำงานในที่ท้าทายโดยเฉพาะในโรงผลิต สิ่งเหล่านี้ทำให้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมในการทำงาน ความเคารพในกันและกันช่วยให้พนักงานทุกคนทุกเพศทำงานได้ดีขึ้นและผลิตรถที่มีคุณภาพดีขึ้นเพื่อส่งมองให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นการช่วยขับเคลื่อนให้เชฟโรเลตเป็นแบรนด์ในดวงใจของลูกค้าในประเทศไทยอีกด้วย”

โดยนอกจากการปลูกฝังความหลากหลายและการภายในองค์กร จีเอ็มยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่หุ้นส่วนธุรกิจเพื่อให้เข้าใจว่าความหลากหลายและผนวกความแตกต่างให้เกิดขึ้นภายในองค์กรช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน ตั้งแต่การขายรถไปจนถึงความสำเร็จทางธุรกิจในภาพรวม อย่างเช่นผู้หญิงท่านนี้ “คุณไพรวรรณ์ สร้างถาวร ผู้ดำเนินการผู้จัดจำหน่าย และเจ้าของกิจการ บริษัท พิจิตรเพชร มอเตอร์คาร์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดของเชฟโรเลตในประเทศไทย และมีพนักงานที่เป็นผู้หญิงมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ที่ทำงานกับพิจิตรเพชร มอเตอร์คาร์

“ดิฉันเชื่อในการให้โอกาสทุกคนได้เติบโตและประสบความสำเร็จ รวมถึงการตอบแทนพนักงานที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ ผู้จัดจำหน่ายของดิฉัน 5 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งได้รับรางวัลเชฟโรเลต แกรนด์ มาสเตอร์สประจำปีนี้ ดิฉันจึงมั่นใจว่าทีมพนักงานของดิฉันเปี่ยมด้วยความสามารถอย่างแท้จริง เพียงแต่เคล็ดลับของความสำเร็จนั้น ต้องเข้าใจในธรรมชาติของแต่ละคนว่ามีอุปนิสัยและความสามารถเด่นในแบบใด จากนั้นจึงจัดให้แต่ละคนทำงานที่ตนสนใจและถนัด ซึ่งนอกจากผลงานจะดีแล้ว ยังช่วยให้มีความสุขในการทำงาน ผลรวมจึงออกมาเป็นความสำเร็จขององค์กรนั่นเอง”