คาราวานมาสด้าพิชิตแสงเหนือ วันที่สาม เยือนฟินแลนด์ ใกล้ถึงจุดหมายพิชิตแสงเหนือ!
ความเดิมตอนที่แล้ว…จากจุดเริ่มต้นของภารกิจพิชิตโลก ของ มาสด้า ประเทศไทย ที่เชื่อมั่นในพลังสกายแอคทีฟ ไม่มีฝันใดที่คิดแล้วจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ลงมือทำ แน่นอนทุกเส้นทางรอให้คุณมาพิชิตฝัน มาสด้าเองก็เช่นกัน ในปีนี้ ตั้งเป้าทำการเดินทางครั้งใหม่ สานต่อการพิชิตรัสเซียดินแดนไซบีเรียเมื่อสองปีก่อนที่ใกล้ยุโรปเข้าไปอีกก้าว มาปีนี้วางแผนมุ่งหน้าสู่สแกนดิเนเวีย วิ่งผ่าน เดนมาร์ก-สวีเดน-ฟินแลนด์-นอร์เวย์ ระหว่างวันที่ 16-29 กันยายน 2561 รวมตามติดการเดินทางครั้งนี้ได้ที่กรังด์ปรีซ์ออนไลน์
- 10.00น. ประชุมความพร้อมของสมาชิกในแต่ละคัน เตรียมรอสัญญาณลงเรือเทียบท่า
- ความเร็วเดินทาง 120 km/hr ห้ามเกินมีกล้องจับความเร็วตลอดเส้นทาง
เข้าสู่วันที่สาม จากสวีเดนสู่ดินแดนซานต้าครอส เช้านี้เราตื่นขึ้นมาบนเรือเตรียมตัวขึ้นฝั่งที่ฟินแลนด์ เหมือนมีเวลาไม่นานให้ทบทวนความทรงจำเที่ยวสวีเดนในหนึ่งวันผุดขึ้นมาให้คิด ถ้ามีเวลาจะกลับมาเก็บรายละเอียดอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็เก็บกระเป๋าเดินลงจากชั้นที่พัก มาเตรียมตัวรอที่รถ เมื่อประตูเรือเปิดออกฝูงมาสด้าสกายแอคทีฟก้าวข้ามทะเลบอลติก เข้าสู่ประเทศที่สามของทริ๊ปนี้ ภาพที่เห็นแทบไม่แตกต่างกันจาก 2 ประเทศที่ผ่านมา สภาพถนนหนทาง บ้านเมืองเหมือนกันไปหมดจะมีอยู่แค่สีของรถราง หรือรถเมล์ที่เปลี่ยนไป ไม่นับสกุลเงินที่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาใช้เงินยูโรเช่นกัน จุดแรกที่จอดแวะพักคือบริเวณของสนามกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ทีมงานบอกว่ามีรูปปั้นของ PAAVO NURMI นักวิ่งเจ้าของ 3 เหรียญทองโอลิมปิคตั้งอยู่ เราแวะพูดคุยกันอย่างออกรส เพราะมีหลายอย่างที่ความไม่รู้กลายเป็นความสนุกในการได้ยินได้ฟัง ความคิดที่แตกต่างจากคนเอเซีย ยิ่งเห็นว่าบ้านเมืองนี้คือประเทศที่มีการศึกษาคุณภาพระดับหนึ่งของโลก ฟังดูแล้วมันเจ๋งชะมัด
จากเดิมที่มีโปรแกรมเที่ยวชมเมืองต้องตัดออกไป เพราะทุกอย่างดูต้องทำให้ได้ตามตาราง โดยเฉพาะของเวลาการเดินทางที่ต้องแม่น เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของอาหาร และที่พัก ระหว่างทางที่ฟินแลนด์ความรู้สึกเหมือนมีอะไรคอยจ้องตลอดเวลาบนถนน “กล้องจับความเร็วเยอะชิบ” เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดทุก 3-4 KM มันช่างโดดเด่นน่ายำเกรง ในใจคิดบ้านเค้าจะมีกล้องดัมมี่เหมือนบ้านเราไหมน้อ ในช่วงไฮเวย์สิ่งที่เยียวยาให้เราครื้นเครงคือการจอดแวะพักตามจุดพักข้างทาง เพราะจะมีซูเปอร์มาเก็ตเล็กๆ ตามปั้มให้สำรวจสินค้าและบริการ ได้ลองชิมขนม เครื่องดื่มแปลกๆ ดูว่าอันไหนถูกใจก็ซื้อหาไปฝากกัน สิ่งที่พอทำได้คือการตั้งหัวข้อและตอบคำถามกันในรถ จนมีอยู่ประเด็นหนึ่งตกลงกันไม่ได้สักทีว่าในไทยการกระพริ้บไฟขอทาง เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงว่า “ไปเลย ผมชะลอให้” หรือ “อย่านะ…ไม่หยุดนะเฟ้ย” แต่ในยุโรปการกระพริ้บไฟคือการให้ทางรับทราบ มองเห็นคุณแล้ว ส่วนถ้าไม่ให้ไปก็ไม่ต้องทำอะไรขับไปเรื่อยๆ แบบนี้มันเป็นข้อตกลงกันชัดเจนใน ส่วนไทยโครตคาดเดายาก นอกจากนี้เราหยิบยกหลายสิ่งบนท้องถนนมาคุยกัน ส่วนใหญ่ก็เรื่องมารยาทการขับขี่ กฏจราจร พูดได้คำเดียวถนนในไทยมันส์ทะลุโลก แต่ที่นี่สองข้างทางเป็นป่าสนที่อุดมสมบูรณ์เขียวขจีในช่วงก่อนเข้าฤดูหนาวสิ่งที่ต้องพึ่งระวังคือป้ายระวังกวางข้ามถนน ไม่งั้นคุณต้องไปเครียกับซานต้าครอสแน่ๆ
ระยะทางวันนี้ 390 Km ไม่มากกำลังดีพอให้หวดกันยาวๆ จนถึงหนึ่งทุ่มเข้าพักที่เมืองระหว่างทางขึ้นเหนือของฟินแลนด์ คืนนี้พักผ่อนกันเต็มที่เพราะวันต่อไปล้อหมุนเช้าตรู่ กับระยะทางอีกพันกว่ากิโลเมตร เตรียมรถ Mazda CX-5 ให้พร้อมเดินทางต่อ ซึ่งงานนี้รู้เลย SUV คันใหญ่เครื่องดีเซลมันเจ๋งชะมัด
“เตรียมลุยต่อวันที่ 4 มุ่งหน้าสู่เมืองโรวานีมี Rovaniemi ตามหาหมู่บ้านซานตาครอส
การเดินทางวันที่สอง คลิก++ https://goo.gl/PXNJ4m
การเดินทางวันแรก คลิก++ https://goo.gl/4M7jBe
เรื่อง ภาพ : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th