วันที่ 4 คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ช่วงที่3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
เช้าวันที่ 4 แสงอาทิตย์ยามเช้าของเมืองบุคคาร่า สาดส่องผ่านสถาปัตยกรรม ในรูปแบบอาหรับโบราณ งดงามแปลกตาไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ถ่ายรูปอยู่แปปเดียวคาราวานรีโว่ของเราก็ต้องออกเดินทางกันต่อเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่อุสเบกิสถาน กระโดดขึ้นเจ้ารีโว่คู่ใจมุ่งหน้าอีก 90 กิโลเมตรไปยังชายแดนอุสเบกิสถาน
เราเดินทางมาถึงด่านชายแดนอุสเบกิสถาน เวลาประมาณ 11 .00 น ทำเรื่องเอกสารเพื่อที่จะข้ามแดนไปยังเติร์กเมนิสถาน ใช้เวลานานมากพูดเลยตรวจเข้มข้นสุดๆ เรานอนรอนั่งรอนานมากกว่าได้ข้ามประเทศ เชื่อมั้ยว่าเรากว่าจะได้ผ่านด่านก็บ่าย 3 โมง เพราะประเทศนี้เป็นประเทศปิด ไม่มีสถานกงศุกลในไทย จึงจำเป็นต้องแจ้งชื่อมาล่วงหน้า แล้วค่อยมาแปะวีซ่ากับจ่ายเงินกันตรงนี้เลยนานเข้าไปใหญ่ แถมยังต้องขับรถไปยังเมืองMaryประเทศ เติร์กเมนิสถาน อีก 390 กิโลเมตรซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง
เข้าสู่ประเทศเติร์กเมนิสถานผมเชื่อว่ามีไม่กี่คนที่จะรู้จักประเทศนี้ ผมเองยังเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกแล้วก็เดินทางมาที่นี่เลย ผู้คนเริ่มหน้าตาออกไปทางแขกขาวผสมฝรั่งมากขึ้น สวยดีครับ เส้นทางของเติร์กเมนิสถาน เป็นทางตรงยาวๆ แต่ถนนแย่มากครับเป็นคลื่นลอน หลุมบ่อ และร่องลึก ตลอดเวลา ขับแล้วหายง่วงทันที่เลยจ้าเพราะต้องคุมพวงมาลัยให้ดีๆ ตลอดเวลา เผลอขับเพลินไม่ได้เลยอาจจะลงข้างทางได้ สองข้างทางถนนช่วงนี้เป็นทะเลทราย
แต่เจ้าไฮลักซ์รีโว่ พิสูจน์แล้วว่าช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อนที่ถูกปรับปรุงใหม่ ให้ความนุ่มนวลมากกว่าเจ้าวีโก้อย่างเห็นได้ชัด สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิวของถนนที่เป็นหลุมบ่อ เป็นคลื่น และร่องลึกได้ดีที่เดียว ขับแล้วไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากนัก แถมยังมีระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่นระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายของเทรลเลอร์ด้านท้าย TSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด HAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาด DAC เจ้าระบบพวกนี้ช่วยให้เราคุมเจ้ารถรีโว่ง่ายขึ้นเยอะ นี่ถ้ามีระบบตัวช่วยพวกนี้นะ เวลาเจอร่องลึก แบบถนนวันนี้มันจะต้องขับยากกว่านี้แน่นอน ต้องขอขอบคุณระบบต่างๆ และช่วงล่างของเจ้ารีโว่ ที่ทำให้เราขับรถบนถนนแบบนี้ง่ายขึ้นเยอะ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงเมือง Mary เมืองนี้เป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งบนเส้นทางสายไหม เพราะเมืองนี้จะเป็นเหมือนจุดศูนย์กลาง ว่าจะไปอิหร่าน ไปจีน หรือไปยุโรป เมืองนี้ในสมัยก่อนจึงเป็นจุดที่คาราวานการค้าในสมัยก่อนมาแวะพัก แถมเมืองนี้ยังมีสถานที่สำคัญที่ มาโคโปโล บันทึกการเดินทางเอาไว้ว่ามาแวะที่จุดนี้คือ สุสานของสุลต่านซันจา ซึ่งเป็นผู้ปกครองเมือง ก่อนที่เจงกิจข่านจะเข้ามาตีและทำลายทุกอย่าง ซึ่งมาโคโปโล บันทึกไว้ว่าเป็น ดับเบิ้ลโดมที่สวยงามที่สุด และคาราวานของพวกเราก็ทานข้าวเย็นกันที่จุดนี้ เป็นแบบปิคนิค นั่งชมสุสานที่งดงาม พร้อมวิวทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่งดงามแปลกตาที่อยู่ตรงหน้า มันช่างเป็นมื้อเย็นที่สุดแสนพิเศษจริงๆ หลังจากนั้นเราก็เดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่พักอีกประมาณ 40 นาที สังเกตุมั้ยครับว่าต่างประเทศ เค้าไม่บอกว่าเหลืออีกกี่กิโลเมตร เค้าบอกเป็นชั่วโมง เพราะประเทศเค้ารถไม่ติดเพราะฉะนั้นเวลาที่บอกจะค่อนข้างแน่นอน ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่พักอย่างปลอดภัยทุกคัน ผมพูดเลยว่าประเทศเติร์กเมนิสถานเป็นเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวมาก ตัวเมืองสวยงามแปลกตา ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายขบวนคาราวานรีโว่ของเราตลอดเวลา บ้านเมืองสะอาดดูแล้วสบายตา เมืองนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเพราะประเทศเค้าเป็นประเทศปิด ไม่ได้เปิดให้เข้ามาง่ายๆ เราจึงโชคดีที่ได้มาเยี่ยมชมประเทศนี้ พูดเลยถ้าเติร์กเมนิสถานเปิดประเทศเมื่อไหร่นักท่องเที่ยวที่ชอบประวัติศาสตร์ต้องมาเยอะแน่นอน
ในวันรุ่งขึ้นเราจะออกจากเมือง Mary เพื่อเดินทางไปยังเมืองหลวงของประเทศเติร์กเมนิสถานกันชื่อเมือง Ashgabad คอยติดตามนะครับว่าเส้นทาง 380 กิโลเมตร จะเป็นแบบไหน เมืองหลวงจะงดงามเพียงใด เจ้ารีโว่จะผ่านไปได้หรือไม่พรุ่งนี้เจอกัน ในวันที่ 5 ของการเดินทาง
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th