ค่ายรถมึน! คนยุโรปโหวตให้เครื่องยนต์น้ำมันได้ไปต่อ
ในขณะที่คนไทยกำลังนับถอยหลังที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกออกขาย และเทรนด์วงการรถยนต์กำลังเทมาทางเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า โพลล์สำรวจความเห็นผู้ใช้รถยนต์ในตลาดหลักของทวีปยุโรปออกมาตรงกันข้าม เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการใช้งานเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซิน-ดีเซลต่อไป ทั้งที่ฝรั่งเศส และอังกฤษ ขีดเส้นตายยุติการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันออกมาแล้วก็ตาม
โพลล์สำรวจนี้เป็นการจัดทำร่วมกันระหว่าง Mazda Driver Project โครงการของค่ายรถยนต์ดังของประเทศญี่ปุ่น และ Ipsos MORI บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำแห่งเกาะอังกฤษ โดยสอบถามความเห็นผู้ใช้รถยนต์ 11,008 คน ในประเทศที่เป็นตลาดรถยนต์หลักของทวีปยุโรป ที่มีความเข้มงวดกับการผลิตรถยนต์ที่มีค่าการปล่อยไอเสียต่ำ และสนับสนุนให้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
แต่ผลสำรวจที่ออกมากลายเป็นว่าผู้ใช้รถยนต์ 58 เปอร์เซ็นต์ (ราว 6,384 คน) มีความเชื่อว่า “จะมีนวัตกรรม และการพัฒนาอีกมากมายเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซล” หากเจาะลึกลงรายละเอียด โปแลนด์ เป็นประเทศที่มีคนเห็นด้วยมากที่สุด 65 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เยอรมนี, สเปน และสวีเดน จะอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์
ที่น่าปวดใจสำหรับผู้สนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โพลล์สำรวจของ Mazda Driver Project-Ipsos MORI ระบุว่าผู้ใช้รถยนต์ 31 เปอร์เซ็นต์ “คาดหวังว่ารถเครื่องยนต์ดีเซลจะมีการผลิตขายต่อไป” และ 33 เปอร์เซ็นต์ยังบอกว่าหากรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกัน “พวกเขาขอเลือกใช้รถยนต์เบนซิน/ดีเซล” ที่คุ้นเคยต่อไป– นับเฉพาะประเทศอิตาลี มีคนเห็นด้วยกับข้อหลังนี้สูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์
เมื่อกลางปี 2017 เกิดกระแสการตื่นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก หลังจากรัฐบาลอังกฤษ และรัฐบาลฝรั่งเศส ออกมาประกาศในเวลาไล่เลี่ยกันว่าจะยุติการขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซิน/ดีเซล ภายในปี 2040 ขณะที่ Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ต้นกำเนิดของ 3 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ Mercedes-Benz, BMW และ Volkswagen เลือกจะดูท่าทีต่อไป โดยนอร์เวย์ กำหนดให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถตู้ที่จะขายในประเทศจะต้องมีค่าการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในปี 2025
ในแถบเอเชียที่ประกาศอย่างเป็นทางการมีเพียงอินเดีย ประเทศเดียวเท่านั้นที่กำหนดนโยบายให้รถยนต์ใหม่ทุกคันต้องขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าภายในปี 2030 โดยจีนที่ปัจจุบันเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก รัฐบาลแดนมังกรระบุเพียงว่าในอนาคตมีแผนจะยุติการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในอากาศของหลายมหานครใหญ่ของพวกเขา
เช่นเดียวกับรัฐบาลไทย กำหนดนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีลุ้นจะได้เห็นนิสสัน มอเตอร์ นำรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf เข้ามาขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราอีกไม่นานนี้ รวมทั้งหลายบริษัทเริ่มนำรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบผสมปลั๊ก-อิน ไฮบริด เข้ามาเปิดตัวขายมากขึ้น
การสำรวจความเห็นครั้งนี้ยังมีการสอบถามความเห็นของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Drive) มีเพียง 33 เปอร์เซ็นต์ของคนผู้ใช้รถยนต์ชาวยุโรปที่พร้อมจะให้สมองกลควบคุมพวงมาลัยแทนพวกเขา โดยตัวเลขจะต่ำลงไปถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ในฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์
Facts— จากทั่วโลก 95% ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้จำกัดอยู่เพียงแค่ 10 ประเทศ ได้แก่: จีน, สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, แคนาดา, นอร์เวย์, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน (ข้อมูลเมื่อเดือนก.ย. 2017)
เรียกว่าโพลล์สำรวจนี้ค่อนข้างจะเข้าทาง Mazda หลังจากตามแผนระยะยาว “Sustainable Zoom-Zoom 2030″ ที่ประกาศออกมาเมื่อปีก่อน จะใช้การพัฒนาแบบผสมผสานระหว่างคิดค้นหาหนทางให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) ที่ต้องใช้น้ำมันขับเคลื่อน มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม ร่วมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า โดยพวกเขาเลือกจะฝากความหวังไว้กับ Skyactiv-X เครื่องยนต์เบนซินรุ่นแรกของโลกที่ไม่ต้องใช้การจุดระเบิดด้วยหัวเทียนที่จะมีอัตราเร่ง, กำลังเครื่องยนต์ที่เหนือกว่าเดิม และช่วยลดปริมาณการปล่อยไอเสียอีกด้วย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: mazda-press.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th