1 ในบิ๊กไฟว์ของงานแสดงรถยนต์โลก Geneva Motor Show เปิดฉากขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ครั้งนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญที่น่าสนใจมาติดตามกันได้เลย!

Volkswagen

นับตั้งแต่ประกาศกลยุทธ์ “TOGETHER – Strategy 2025” พร้อมการเข้าสู่ยุครถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเมื่อ 1 ปีก่อน Volkswagen นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ออกมาสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง โดยงานที่เจนีวา พวกเขานำเสนอ Sedric รถยนต์ไร้คนขับต้นแบบรุ่นแรกในเครือ Volkswagen Group ติดตั้งเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 5 สูงสุดในข้อกำหนดที่มีในปัจจุบันซึ่งก็คือไม่มีพวงมาลัย, คันเร่ง และที่นั่งคนขับ เพียงแค่กดปุ่มเดียวที่พวกเขาตั้งชื่อว่า OneButtonจะสามารถเคลื่อนที่เพื่อนำผู้โดยสารที่บรรทุกสูงสุด 4 คนสู่จุดหมาย และใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน 100 เปอร์เซ็นต์

ในส่วนของรถยนต์ที่ผลิตเพื่อขายมีการเปิดตัว Arteon ที่เป็นการผสมผสานหลากหลายสไตล์ทั้งความเป็น Coupe, Fastback และ Gran Turismo จนกลายเป็นรถระดับพรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบที่มีให้เลือกความแรงตั้งแต่ 150-280 แรงม้า โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์

Mercedes-Benz

มาที่แบรนด์ยอดนิยม Mercedes-Benz มีการเปิดตัวคึกคักเช่นเคยทั้ง E-Class Cabriolet, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ Estate, Mercedes-AMG GT C Roadster Edition 50, E-Class Coupé และ New GLA

แต่ที่เรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานคงต้องยกให้ Mercedes-AMG GT Concept คูเป้ 4 ประตูต้นแบบที่สืบทอดตำนานต่อจาก SLS AMG และ AMG GT รวมทั้งเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG เรื่องของการดีไซน์คงไม่ต้องพูดถึง หัวใจสำคัญอยู่ที่เครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด EQ Power+ ทำให้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่พวกเขาใช้คำว่า High-performance Electric Motor ทำให้รถคันนี้กระชากความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที เรียกว่าอยู่ในระดับเดียวกับซูเปอร์คาร์เลยทีเดียว

นอกจากนี้มีการนำ Mercedes-Maybach G 650 Landaulet รถสไตล์ออฟโรดที่ถูกนำอัพเกรดขายภายใต้แบรนด์หรู มาให้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรก หลังจากประกาศจะผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 99 คันทั่วโลกก่อนหน้านี้

BMW

เพิ่งจัดงานฉลองครอบรอบ 1 ศตวรรษ เมื่อปีก่อน ทำให้งานที่เจนีวา ค่ายรถยนต์ดังจากมิวนิค ค่อนข้างจะเงียบเหงา รถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวเป็นเพียงแค่เพิ่มไลน์อัพของ Series 5 ในรุ่น Touring และ 530e iPerformance การปรับโฉม Series 4 (Coupe, Convertible และ Gran Coupe)

แต่พยายามใช้ความสำเร็จของยอดขายกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ผ่านหลัก 100,000 คัน เมื่อปี 2016 ด้วยการนำเสนอ BMW i8 Protonic Frozen Black Edition พร้อมเผยว่าจะมีอีกรุ่นพิเศษ BMW i8 Protonic Frozen Yellow Edition ตามออกมาในช่วงปลายปีนี้

Porsche

รถสปอร์ตยอดนิยมในบ้านเรา ยกความโดดเด่นให้กับ Porsche 911 GT3 ที่มีการอัพเกรดใหม่ให้กำลังเครื่องยนต์ดุดันมากขึ้นพร้อมตัวเลือกเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้สนุกกับการขับรถที่มีความแรงระดับ 500 แรงม้ามากกว่าเดิม

ส่วนโมเดลที่ทำยอดขายได้ดีจากการเป็นรถใช้งานแบบครอบครัวมีการเพิ่มไลน์อัพพิเศษ Panamera Turbo S E-Hybrid ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 500 กิโลวัตต์ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.4 วินาที กับรุ่นที่เน้นการใช้งาน Panamera Sport Turismo ที่จะเพิ่มขนาดห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระ

Aston Martin

ถือเป็นอีกไฮไลท์ของ Geneva Motor Show ครั้งนี้ Aston Martin Valkyrie รถไฮเปอร์คาร์ที่เป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์รถสปอร์ตหรูแห่งเกาะอังกฤษกับทีมรถแข่ง Red Bull หลังจากถูกพัฒนาภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ AM-RB 001 มายาวนานกว่า 1 ปี

แต่ถึงอย่างนั้นไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ โดยสื่อต่างประเทศคาดว่า Valkyrie จะใช้เครื่องยนต์ 6.5L V12 ที่สั่งทำพิเศษจาก Cosworth เกียร์ 7 สปีด ความแรงน่าจะอยู่ระดับ 1,000 แรงม้า

Ferrari

เริ่มต้นการฉลอง 70 ปีของการผลิตรถยนต์คันแรกภายใต้สัญลักษณ์ “ม้าลำพอง” ด้วยการเผยโฉม 812 Superfast รถยนต์ที่ผลิตเพื่อขายจริงที่มีกำลังสูงที่สุดของโลกในชั่วโมงนี้ ขุมกำลังที่ซ่อนอยู่ในรถรุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์ 6.5-liter V12 ที่มีกำลังสูงสุด 790 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 340 กม./ชม.

แต่มหาเศรษฐีคนไหนอยากจับจองเป็นเจ้าของต้องรออีกพักใหญ่เพราะซูเปอร์คาร์ราคา 308,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 10.4 ล้านบาท) ถูกจองไว้เต็มกำลังการผลิตของปี 2017 ของโรงงานที่มาราเนลโล่ไปแล้ว

Toyota

มาที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นกันบ้าง Toyota จัดการเปิดตัว New Yaris 2017 ที่พวกเขายืนยันว่าไม่ใช่การปรับโฉม Facelift ตามปกติในช่วงกลางรุ่นเหมือนที่ผ่านมา แต่ใช้งบประมาณสูงถึง 90 ล้านยูโร (ราว 4,000 ล้านบาท) ในการปรับดีไซน์มีการใช้ชิ้นส่วนใหม่มากกว่า 900 ชิ้น, ยกระดับสมรรถนะในการขับขี่, ระบบความปลอดภัย และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรใหม่ที่เข้ามาแทนที่เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร เพื่อรองรับมาตรฐานยูโร 6 มีอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ โดยมีกำลัง 111 แรงม้า และแรงบิด 136 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที

ส่วนคอนเซ็ปต์คาร์ที่มาเผยโฉมครั้งแรกที่เจนีวา เป็นการตอกย้ำถึงแนวทางของระบบขนส่งในอนาคต i-TRIL Concept รถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อคุณแม่วัย 30-50 ปีที่ต้องทำกิจกรรมนอกบ้านพร้อมดูแลลูกๆ ที่ใช้ชีวิตในเมืองขนาดกลาง-เล็กแถบยุโรป ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ระยะทางไกล 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

Honda

ปล่อยทีเซอร์ออกมาสร้างกระแสพักใหญ่กว่าจะยอมเผยตัวจริงของ Civic Type R ที่เจนีวา ก่อนจะเริ่มต้นขายในยุโรปช่วงซัมเมอร์นี้ โดยข้อมูลของรถเป็นไปตามที่มีหลุดออกมาก่อนหน้านี้เป็นเครื่องยนต์ 2.0-litre VTEC Turbo ความแรง 320 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร พร้อมมีระบบควบคุมรอบ Rev Match Control ช่วยให้การใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

นอกจากนี้เพื่อให้การขับเร้าใจมากขึ้นมีให้เลือกโหมดการขับทั้งแบบ ‘Comfort’, ‘Sport’ และ ‘+R’ ที่จะปรับเปลี่ยนช่วงล่าง, การควบคุมพวงมาลัย, อารมณ์ในการเปลี่ยนเกียร์ และการตอบสนองของคันเร่ง

เรื่อง : พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล : www.gims.swiss/Automotive Media

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th