ซีเจ โลจิสติคส์ เปิดตัว สมาร์ท ฮับ บางนา ศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุอัจฉริยะแห่งใหม่
ซีเจ โลจิสติคส์ (CJ Logistics) เดินหน้าขยายการเติบโตภายใต้ กลยุทธ์ “Pan Asia No.1” ด้วยการเปิดตัว “ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา” ศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุอัจฉริยะแห่งล่าสุด ด้วยขนาด 71,900 ตารางเมตร บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการด้านโลจิสติคส์จากเกาหลีใต้ (K-Logistics)ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับและจัดการพัสดุสูงถึง 408,000 ชิ้นต่อวัน เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ ความต้องการ และอัตราการเติบโตที่รวดเร็วของการตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ในการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโลจิสติคส์ระดับโลก ด้วยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างประเทศไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ยังขานรับกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ “ประเทศไทย 4.0” ในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งคาดว่าตลาดโลจิสติคส์และการจัดการพัสดุสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
มร.แทยอง จอง รองประธานบริหารอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนส่งพัสดุ ซีเจ โลจิสติคส์ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ของซีเจ โลจิสติคส์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป้าหมายของเราคือ การเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติคส์และการจัดการพัสดุของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลักขององค์กรในการเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านโลจิสติคส์ของโลก และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การวางรากฐานที่แข็งแกร่งโดยการสร้างเครือข่ายด้านโลจิสติคส์ผ่านการควบรวมกิจการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัว โดยวางแผนการลงทุนเพื่อก่อสร้างและพัฒนา ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 43 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท) ภายในปี 2564 ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร “Pan Asia No.1” ในการลงทุนพัฒนาและขยายเครือข่ายด้านโลจิสติคส์ทั่วภูมิภาคเอเชีย โดย ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนาแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุอัจฉริยะแห่งแรก ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและระบบการจัดการที่ล้ำหน้าจากประเทศเกาหลีใต้ ครอบคลุมระบบคัดแยกพัสดุอัตโนมัติแบบสายพานล้อเลื่อน (Wheel-sorter system) และเครื่องสแกนพัสดุอัจฉริยะ (ITS: Intelligent Scanner) เมื่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการบริหารจัดการพัสดุได้สูงถึง 408,000 ชิ้นต่อวัน”
มร.แทยอง จอง และมร.มยองกุก พัก
มร. มยองกุก พัก กรรมการทั่วไป กลุ่มธุรกิจขนส่งพัสดุ บริษัท ซีเจ โลจิสติคส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแผนดำเนินธุรกิจในระยะกลางและระยะยาวในประเทศไทยว่า “ตลาดอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยเติบโตสูงในระดับตัวเลขสองหลักติดต่อกันมาทุกปี บวกกับการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และวัยรุ่นที่เข้าถึงและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีอินเทอร์เนต และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ทำให้เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจจัดส่งพัสดุภายในประเทศ จึงเดินหน้าขยายจุดให้บริการ เพิ่มจำนวนพนักงานขับรถขนส่งพัสดุ และกำลังการจัดการพัสดุ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น จากปี 2559 ที่มีศูนย์กระจายพัสดุสินค้าย่อย 24 แห่งในภาคต่างๆ พนักงานขับรถขนส่ง 320 คน และกำลังในการรองรับและจัดการพัสดุ 10,000 ชิ้นต่อวัน ภายในปี 2563 เราจะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุย่อยเป็น 120 แห่งในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มพนักงานขับรถขนส่งเป็น 2,200 คน และเพิ่มกำลังในการรองรับและจัดการพัสดุเป็น 240,000 ชิ้นต่อวัน”
ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ถือเป็นก้าวแรกในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้สู่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำมาประยุกต์ใช้ที่ศูนย์กระจายสินค้าในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และจะมีการถ่ายทอดทักษะและความสามารถในการจัดการด้านโลจิสติคส์ผ่านเทคโนโลยีและงานวิศวกรรมด้านการจัดการระบบและโซลูชั่น หรือ TES (Technology, Engineering, System and Solution) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุของไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ โดยสมาร์ท ฮับ แห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่บางพลี (บางนา) จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงเทพมหานคร และสามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติคส์สุดล้ำจากประเทศเกาหลีใต้ (K-Logistics) ที่สามารถจัดการพัสดุหลากหลายขนาดและประเภทได้ในคราวเดียว ตั้งแต่กล่องพัสดุขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง โดยระบบคัดแยกพัสดุสินค้าอัตโนมัติแบบสายพานล้อเลื่อน (wheel-sorter system) นี้ จะใช้เลื่อนพัสดุไปยังแต่ละจุดจัดเก็บ เพื่อเตรียมส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามรหัสไปรษณีย์ และเครื่องสแกนพัสดุอัจฉริยะ (ITS) ที่สามารถสแกนคัดแยกสินค้าได้จากบาร์โค้ด ตัวเลขรายการขนส่งสินค้า ด้วยระบบอัตโนมัติและกล้องภายในตัว และยังสามารถประเมินราคาค่าขนส่งได้ตามน้ำหนักของพัสดุเมื่อแล่นผ่านเครื่องสแกน
โซลูชั่นที่ดีที่สุดของสมาร์ท ฮับ แห่งนี้ สามารถย่นระยะเวลาการจัดส่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าตามเวลาที่ต้องการด้วยบริการที่เหนือระดับ โดยบริษัทฯ พร้อมเพิ่มเติมบริการที่แตกต่างและเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มช่วงเวลาในการรับสินค้า สำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรที่อาจมีการจัดส่งสินค้าหลายช่วงเวลา และในอนาคต บริษัทฯ ยังวางแผนให้ลูกค้าสามารถออกแบบและปรับแต่งบริการตามความต้องการได้ภายในฮับแห่งนี้
ซีเจ โลจิสติคส์ มุ่งมั่นในการมอบบริการด้านโลจิสติคส์ที่แตกต่างและเหนือระดับให้แก่ลูกค้าทุกประเภท ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ พร้อมเพิ่มเติมคุณค่าในการให้บริการ ด้วยการพัฒนาด้านนวัตกรรมและมาตรฐานการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัว ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะขยายการเติบโตให้แก่ธุรกิจโลจิสติคส์ ไปพร้อมๆ กับการสร้างสรรค์คุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยการถ่ายทอดทักษะ ความรู้ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีด้านโลจิสติคส์จากประเทศเกาหลีใต้ พร้อมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจและผลักดันธุรกิจพัสดุในประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและขยายจุดให้บริการในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศไทย
อนึ่ง ซีเจ โลจิสติคส์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านโลจิสติคส์แบบครบวงจร โดยให้บริการทั้งกับบริษัทในพื้นที่และนานาชาติในหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมบริการด้านโลจิสติคส์สำหรับลูกค้าสัญญาต่อเนื่อง การนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าทางเรือและคมนาคมต่างๆ และการบริหารจัดการด้านโลจิสติคส์และพัสดุสำหรับลูกค้าเฉพาะกรณีหรือเป็นโปรเจ็คท์ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยม ประกอบกับการมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงระบบและเครื่องจักรที่มีมาตรฐานระดับสูง จึงทำให้การบริการของ ซีเจ โลจิสติคส์ สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมพัสดุได้ โดยบริษัทได้ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและแนวคิดในการบริหารจัดการด้านโลจิสติคส์แบบเกาหลีใต้ หรือที่เรียกว่า “K-Logistics”
ซีเจ โลจิสติคส์ ประเทศไทย ก่อตั้งในปี 2541 และได้ขยายบริการโลจิสติคส์อย่างต่อเนื่อง มุ่งให้บริการแบบครบวงจร (one-stop service) ที่ครอบคลุมทั้งในด้านการนำเข้า-ส่งออกสินค้า การบริหารจัดการระหว่างประเทศ การบริหารจัดการคลังสินค้า รวมถึงการจัดส่งพัสดุด่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีบริการโลจิสติคส์ที่จัดสรรตามความต้องการสำหรับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพของธุรกิจลูกค้าอย่างครบถ้วน
นอกจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซีเจ โลจิสติคส์ ยังมุ่งต่อยอดการเติบโตด้วยนวัตกรรมและแนวคิด K-Logistics ในตลาดหลักต่างๆ รวมถึงประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย New Southern Policy ของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทโลจิสติคส์ในประเทศมาเลเซีย ซีเจ เซ็นจูรี โลจิสติคส์ (CJ Century Logistics) ในเดือนกันยายน 2559 และมีการร่วมทุนระหว่างซีเจ ทรานสเนชั่นแนล (CJ Transnational) และ ทีดีจี กรุ๊ป (TDG Group) ในประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนธันวาคม 2559 ตลอดจนการเข้าถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจโลจิสติคส์และการขนส่งของเจมาเด็ปต์ (Gemadept) บริษัทโลจิสติคส์ชั้นนำของประเทศเวียดนาม ทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจของซีเจ โลจิสติคส์ในการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน
ปัจจุบัน ซีเจ โลจิสติคส์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 37 ประเทศ 148 เมือง และมีสำนักงานกว่า 266 แห่งทั่วโลก โดยบริษัทฯ มุ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ระดับสูง ด้วยความสามารถด้าน TES (Technology, Engineering, System & Solutions) เพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทโลจิสติคส์ชั้นนำของโลก ด้วยกลยุทธ์ “Pan Asia No.1” ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายโลจิสติคส์ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย
ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทธปราการ เป็นศูนย์กระจายพัสดุและสินค้าแห่งล่าสุดของซีเจ โลจิสติคส์ ในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 71,900 ตารางเมตร และเป็นหนึ่งในศูนย์กระจายพัสดุและสินค้าส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยขีดความสามารถในการบริหารจัดการพัสดุสินค้าถึงร้อยละ 13 ของจำนวนการขนส่งสินค้าทั้งหมดภายในประเทศที่ 3 ล้านชิ้นต่อวัน
โดยมีงบประมาณการลงทุนตั้งแต่ปี 2562 – 2564 อยู่ที่ประมาณ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท โดยในเฟสแรกจะใช้เวลาในการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 – พฤษภาคม 2562 และเพิ่มเติมส่วนต่อขยายในเฟสที่ 2 ในปี 2563 และเฟสที่ 3 – เฟสสุดท้ายในปี 2564 ตามลำดับ โดยขีดความสามารถในการบริหารจัดการพัสดุสินค้าในเฟสแรก จะเริ่มต้นที่ 98,600 ชิ้นต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 408,000 ชิ้นต่อวันในเฟสสุดท้าย
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th