ลองใช้จริงกับความปลอดภัยที่เหนือชั้นของ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ EyeSight
หลายต่อหลายครั้งที่เขียนถึงเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่ติดตั้งเข้ามาในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งจะมีเทคโนโลยีความปลอดภัยในเชิงป้องกันที่เข้าไปช่วยให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจและปลอดภัยในการใช้งานได้ในหลายฟังก์ชั่น อย่างใน “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” (Subaru Forester) ที่ติดตั้งระบบ EyeSight* ซึ่ง Grandprix Online ได้เขียนถึงหลายครั้ง แต่ไม่ได้ทดลองใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ สักครั้ง แต่ล่าสุดผู้เขียนได้ลองใช้จริงทั้งขับในเมืองและระหว่างเมือง ลองใช้งานในทุกฟังก์ชั่นของ EyeSight และต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีนี้เป็นความปลอดภัยที่เหนือชั้นของจริง
ในสิงคโปร์มีรุ่นอัพเกรดขึ้นมาอีก และใช้ 3 กล้อง ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยได้มากขึ้น คาดว่าจะเข้าไทยราวๆ ปลายปีนี้
สำหรับเทคโนโลยี EyeSight มีชื่อเต็มว่า EyeSight Driver Assist เป็นระบบสนับสนุนการขับขี่ที่ช่วยให้มีความปลอดภัยและมั่นใจในการเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยนวัตกรรม EyeSight ใช้กล้องแบบสเตอริโอเพื่อตรวจจับยานพาหนะอื่นที่อยู่รอบข้าง สิ่งกีดขวาง เลนการจราจร ตลอดจนวัตถุอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม EyeSight Driver Assist จะบังคับเบรกหรือลดคันเร่งเพื่อลดความเสี่ยงในการชนนั่นเอง
โดย EyeSight Driver Assist มี 6 ฟังก์ชั่นหลักที่ทำงาน คือ
ระบบเบรคก่อนชน (Pre-Collision Braking**) ระบบเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงและไฟบนหน้าปัดรถ หากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองต่อคำเตือน ระบบจะใช้เบรกโดยอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือเพื่อป้องกันการชนหากเป็นไปได้
ระบบควบคุมความเร็วรถแบบปรับความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) นอกเหนือจากการรักษาความเร็วของรถตามที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ ระบบ Adaptive Cruise Control ยังสามารถปรับความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากรถคันหน้า โดยอาศัยการตรวจจับระยะห่างและความแตกต่างของความเร็ว ระบบจะปรับเครื่องยนต์ เกียร์และเบรค เพื่อให้ความเร็วของรถสอดคล้องกับสภาพการจราจร
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management) เมื่อเทคโนโลยี EyeSight Driver Assist ตรวจจับอุปสรรคที่อยู่ในเส้นทางของยานพาหนะ แต่ผู้ขับขี่ไม่หลีกเลี่ยง ระบบ Pre-Collision Throttle Management จะส่งเสียงเตือนสั้นๆ หลายครั้ง และจะเปิดไฟกระพริบ ก่อนที่จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน (Lane Departure Warning) เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว 50 กม. ต่อชั่วโมงขึ้นไป และเริ่มเคลื่อนไปอยู่ที่ขอบเลน ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่จะออกจากเลน ระบบจะเตือนเมื่อผู้ขับขี่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเท่านั้น หากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวระบบจะไม่ทำการแจ้งเตือน
ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย (Lane Sway Warning) ระบบเตือน Lane Sway จะช่วยเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงเตือนและไฟกระพริบที่หน้าปัดเมื่อรถเริ่มขับส่ายไปมา โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 60 กม. ต่อชั่วโมงขึ้นไป
ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ (Lead Vehicle Start Alert) เมื่อรถหยุด และ EyeSight Driver Assist ตรวจจับได้ว่าการจราจรเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง ระบบ Lead Vehicle Start Alert จะเตือนด้วยเสียงและไฟกระพริบ ให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมออกรถ
*EyeSight เป็นระบบช่วยขับขี่ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในบางสภาวะการการขับขี่
** ระบบเบรคก่อนชน (Pre-Collision Braking System) อาจมีข้อจำกัดในบางสภาวะการขับขี่ ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถและวัตถุ ความสูงของวัตถุ และเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสำหรับการทำงานของระบบ EyeSight
สำหรับ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ที่ติดตั้งระบบ EyeSight และจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นรุ่นล่าสุด โดยรุ่นล่าสุดจะเพิ่มการถอยชนจากด้านหลังมาเพิ่มให้ ซึ่งหากระบบจับได้ว่ามีโอกาสที่จะถอยชนวัตถุที่อยู่ด้านหลัง รถจะทำการเบรกให้รถหยุดทันที คาดว่าระบบนี้จะเข้ามาติดตั้งในฟอเรสเตอร์ในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน
ส่วนการทดลองใช้งานจริง เป็นการทดลองขับทั้งในเมืองและขับออกนอกเมืองจากกรุงเทพไปยัง จ.ชลบุรี โดยเปิดระบบทั้งหมด ซึ่งผู้ขับไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะรถตั้งระบบมาให้ทั้งหมดแล้ว นอกจากจะปลดระบบออก จะมีปุ่มที่ติดตั้งเอาไว้ให้ซึ่งการปลดคือการกดปุ่มค้างเอาไว้ประมาณ 3 วินาที
เริ่มการทดลองใช้ในเส้นทางในเมือง เมื่อลองขับรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว เมื่อขับทับเส้นแบ่งทาง ที่จอ TFT กลางมาตรวัดจะแสดงภาพเตือนการขับออกนอกเลนขึ้นมาทันที พร้อมส่งสัญญาณเสียงเตือน แม้ว่าเส้นจราจรจะมองเห็นได้ยาก หรือเส้นไม่ชัดเจน ระบบเซนเซอร์และกล้องตรวจจับสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อขับบนสภาพการจราจรที่แออัด รถติดหนักๆ หลายคนอาจจะเหนื่อยล้าและอาจจะเผลอเหยียบเบรกไม่ทันทำให้รถเคลื่อนไปชนรถคันหน้า ระบบจะเข้ามาช่วยเบรกให้ทันที แต่ระยะเบรกจะค่อนข้างหวาดเสียวพอสมควร ซึ่งจากการทดลองในพื้นที่เฉพาะเพื่อการทดสอบพบว่า หากขับด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. รถจะทำการเบรกจนรถหยุดนิ่งสนิทได้ แต่ถ้ามีการแตะเบรกเพียงนิดเดียว ระบบจะเข้าใจว่าผู้ขับพร้อมที่จะเบรกแล้ว ระบบจะไม่ทำการหยุดรถให้ ฉะนั้น อย่าลองของเป็นอันขาด ปล่อยให้ระบบทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินดีที่สุด ซึ่งในความเร็วที่ระบบนี้ทำงาน สามารถทำงานได้ตั้งแต่เริ่มต้นความเร็ว คือเริ่มจากศูนย์ นั่นเอง รวมทั้งหากขับอยู่ดีๆ แล้วมีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เบี่ยงเลนเข้ามาตัดหน้ากระชั้นชิด ระบบจะเข้ามาช่วยชะลอเบรกให้ทันที โดยทีผู้ขับจะรู้สึกได้เลยว่ารถมีการช่วยเบรกให้ ตรงนี้ทำให้การขับขี่ในตัวเมืองเป็นอะไรที่ปลอดภัยมาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทีนี้ลองเปลี่ยนมาขับออกนอกเมืองกันบ้าง ด้วยการใช้เปิดระบบ ระบบควบคุมความเร็วรถแบบปรับความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบนี้ทำให้การขับทางไกลสะดวกสบาย และคลายความเมื่อยล้าได้อย่างดี แถมยังปลอดภัยอีกด้วย ระบบนี้สามารถตั้งความเร็วได้ทุกช่วงความเร็ว รวมทั้งตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้ตามเหมาะสม ซึ่งหากรถคันหน้าชะลอความเร็ว หรือมีรถที่แซงมาอยู่ด้านหน้า รถจะทำการชะลอความเร็วและทิ้งระยะห่างตามที่กำหนดเอาไว้อย่างแม่นยำ และในตอนที่รถคันหน้ามีการเบรกกระทันหัน ระบบตรวจจับสั่งการให้รถเบรกด้วยน้ำหนักเบรกที่หนักขึ้นในระยะห่างที่เท่าเดิมได้อีกด้วย ถือว่าสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในขณะขับขี่ได้อย่างดีเลยทีเดียว
น่าอิจฉาคนที่เป็นเจ้าของซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ที่ติดตั้งเทคโนโลยี EyeSight นี้ เพราะหลังจากลองแล้ว ยอมรับว่านี่คือระบบความปลอดภัยในระดับพรีเมียมแต่ราคารถญี่ปุ่น คุ้มค่าจริงๆ
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th