ซูบารุ เอาท์แบ็ค รุ่นปรับโฉมใหม่ นำเข้าญี่ปุ่น 2.512 ล้านบาท
บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุใน 9 ประเทศ เปิดตัว ซูบารุ เอาท์แบ็ค รุ่นปรับโฉมใหม่ (The New Subaru Outback) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน โดยยึดเอาพื้นที่งานแข่งขัน “ซูบารุแตะรถชิงรถ ครั้งที่ 11” (Subaru Thailand Palm Challenge 2018) เป็นเวทีเปิดตัว พร้อมจำหน่ายทั่วประเทศในราคา 2,512,000 บาท
สำหรับ ซูบารุ เอาท์แบ็ค รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังบ๊อกเซอร์ (Boxer) ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 175 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 235 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และพัฒนาไดชาร์จรุ่นใหม่ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นและมีน้ำหนักเบาลงถึง 8% ส่งพละกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 7 สปีด ที่ให้การตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อที่ว่องไวยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่จัดจ้านขึ้น รวมทั้งมีการเปลี่ยนโซ่สายพานส่งกำลังให้มีความละเอียดยิ่งขึ้น ทำให้เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์สู่ห้องโดยสารลดลง
ส่วนไฮไลท์สำคัญใน ซูบารุ เอาท์แบ็ค รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมกับระบบ Stablex-Ride เพื่อการขับที่มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่ดีขึ้น และการสั่นสะเทือนของตัวถังน้อยลง และ ระบบ X-Mode ที่ขึ้นชื่อด้านการขับในทุกสภาพพื้นผิว ซึ่งช่วยให้ควบคุมเครื่องยนต์ได้มีประสิทธิภาพด้วยระบบ Symmetrical All-Wheel Drive (S-AWD) และระบบเบรคที่พัฒนาขึ้นอีกขึ้นเพื่อการหยุดรถได้ในทุกช่วงจังหวะ
โดยในเรื่องของความปลอดภัยยังเป็นสิ่งที่ซูบารุเน้นยำเสมอและเป็นรากฐานในรถยนต์ซูบารุทุกรุ่น ซึ่งในเอาท์แบ็คมาพร้อมระบบไฟหน้าแบบปรับทิศทางอัตโนมัติตามพวงมาลัย (Steering Responsive Headlights) ช่วยให้ลำแสงไฟหน้าเคลื่อนที่ไปตามทิศทางของการหักพวงมาลัย เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับยามค่ำคืน และยังสามารถลบจุดบอดด้านหน้าด้วยกล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ส่วนล่างของกระจังหน้า และกระจกข้างที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบได้เมื่อขับในพื้นที่คับแคบอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานที่เติมเต็มการใช้งาน ด้วยพอร์ต USB ในคอนโซลบริเวณที่พักแขนเบาะหลัง มีไมโครโฟนเพื่อปรับปรุงการตอบสนองต่อเสียง (Voice Recognition), ระบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในรถยนต์ (Infotainment) ระดับพรีเมี่ยมแบบใหม่ด้วยหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียดสูงที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และเข้าถึงแอพพลิเคชั่นยอดนิยมผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งในส่วนของ Voice Recognition จะช่วยให้ผู้ขับสามารถใช้งานแบบแฮนด์ฟรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รบกวนการขับและมีความปลอดภัยมากขึ้น
เรื่อง/ภาพ: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th