ถูกชนไม่มีรถใช้งาน…เรื่องที่ประกันชอบลืม
หากในวันหนึ่ง เมื่อคุณขับรถไปทำงาน แล้วจู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น โดยที่เราเป็นฝ่ายถูก ในกรณีนี้ ท่านสามารถทำเรื่องเรียกร้องเงินชดเชยในส่วนของ กรณีขาดประโยชน์จากการไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อม เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ผู้ใช้รถใช้ถนนที่อาจจะยังไม่ทราบว่า ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยที่ “เราไม่ผิด” จะสามารถเรียกร้องสินไหมในกรณีดังกล่าวได้…
หลายท่านคงอยากรู้ว่า สิทธิพึงได้ พึงมี ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้น ควรเรียกร้องอย่างไร ซึ่ง ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม ก็คือ สิทธิประโยชน์ของผู้ใช้รถที่ถูกละเมิด โดยที่หลายท่านไม่รู้ และไม่เคยเรียกร้องจากการถูกคู่กรณีชน (โดยเราต้องเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น) ซึ่งโดยทั่วๆไป บริษัทประกันจะนำรถเข้าซ่อมกับอู่ของประกัน เสร็จแล้วก็จบกันไป แต่ไม่เคยได้แจ้งเราเรื่อง ค่าขาดประโยชน์ฯ ที่ว่านี้เลย เหตุผลที่ตัวแทนบริษัทประกันไม่บอก เพราะเกรงว่า หากมีการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ฯ ทางบริษัทประกันของคู่กรณีก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม…
บางท่านเกิดข้อสงสัย ก็แล้วทำไมบริษัทประกันฝ่ายเราถึงไม่ทำเรื่องเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ฯให้เราด้วยล่ะ??? ซึ่งเรื่องการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์นี้ ไม่เกี่ยวกับบริษัทประกันของเรา แต่เป็นเรื่องที่เจ้าของรถเสียประโยชน์ จึงต้องเรียกร้องเอง บริษัทประกันฝ่ายเราทำหน้าที่เพียงแต่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเท่านั้น…
ดังตัวอย่างของผู้ใช้รถท่านหนึ่ง ได้ประสบอุบัติเหตุ มีรถแท็กซี่มาเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของตน โดยแท็กซี่เป็นฝ่ายผิด เมื่อประกันทั้ง 2 ฝ่ายมาถึง ตัวแทนของแต่ละคันก็ทำเอกสาร กรอกรายละเอียด ถ่ายภาพเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคิวของเจ้าของรถ หรือคนขับจะต้องเซ็นต์เอกสารใบเคลมของตนเอง
หากเราจะเรียกร้อง ค่าขาดประโยชน์ฯ ต้องทำอย่างไรบ้าง
อันดับแรก ห้ามลืม!! : ให้ถ่ายรูปสภาพรถของเราและคู่กรณีหลังอุบัติเหตุ ใบเคลมที่ประกันคู่กรณีออกให้ว่าเป็นของบริษัทใด หมายเลขอะไร รวมถึงใบกรมธรรม์ประกันรถของคู่กรณี หลังจากนั้น ส่งรถเข้าศูนย์ซ่อมตามปกติ อย่าลืมถ่ายเอกสารใบเคลมเก็บไว้ เมื่อรถซ่อมเสร็จ
จนถึงวันที่รับรถ ห้ามลืม!! ขอเอกสารแจ้งรายละเอียดการซ่อม โดยต้องระบุรายละเอียดวันที่นำส่งรถเข้าซ่อม และวันที่รับรถให้ชัดเจน (สามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการประจำศูนย์ซ่อมได้เลย)
หลังจากรถซ่อมเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ
1. สำเนาใบเคลมของคู่กรณี (ถ่ายด้วยโทรศัพท์ แล้วปริ้นท์เก็บไว้ก็ได้)
2. สำเนาใบเคลมของเรา (จะได้จากตัวแทนประกัน ในวันที่เกิดเหตุ)
3. ใบแจ้งซ่อม และรายละเอียดการซ่อม ซึ่งระบุวันนำรถเข้า และวันรับรถอย่างชัดเจน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. สำเนาทะเบียนรถ
6. สำเนาหน้ากรมธรรม์
7. สำเนาใบขับขี่
8. จดหมายชี้แจงเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ จากการใช้รถยนต์จริง
ตัวอย่างจดหมายที่ใช้
ขอบคุณข้อมุล : http://www.lancer-exclusive.com/forums/showthread.php?t=5019
ข้าพเจ้า ชื่อ …………. เจ้าของรถ ……. รุ่น ……. ทะเบียน ……. ถูกรถยนต์ที่ขับโดยคุณ ……. ยี่ห้อ ……. ทะเบียน …….
ขับสวนเลนมาชนด้านหน้าฝั่งขวาที่ ……. เมื่อวันที่ ……. เวลาประมาณ ……. ทำให้รถข้าพเจ้ามีความเสียหายคือ
1. …….…….…… 2. …….…….…… 3. …….…….…… 4. …….…….…… (ตามเอกสารแนบ)
ข้าพเจ้าได้จึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ ……. สาขา ……. ในวันที่ ……. ซ่อมเสร็จ วันที่ ……. เป็นเวลา …… วัน ข้าพเจ้าทำงานเป็น ……. มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์เดินทางในบริเวณกรุงเทพและปริมณฑล มีระยะทางรวมราวๆ …… กม./วัน โดยต้องนั่งแท๊กซี่ไปทำงานแทน ประกอบกับความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นในการขอเรียกสินไหมในกรณีดังนี้
ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ ……. บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา …….วัน รวม ……. บาท รวมทั้งสิ้น ……. บาท
ด้วยความเคารพ
…….…(ลงชื่อ)….…….
หลังจากส่งเอกสารเรียบร้อย จะมีเจ้าหน้าที่ของประกันคู่กรณีโทรมาติดต่อและต่อรอง หลังจากนั้นประมาณ 7 วันก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีหรือรับเป็นเช็ค (ในขั้นตอนนี้ จะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่ที่กฎระเบียบในการเบิก-จ่ายของแต่ละบริษัทประกัน)
ทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากมีใครประสบเหตุตามที่กล่าวมา เราสามารถเรียกร้องสินไหมในกรณีขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ ตามตัวอย่างที่ได้ยกมาให้ชมเป็นกรณีศึกษากัน…ก่อนจากกันไป ก็ขอให้ทุกท่านขับรถด้วยความปลอดภัย และไม่ประมาท เพื่อการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ที่ทำให้ต้องเสียทรัพย์สิน เสียเวลาทำมาหากินอีกด้วย…
เรื่อง : Sliif
ขอบคุณภาพ : Google
ขอบคุณข้อมูล : www.pantip.com , www.insurancethai.net
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th