เมื่อทางบริษัท TOYOTA ได้มีการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์สุดหรูอย่าง ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 โดยนับตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดตัวออกมาในเจเนเรชั่นที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ทางโตโยต้าได้มีการปรับโฉม ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 ใหม่อย่างเป็นทางการในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทได้มีการออกแบบ และพัฒนารูปลักษณ์ใหม่ โดยครั้งนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาในคอนเซ็ปต์ “Prestige & Cool” มากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ในครั้งนี้ เพื่อที่จะสะท้อนตัวตนของความเป็นผู้นำอย่างมีระดับ และเน้นไปที่ความหรูหรา ทันสมัย เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนวัยกลางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และเน้นใช้งานในชีวิตประจำวัน

ดีไซน์การออกแบบ ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020

สำหรับการออกแบบในรุ่นมาตรฐานนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถด้านนอกใหม่ ทั้งการปรับดีไซน์ของกระจังหน้าใหม่ เพื่อให้มีขนาดที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเพิ่มแถบกันชนด้านล่างสีเงินเข้ามา เพื่อเป็นตัวเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรถ และทำให้รถดูหรูหรามากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยนไฟหน้ามาเป็นดีไซน์ใหม่ DayTime Running Light แบบ Light Guiding และปรับเปลี่ยนชุดไฟท้ายใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับเพิ่ม Light Guiding เพื่อเป็นตัวเพิ่มความโดดเด่นในเวลากลางคืนนั่นเอง

สำหรับ TOYOTA ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 ได้มีการเพิ่มรุ่นพิเศษเข้ามา โดยใช้ชื่อรุ่นพิเศษนี้ว่า “Legender” ในรุ่นนี้จะได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่จะได้มีความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานชัดเจนมากยิ่งขึ้น รุ่นนี้จะคำนึงถึงเรื่องของความสวยงามเป็นพิเศษ และยังมีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า ให้มีความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอีกด้วย และเพิ่มความทันสมัยด้วยการเปลี่ยนไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding พร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ LED Sequential ไฟสูง และไฟต่ำแบบ LED พร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนดีไซน์กันชนหลังให้สอดคล้องกับดีไซน์กันชนด้านหน้าอย่างลงตัวเลยทีเดียว

ระบบเพิ่มความบันเทิงของ ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020

• ทาง TOYOTA ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 ได้ปรับเปลี่ยนหน้าจอสัมผัสที่มีระบบรองรับ Apple Carplay ไว้สำหรับการเชื่อมต่อทุกความบันเทิงได้อย่างอิสระ พร้อมทั้งระบบ T-Connect ที่จะเป็นตัวเชื่อมต่อรถ และผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

• เพิ่มระบบกล้องมองภาพได้อย่างรอบคัน พร้อมทั้งเพิ่มมุมมองแบบ 3D เพื่อเป็นตัวเพิ่มทัศนวิสัย และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่อย่างสูงสุด

• เพิ่มระบบสัญญาณเตือนการกะระยะอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า Park Sensor เพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ได้จอดรถง่ายมากยิ่งขึ้น

• เพิ่มระบบ Activated Kick Door จะสามารถเปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะเปิดได้โดยที่ไม่ได้สัมผัสกับตัวรถเลยทีเดียว

• เพิ่มแท่นชาร์จไร้สายไว้สำหรับรองรับ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถ

เครื่องยนต์ ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020

สำหรับ TOYOTA ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 นอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ต่าง ๆ แล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการ ของผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ รวมไปถึงการเพิ่มระบบต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้แก่ผู้ใช้งาน แถมยังตอบรับทุกการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ และยังประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

• เพิ่มเพลาการปรับสมดุลในเครื่องยนต์ 8 ลิตร และยังช่วยลดเสียง ลดแรงสั่นสะเทือนที่จะส่งผลต่อห้องโดยสาร เรียกได้ว่าเพิ่มความเงียบ และความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม

• เครื่องยนต์ในรุ่นนี้จะมีการปรับลดความเร็วของรอบเดินเบา จาก 850 รอบต่อนาที เปลี่ยนเป็น 680 รอบต่อนาที ดังนั้นจะสามารถลุยในเส้นทาง Off-Road ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม

• ได้เพิ่มระบบการบังคับการเลี้ยวแบบ VFC หรือที่ชื่อว่า Variable Flow Control โดยระบบนี้จะทำการควบคุมพวงมาลับให้แปรผันตามระดับความเร็วของรถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

• เพิ่มระบบการแสดงข้อมูลของตำแหน่งองศาล้อรถบนหน้าจอ MID และได้มีการติดตั้งสัญญาณเตือนการกะระยะด้านท้ายรถ รวมไปถึงกันชนหน้า กันชนหลัง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างขณะที่กำลังขับขี่รถ

• ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 ได้มี Sport Mode เพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มให้การขับขี่ของคุณมีความสนุกมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบคันเร่งให้มีการตอบสนองได้เร็วขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งปรับการทำงานของพวงมาลัยให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับเร่งการแซง และเหมาะสำหรับการขับขี่ที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง

• มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดไว้อย่างหลากหลาย

สำหรับโตโยต้า ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 นอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ต่าง ๆ ใหม่แล้ว ยังมีการเพิ่มสีใหม่เข้ามาอีกด้วย นั่นก็คือสีแดง เพราะฉะนั้นถ้าหากใครที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์สมรรถภาพสูง แนะนำให้เลือก ฟอร์จูน เนอ ร์ 2020 เพราะนอกจากจะมีสมรรถภาพสูง ยังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสวยงาม ยิ่งมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และสำหรับราคาของรถรุ่นนี้จะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,319,000 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นรถที่มีความหรูหราในราคาที่ย่อมเยาว์มากเลยทีเดียว

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th