ธอมัส กอเรียน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจคนใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง มร. ธอมัส กอเรียน เป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มร. กัลดริค ดอนเนอซาน ซึ่งย้ายกลับไปรับตำแหน่งที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ณ กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
มร. กอเรียน ร่วมงานกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มานานกว่า 12 ปี โดยก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยดูแลประเทศอินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในด้านการขายและการตลาดจากตำแหน่งก่อนหน้าในฐานะผู้ชำนาญการด้านการวางแผนผลิตภัณฑ์และราคา ณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น การวางกลยุทธ์ด้านราคา การวางแผนการขาย และการวางแผนผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นจึงได้ย้ายไปรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการบริหารคุณภาพและพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำหรับตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจสำหรับตลาดประเทศไทยนี้ มร. กอเรียน จะรับผิดชอบการบริหารและพัฒนาภาพรวมของการขายของบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย รวมถึงการวางกลยุทธ์และการบริหารจัดการเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านการขายสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศไทย
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ต้อนรับ มร. ธอมัส กอเรียน ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่าทศวรรษของการทำงานกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ มร. กอเรียน จะช่วยสร้างความสำเร็จของเราในตลาดยนตรกรรมพรีเมียมให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
เรามั่นใจว่า มร. กอเรียน จะมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการบริหารและวางกลยุทธ์ขององค์กรให้ไปถึงความสำเร็จตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมผลักดันให้เกิดการเติบโตและการพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง”
“และในโอกาสนี้ เราขอแสดงความชื่นชม มร. กัลดริค ดอนเนอซาน ในความทุ่มเทที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อองค์กรของเรา ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ความเสียสละและความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของ มร. ดอนเนอซาน มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างมากของบีเอ็มดับเบิลยู นำไปสู่การได้รับยอดจดทะเบียนสูงสุดและการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมในประเทศไทยเป็นเวลาสี่ปีติดต่อกัน
เราภูมิใจที่ มร. ดอนเนอซาน เป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญของเราและร่วมขับเคลื่อนการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครและเสริมสร้างความภักดีในแบรนด์ให้แก่ลูกค้าของเรา ขอขอบคุณ มร. ดอนเนอซาน และขอให้ประสบความสำเร็จกับเส้นทางต่อไปใน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในมิวนิค” มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา กล่าวสรุป
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิตมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน
และมอเตอร์ไซค์กว่า 209,257 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 23.5 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 142.6 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 149,475 คนทั่วโลก ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
นปี 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 15,477 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 14,128 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,349 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,079 คัน
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง
ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้
สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยูมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ทั้งหมด 18 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS
บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 6 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู M760e xDrive