น้ำมันเครื่อง เลือกอย่างไรให้เหมาะกับมอเตอร์ไซค์
หนึ่งในสำคัญที่ทำให้มอเตอร์ไซค์อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ดีอยู่เสมอ นอกเหนือไปการดูแลรักษาที่ดีก็คือการเลือกใช้ น้ำมันเครื่อง ที่เหมาะสม เพราะน้ำมันเครื่องทำหน้าที่เป็นเหมือนฝ่ายสนับสนุนที่สำคัญเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างราบลื่นและเต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดการสึกหรอ ซึ่งการที่จะรู้ว่าควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างไรจึงเหมาะกับมอเตอร์ไซค์ของตนเองก็คือการทำความรู้จักกับน้ำมันเครื่องว่ามีกี่แบบ มีคุณสมบัติอย่างไร และมีข้อดีอะไรบ้างเพื่อที่จะสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับรถและลักษณะการขี่ของตนเองได้
ประเภทน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องที่ใช้กับมอเตอร์ไซค์มี 3 ประเภทซึ่งแต่ประเภทจะมีทั้งลักษณะ ราคา รวมทั้งระยะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
1 น้ำมันเครื่องแบบธรรมดา (Convention Oil)
ลักษณะของน้ำมันเครื่องประเภทนี้คือ เป็นน้ำมันเครื่องที่มี Base Oil หรือน้ำมันพื้นฐานเป็นน้ำมันที่กลั่นมาจากน้ำมันดิบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอาจมีปริมาณน้ำมันประมาณ 75 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และใส่สารเติมแต่งเข้าไป 10-25 เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปแล้วน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาก็เหมาะสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขับขี่ทั่วไป รวมทั้งยังมีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องประเภทอื่น แต่ข้อเสียหนึ่งก็คือ มีคุณสมบัติต้านทานการใช้งานที่อุณหภูมิสูงได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่องประเภทอื่น และจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วกว่าประเภทอื่น
2 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (100% Synthetic / Fully Synthetic)
อีกชื่อที่เรียกกันของน้ำมันเครื่องประเภทนี้คือ น้ำมันมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ซึ่งหมายความว่าน้ำมันพื้นฐานหรือ Base Oil มาจากการสังเคราะห์ทางเคมีล้วนๆ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วใส่สารเติมแต่งเข้าไป 10-25 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการที่เป็นน้ำมันที่มาจากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีในห้องแลบทั้งหมดจึงทำให้สามารถเพิ่มคุณสมบัติบางอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้น้ำมันได้ในกระบวนการสังเคราะห์ ทำให้เป็นน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เหมาะสำหรับใช้กับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานหนักและมีการขี่ที่ยาวนาน รวมทั้งมีอายุการใช้งานที่นานกว่าน้ำมันเครื่องอีก 2 ประเภทด้วย แต่ก็เป็นน้ำมันเครื่องที่มีราคาแพงสุดด้วยเช่นเดียวกัน
3 น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic)
น้ำมันเครื่องลักษณะนี้จะใช้น้ำมัน Base Oil แบบผสม คือ Base Oil ที่ได้จากจากการกลั่นน้ำมันดิบผสมกับ Base Oil ที่ได้จากการสังเคราะห์ โดยที่มีอัตราส่วนการผสมแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและเกรดของน้ำมัน และใส่สารเติมแต่งเข้าไปอีก 10-25 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันเครื่องแบบธรรมดา เหมาะสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานหนักกว่า รวมทั้งมีอายุการใช้งานที่นานกว่า แต่ก็มีราคาแพงกว่าน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาด้วย
SAE 10W-50 คืออะไร
นี่คือสิ่งที่ใช้บอกถึงคุณสมบัติของ น้ำมันเครื่อง ที่เหมาะสำหรับเครื่องยนต์และสภาพอากาศที่ใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ชุดคือ SAE, 10W และ 50 ซึ่งแต่ละตัวหนังสือและตัวเลขจะระบุคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป อย่าง SAE 10W-50 สิ่งที่บอกก็คือ
-SAE มาจาก Society of Automotive Engineers หรือสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ ซึ่งหมายถึงว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดยสมาคมนี้
-10W เป็นการวัดค่ามาตรฐานในเขตหน้าหนาวโดยเป็นการวัดค่าต้านทานการเป็นไขหรือยังคงความข้นใสของน้ำมันไว้ได้โดยไม่เป็นไข โดยตัว W มาจาก Winter ส่วนตัวเลขด้านหน้ายิ่งต่ำก็ยิ่งแสดงว่าสามารถคงความข้นใสของน้ำมันไว้ได้ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก อย่าง 10W หมายความว่าสามารถคงความข้นใสของน้ำมันไว้ได้ถึงอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสโดยไม่เป็นไข หากเป็น 5W จะสามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึงอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส
-50 สองตัวเลขหลังสุดแสดงการวัดค่าความหนืดของน้ำมันที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส โดยตัวเลขที่แสดงจะแตกต่างกันไปเช่น 30,40,50 หากตัวเลขมากขึ้น ยิ่งแสดงถึงความหนืดที่มากขึ้น โดยสิ่งหนึ่งที่ควรเข้าใจก็คือการที่น้ำมันเครื่องมีความหนือมากกว่าไม่ได้หมายถึงการที่มีคุณภาพดีกว่า แต่ควรเลือกค่าความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์
หากไม่รู้ว่าควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความข้นใสและความหนืดอย่างไร ควรเปิดดูในคู่มือของรถ
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th