พรีวิว The All-New BYD e6 ยานยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่จาก EV Society
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่อยากออกไปไหนแน่ แต่สำหรับการทำงานของสื่อมวลชนแล้ว จะนั่งอยู่กับที่ก็ทำไม่ได้ แต่นั่นทำให้การเฟ้นหาคอนเทนต์ดีเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน แรงกระตุ้นแบบนี้แหละทำให้สตาร์ทรถออกจากออฟฟิศมาหาคอนเทนต์ (ความจริงคืออยู่ออฟฟิศไม่เป็นนั่นเอง ฮ่าๆๆ) โดยเป้าหมายคือ EV Society ที่บริษัทตั้งอยู่อาคารเดียวกันกับโชว์รูมซูบารุ สุทธิสาร นั่นเอง
ทำไมต้องไปที่ EV Society เพราะรู้มาว่าตอนนี้เค้าเตรียมเปิดตัวขายยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ ของแบรนด์ BYD (Build Your Dreams) ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราอยู่พักใหญ่ๆ ซึ่งหากจะพูดไปแล้วแบรนด์ BYD ถือว่าไม่ธรรมดา เป็นค่ายรถจากซีอาน มณฑลส่านซี ก่อตั้งเมื่อปี 2003 และมีการพัฒนายานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันถือว่าเป็นอีกแบรนด์รถยนต์จากจีนที่มีเทคโนโลยีไม่แพ้ค่ายอื่นๆ เลยเช่นกัน และรถที่จะไปพรีวิวกันคือ The All-New BYD e6 ที่มาพร้อมกับรูปโฉมที่ดูสะดุดตาและพรีเมียมมากกว่าเดิมพอสมควร โดยเฉพาะการตกแต่งภายในที่ต้องยอมรับในงานประกอบที่ใช้ได้เลย
The All-New BYD e6 รุ่นใหม่นี้ แตกต่างจากรุ่นเดิมที่เข้ามาจำหน่ายในไทยเมื่อปี 2018 แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ตัวถังขนาดใหญ่ แต่ดูปราดเปรียว เส้นสายข้างตัวรถดูปราดเปรียวไม่เทอะทะเหมือนเดิม และที่สำคัญการออกแบบภายในห้องโดยสารดูพรีเมียมมากขึ้น ดูมีความน่าสนใจในหลายๆ ส่วน
เริ่มต้นจากไฟหน้าที่ออกแบบได้เฉียบคมเป็นแบบฮาโลเจน พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ทั้งด้านหน้าและหลัง มีขนาดตัวถังที่ยาวถึง 4,695 มม. กว้าง 1,810 มม. สูง 1,670 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม. ความสูงจากพื้นถึงตัวถัง 145 มม.พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 580 ลิตร มาพร้อมยางขนาด 215/55 R17 และเบาะแบบ 5 ที่นั่ง ที่เป็นเบาะหนังที่ลูบคลำดูแล้วให้สัมผัสที่นุ่มนวลใช้ได้
ในส่วนของสมรรถนะ มอเตอร์แบบ AC Permanent Magnet Synchronous Motor ระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด 70 kW และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ
ระยะการขับต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถขับได้ไกล 520 กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่เป็นแบบ Blade Battery หรือแบตเตอรี่ทรงใบมีดที่ออกแบบให้บางและยาว รวมทั้งมีน้ำหนักเบา มีความแตกต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไปของยานยนต์ไฟฟ้าอื่น ซึ่งนั่นทำให้รถคันนี้ลดน้ำหนักรวมของตัวถังไปได้เยอะเลย
พื้นที่วางขาจากเบาะแถวหลังถือว่ากว้างมาก ปรับเบาะหน้าสุดแล้วยังเหลือพื้นที่จากหัวเข่าถึงเบาะอีกตั้ง 3 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสาร แผงแดชบอร์ดทำได้หรูหรากว่าเดิม โดดเด่นด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่คมชัดมาก ประกบข้างด้วยมาตรวัดปริมาณ kW ด้านซ้าย และความเร็ว km/h ด้านขวา พวงมาลัยมีขนาดที่กระชับพอดีมือ พร้อมปุ่มปรับโหมดการทำงานที่หน้าจอที่ด้านขวา และที่น่าสนใจคือ หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถหมุนจากแนวนอนให้เป็นแนวตั้งได้ด้วยอีกนะ เสริมความหรูหราด้วยลายไม้สีน้ำตาลเข้มเคลือบมันตัดขอบด้วยสีเงินดูโดดเด่นและไม่น่าเบื่อ ถัดลงมาจะเจอกับปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มปรับโหมดการขับ ไฟฉุกเฉิน ระบบควบคุมการทรงตัว สัญญาณเตือนขณะจอด และเครื่องปรับอากาศ ส่วนเกียร์เป็นแบบปุ่มหมุนตามสมัยนิยมของยานยนต์ไฟฟ้าทั่วไป คือ การเข้าเกียร์ใช้วิธีกดปุ่มทั้งหมด รวมทั้งมีเบรกมือไฟฟ้าติดตั้งมาให้ด้วย
หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถหมุนปรับจากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ด้วย
ส่วนระบบความปลอดภัยต่างๆ มีครบเท่าที่รถในยุคนี้ควรมี ไม่ว่าจะเป็น EPS (Electronic Power Steering), Anti-Lock Braking System (ABS), ESP (Electronic Stability Program), EPB (Electric Park Brake), Vehicle Dynamic Control System (VDC), BOS (Brake Override System), Traction Control System (TCS), Electric Brakeforce Dis-tribution (EBD), Hill-Start assist Control (HHC) และ Hydraulic Brake Assist System (HBA) พร้อมแอร์แบคคู่หน้า
สำหรับสีตัวถังเท่าที่ทราบมาจะมีสามสี คือ สีขาว, สีดำ และสีฟ้า ราคาจำหน่ายตอนนี้ยังไม่เคาะ 100% แต่รุ่นเก่า 1.89 ล้าน ส่วนรุ่นนี้พอบอกได้ว่าถูกกว่าแน่นอน ประมาณเอาไว้ว่า 1 ล้านกลางๆ ไม่เกินนี้แน่นอน
แอร์หลังพร้อมช่อง USB อีก 2 ช่อง
ใต้ที่พักแขนมีช่องเสียบ USB อีก 2 ช่อง เช่นกัน
โดยภาพรวมถือว่า The All-New BYD e6 มีความน่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะระยะทางการขับที่ขับได้ไกลร่วม 500 กิโลเมตร ซึ่งจากประสบการณ์การขับรถพลังงานไฟฟ้าแบบนี้ ลองหักระยะทางออกร้อยกิโลเมตรก็ยังขับได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร ด้วยตัวถังขนาดใหญ่แบบนี้ แต่ทำระยะทางได้ขนาดนี้ถือว่าทำได้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบเหลือๆ อยู่แล้ว (ส่วนการทดลองขับเร็วๆ นี้ได้รู้กัน)
แต่!! ยังมีจุดที่ต้องคอมเมนต์อยู่เหมือนกัน คือ เบาะหน้าแบบธรรมดาไม่ได้ปรับไฟฟ้า, ประตูหลังน้ำหนักเยอะมาก และไม่ได้เป็นระบบเปิดปิดไฟฟ้า, เบาะหลังไม่สามารถปรับพับได้ ซึ่งจุดนี้คิดว่าทางผู้จำหน่ายคงจะมีการปรับปรุงก่อนที่มีขายคันจริงอย่างแน่นอน
มียางอะไหล่มาให้ด้วยนะ พร้อมชุดเครื่องมือ และจะเห็นว่าวางทับแบตเตอรี่เอาไว้อีกที
ส่วนตอนนี้ใครที่สนใจอยากเป็นสัมผัสกับคันจริง สามารถไปได้ที่ EV Society สุทธิสาร อยู่อาคารเดียวกับโชว์รูม ซูบารุ สุทธิสาร นี่เอง หรือคลิ๊กเข้าไปที่แฟนเพจ EV Society https://www.facebook.com/EVTaxivip แล้วจะรู้ว่าทุกวันนี้ยานยนต์ไฟฟ้าจากจีน พัฒนาไปได้ไกลมากกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะ.
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th