ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนบนท้องถนน
Ford Ranger Raptor หรือ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด ประจำปี 2021 ทางบริษัทได้มีการพัฒนา และออกแบบให้มีความโดดเด่น และดุดัน ที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยความมีเอกลักษณ์ทั้งภายนอก และภายใน ประกอบกับมีการเน้นฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ให้สะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเป็นสำคัญ สำหรับการออกแบบด้านหน้าของรถยนต์รุ่นนี้ ก็มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบใหม่ล่าสุด ที่ทำให้สะดุดตาเป็นอย่างมาก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ที่ถือเป็นรถปิกอัพสมรรถนะสูงคันแรกของโลกนั่นเอง
สำหรับโลโก้ของ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ ก็สะกดด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ซึ่งได้ทำการจัดวางอยู่บนกระจังหน้าที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ทำให้โลโก้ของรถยนต์รุ่นนี้ มีความโดดเด่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้จะขับเคลื่อนไปบนท้องถนนที่มีฝุ่นคละคลุ้งเป็นจำนวนมากก็ตาม สำหรับชุดกันชนด้านหน้า ที่ติดมากับเฟรมรถ ก็ได้รับการออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทาน รองรับการขับขี่ทุก ๆ ท้องถนน ด้วยความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ ในส่วนของแผงกันชนด้านหน้า ก็ยังมาพร้อมกับไฟตัดหมอกแบบ LED ที่ประกอบไปด้วยช่องรีดอากาศ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดการต้านลมของตัวรถยนต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด
เครื่องยนต์ของ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ 2021
สำหรับเครื่องยนต์ของ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ 2021 คือ ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร มีขุมพลังสูงสุด 213 แรงม้า หรือ 157 กิโลวัตต์ ประกอบกับมีแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตัน-เมตร ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพอันแสนทรงพลัง ด้วยการทำงานร่วมกันกับเทอร์โบแรงดันสูง ขนาดเล็ก และเทอร์โบแรงดันต่ำ ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น ตามความต้องการของผู้ขับขี่อย่างไร้อิสระ
ทางบริษัทฟอร์ด ได้ทำการทดสอบเทอร์โมไซเคิล (Thermo Cycle) ด้วยการพัฒนาให้เทอร์โบทั้ง 2 ลูกมีความร้อนสูง จนกลายเป็นสีแดงนานติดต่อกันนับ 200 ชั่วโมง สำหรับลูกปืนเทอร์โบนั้น ก็ได้มีการผลิตมาจากอัลลอยที่มีคุณภาพสูง ที่มีคุณสมบัติในการทนต่อความร้อนได้สูงถึง 860 องศาเซลเซียส ประกอบกับเทอร์โบแรงดันต่ำ ที่สามารถระบายความร้อนด้วยน้ำได้อย่างง่ายดาย จะส่งผลให้รถยนต์รุ่น ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุดเลยก็ว่าได้
สำหรับระบบเกียร์ของรถยนต์รุ่นนี้ ก็มาในรูปแบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ทำการผลิตมาจากเหล็กกล้า-อะลูมิเนียมอัลลอย และคอมโพสิท เพื่อให้มีความทนทาน แต่ยังคงไว้ซึ่งน้ำหนักเบา สำหรับเกียร์ 10 จังหวะนั้น จะหมายถึงการที่อัตราทดแคบลง ซึ่งได้ส่งผลให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่ง และการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม ส่งผลให้การเข้าเกียร์ทุก ๆ ครั้งมีความเร็วและแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ ก็มาพร้อมกับอัลกอริทึมที่สามารถเรียนรู้รูปแบบการขับขี่ ของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเกียร์ ที่มีความเหมาะสมสำหรับการขับขี่ ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
การออกแบบห้องโดยสารภายใน ของ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ 2021
ในส่วนของการออกแบบห้องโดยสารภายใน ของ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ ปี 2021 ได้ออกแบบให้คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ไว้อย่างชัดเจน สำหรับเบาะที่นั่ง ก็ได้มีการออกแบบมาโดยเฉพาะ ประกอบกับบุด้วยหนังกลับ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะกับเบาะที่นั่งให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางบนทางราบเรียบ หรือเส้นทางออฟโรด ทั้งนี้ทั้งนั้นวัสดุหนังภายในตัวรถ ยังมีการเดินด้านสีน้ำเงินรอบคัน เพื่อเพิ่มความโดดเด่นที่มากยิ่งขึ้นให้กับรถยนต์รุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
สำหรับแผงหน้าปัด ก็ได้ออกแบบให้มีความดุดัน ในส่วนของพวงมาลัยก็บุหนังลายฉลุ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยให้ผู้ขับขี่จับพวงมาลัยถนัดมือมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ ที่ทำมาจากแม็กนีเซียม น้ำหนักเบา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญก็คือ บนขอบพวงมาลัยยังได้มีการสลักโลโก้ ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ เพื่อเพิ่มความสะดุดตา ประกอบกับมีการติดตั้งแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Market ด้วยแถบสีแดง ที่ปรากฏตรงด้านบนตรงกลางของพวงมาลัย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึงตำแหน่งขององศาพวงมาลัย ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ซึ่ง ฟ อ ร์ ด แร็ ป เตอร์ ในปี 2021 ดังกล่าวนี้ มีราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 1,699,000 บาท ซึ่งหลายท่านอาจจะมองว่าเป็นราคาที่สูง หากเทียบกับราคารถปิกอัพแบรนด์ หรือรุ่นอื่น ๆ แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับคุณภาพ สมรรถนะ และการออกแบบที่ค่อนข้างลงตัว ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ประกอบกับรถรุ่นนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ชอบการเดินทาง ไปตามท้องถนนเส้นออฟโรด เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่สามารถพาทุกท่านขับเคลื่อนไปทุกที่ ได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยเป็นอย่างมากเลยนั่นเอง จึงถือได้ว่ารถยนต์รุ่นนี้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th