ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ดาวเด่นกระแสแรงใน Motor Expo 2018
ยังคงครองความเป็นรถกระบะที่มีความโดดเด่นและได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ (Ranger Raptor) รถกระบะความเร็วสูงที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ ซึ่งภายในบูธของฟอร์ดที่งาน Motor Expo 2018 เจ้าแร็พเตอร์คันนี้ได้ช่วงชิงความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตามากกว่าเจ้าม้าพยศมัสแตงเสียอีก
สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ (Ranger Raptor) โดดเด่นด้วยการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก สะดุตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ (Ford F-150 Raptor) ซึ่งเป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงคันแรกของโลกจากโรงงาน มาพร้อมโลโก้ฟอร์ดสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษที่แฟนๆ ฟอร์ดชื่นชอบจัดวางอยู่บนกระจังหน้าอย่างองอาจ ชุดกันชนด้านหน้าที่ติดกับเฟรมรถออกแบบให้มีความทนทานสำหรับการขับลุยในทะเลทรายและดูน่าเกรงขาม แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้เป็นอย่างดี
ส่วนที่แก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ที่ไม่ได้ดูแข็งแกร่งเท่านั้น ยังทนต่อการบุบและรอยขีดข่วนที่มักจะเกิดจากการใช้งานออฟโรด อีกทั้งแก้มข้างรถคู่หน้าที่ถูกตีโป่งขยายออกนั้น เพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้นและยางออฟโรดขนาดใหญ่
ด้านสีของตัวถังนั้นมีให้เลือก 5 สี คือ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue), สีแดงเรซ เร้ด (Race Red), สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black), สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ที่โดดเด่นด้วยการตัดเส้นสีกับสีเทาไดโน่ เกรย์ (Dyno Grey) ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นมากขึ้น
ตัวถังของรถยังดูใหญ่ขึ้นในทุกมิติ โดยมาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา
ทั้งยังออกแบบให้บันไดข้างสามารถป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และรูที่ถูกเจาะออกแบบมาเพื่อให้ระบายทราย โคลน และเศษหินได้ ผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนและผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กิโลกรัมถึง 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี และทำการเคลือบถึงสองชั้น โดยทำการพ่นสี powder-coated ก่อนพ่น grit-paint ทับอีกชั้น เพื่อมอบความรู้สึกแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนที่เกิดจากอากาศและสภาพแวดล้อม
ส่วนที่บริเวณกันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และส่วนท้ายรถยังได้รับการพัฒนาด้วยกรอบตัวเซ็นเซอร์ที่เรียบเสมอกับตัวถัง และตัวเชื่อมขอลากที่ได้รับการติดตั้งและออกแบบพิเศษ ส่วนท้ายกระบะมีพื้นที่ใช้งานกว้างขวางด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย
ในส่วนของการออกแบบภายใน เป็นไปตามดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) ที่ผสานสีสันต่าง ๆ และการเลือกสรรวัสดุที่คงทนและเหมาะสมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมอบความสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง การเลือกใช้หนังกลับเป็นวัสดุของเบาะ ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยึดเกาะที่นั่งได้ดียิ่งขึ้น แผงหน้าปัดมาในรูปแบบที่ดุดันแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบา
แชสซีของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการใช้งานแบบสมบุกสมบัน โดยแชสซีได้ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากขึ้น แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง
แชสซีด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโดยที่มีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และโครงสร้างแท่นยึดยางอะไหล่ที่ถูกเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว
ด้านระบบเบรกใช้ชิ้นส่วนพิเศษที่ทำขึ้นเฉพาะรุ่น คาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิปเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร
จุดเด่นอีกอย่างคือ โช้คแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่จะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ และจะลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนถนนทางเรียบ เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล ซึ่งโช้คอัพนี้ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อสูงเพื่อความสามารถในการซับแรงกระแทกขณะขับออฟโรด แต่ด้วยระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass technology) จึงทำให้การขับขี่บนถนนทางเรียบเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อให้พร้อมลุยในทุกสถานการณ์จึงเลือกใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์โดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ ยางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร แก้มยางมีความแข็งแรงสูงซึ่งเหมาะในการลุยทุกสภาพพื้นผิว ด้วยดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ
รวมถึงแผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก ผลิตจากเหล็กกล้า (High-strength steel) ที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร และมีความทนทานสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) แผงกันชนหน้ามาพร้อมกับสีเงิน อีกทั้งยังมีชุดกันกระแทกด้านล่างที่ป้องกันเครื่องและระบบส่งกำลัง (transfer case) ทั้ง 3 ส่วนนี้ที่ช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering – EPAS) ชุดสายพานหน้าเครื่อง (Front End Accessory Drive – FEAD) คานล่างด้านหน้า (Front cross-member) อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองขับส่วนหน้า
ไฮไลท์สำคัญคือขุมพลังที่มีขนาดเพียง 2.0 ลิตร เท่านั้น แต่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) พละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร ส่งพละกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยและคอมโพสิทเพื่อให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา เนื่องจากเกียร์มีทั้งหมด 10 จังหวะ ทำให้มีอัตราทดที่แคบลง จึงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น และทีมวิศวกรก็สามารถออกแบบระบบเกียร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ฟอร์ดจัดสเปคมาแบบเต็มสูบแบบนี้นี่ล่ะ ถึงได้โดดเด่นและสร้างกระแสได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว สำหรับราคาของ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ อยู่ที่ 1,699,000 บาท
นอกจากนี้ ภายในบูธฟอร์ด ยังได้จัดข้อเสนอและสิทธิประโยชน์มากมายภายในงานและตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ดังนี้
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Wildtrak และ Double Cab Limited ดอกเบี้ย 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Double Cab XLT ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XLT ดอกเบี้ย 89% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 84 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XL+ ดาวน์เพียง 9,999 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XL ส่วนลด 35,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น STD Cab & Open Cab XLS ส่วนลด 23,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
- ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
รวมทั้งมอบโปรแกรมขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ (Premium Extended Warranty) สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกรุ่น เป็นเวลา 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับลูกค้าที่ออกรถตั้งแต่ วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2561
ตอนนี้ยังมีเวลา สำหรับใครที่สนใจสามารถไปพบกับรถยนต์ทุกรุ่นของฟอร์ดได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 โดยงานจัดขึ้นถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ณ อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th