ถ้าพูดถึงรถที่กำลังมาแรงในปี 2018 ก็คงจะหนีไม่พ้นกับเจ้า ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) ซึ่งจริงๆแล้วมีหลายเจนเนอเรชั่นที่ถูกผลิตออกมากันอย่างต่อเนื่อง มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ทันสมัยตามกาลเวลา เราลองมาดูประวัติและความเป็นมากันได้เลย

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) เป็นรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวี (SUV) แบบ 7 ที่นั่ง เปิดตัวรุ่นแรกในโลกเมื่อ 15 ปีก่อน ได้รับการพัฒนามาจากรถกระบะรุ่นเรนเจอร์ (Ranger) ที่ครองในกลุ่มผู้ใช้รถกระบะในไทยมาอย่างยาวนาน โดยในเรนเจอร์มีจุดเด่นที่ความแข็งแกร่งของตัวถัง สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่พร้อมบรรทุก แรงบิดสูงในรอบต่ำ เมื่อพัฒนามาเป็นโมเดลเอเวอเรสต์ จึงกลายเป็นรถอเนกประสงค์ที่พร้อมใช้งานในทุกช่วงเวลาของการเดินทาง

Ford everest 2003

Ford everest 2006

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 เป็นการเกิดขึ้นของเอเวอเรสต์ รุ่นที่ 1 (2003-2006) ในรุ่นนี้ได้ใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับรถกระบะมาสด้า บี-ซีรีย์ (B-Series: ปี 1998 – 2006 หรือที่รู้จักกันในชื่อมาสด้า ไฟท์เตอร์ (Fighter) นั่นเอง) เป็นช่วงที่ทำการพัฒนารถในกลุ่มนี้ร่วมกับมาสด้า รูปแบบตัวถังรถกระบะของฟอร์ดและมาสด้าจึงมีความใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฟอร์ดขยับมาออกแบบตัวถังแบบ PPV จึงมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น และเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นการเดินทางไกลมากกว่าใช้รถในตัวเมือง

Ford everest 2009

Ford everest 2017

จากนั้นรุ่นที่ 2 เริ่มขึ้นในปี 2006-2015 ได้ปรับตามมาสด้าด้วยการใช้ตัวถังของมาสด้า BT-50 มาจนถึงปี 2011 โดยมีการปรับโฉมใหม่ในปี 2009 มีการปรับหน้าตาให้ดูแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ยังคงสมรรถนะของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับได้ทั้งแบบขับ 2 และขับ 4 ตามการใช้งาน

Ford everest 2018

และในรุ่นที่ 3 ปัจจุบัน ใช้พื้นฐานจาก ฟอร์ด เรนเจอร์ T6 และได้รับการออกแบบใหม่ในประเทศออสเตรเลีย แต่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ที่โรงงานในจังหวัดระยอง มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบเต็มขั้น ห้องโดยสารที่พรีเมียมมากขึ้น และขุมพลังที่ให้สมรรถนะโดดเด่นไม่แพ้ใคร

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฟอร์ด ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหม่ของเอเวอเรส และมีไฮไลท์สำคัญด้วยการเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเดิมที่มีเครื่องดีเซล ดูราทอร์ค TDCI VG TURBO ขนาด 2.2 และ 3.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ 2.0 ลิตร Turbo 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร และรุ่น 2.0 ลิตร Bi-Turbo 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร และระบบซิงค์ 3 (Sync 3) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

เรื่อง : พุทธิ ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th