ภัยซ่อนเร้น! อเมริกาตายเกือบ 30 ราย-ลืมกดปุ่มดับเครื่องรถ
ออปชั่นที่ล้ำสมัยของรถยนต์ยุคนี้กลายเป็นภัยร้ายที่ไม่คาดคิด หลังจากมีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 30 ราย ต้องจบชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะลืมดับเครื่องยนต์หลังจอดที่บ้าน โดยทั้งหมดเป็นรถรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบกดปุ่มสตาร์ท
รายงานข่าวใน New York Times หนังสือพิมพ์ชั้นนำของประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่านับตั้งแต่ปี 2006 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คน ที่มีสาเหตุจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกจากรถยนต์ที่ใช้ระบบกดปุ่มสตาร์ท (Keyless Ignition System) และอีกอย่างน้อย 45 คนที่มีอาการป่วยรวมถึงสมองได้รับความเสียหายจากพิษไอเสียรถยนต์
ในเนื้อหาของข่าวระบุว่าปัจจุบันระบบกดปุ่มสตาร์ทหรือที่คนไทยคุ้นหูในชื่อปุ่ม Push Start ที่คนขับเพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ใหม่เกือบครึ่งของยอดขายรวม 17 ล้านคันต่อปีในสหรัฐฯ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีคนเสียชีวิตจากการลืมดับเครื่องยนต์เมื่อกลับถึงบ้าน (บ้านของชาวอเมริกันส่วนใหญ่โรงจอดรถจะเชื่อมต่อกับตัวบ้าน)
กรณีหนึ่งที่ถูกยกตัวอย่างในรายงานของ New York Times เกิดขึ้นที่เมืองฟลอริด้า ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว คุณปู่ Fred Schaub ขับรถ Toyota RAV4 กลับมาถึงบ้าน และลืมดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้ในโรงจอดรถ ก่อนที่อีก 29 ชั่วโมงต่อมาจะมีคนพบว่าเขาเสียชีวิตจากการสูดดมคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูงกว่า 30 เท่าที่ร่างกายคนเราจะรับได้ โดย Doug ลูกชายของเขาให้ความเห็นว่า “หลังจากขับรถมา 75 ปี พ่อของผมคงคิดว่าเมื่อเขาพกกุญแจติดตัวเอาไว้ หากลงจากรถ เครื่องยนต์ต้องดับไปด้วย”
ตอนนี้สำนักงานความปลอดภัยทางหลวง และสมาคมวิศวกรยานยนต์ของประเทศสหรัฐฯ เริ่มออกมากดดันให้ติดตั้งสัญญาณเตือนคนขับหากเครื่องยนต์ติดอยู่ แต่กุญแจไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หลังจากค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่แสดงความกระตือรือร้นจะเพิ่มระบบความปลอดภัยในรถยนต์ที่ใช้ระบบ Keyless Ignition System โดยมีเพียง Ford ที่เปิดเผยว่ามีแผนจะติดตั้งระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ หากสตาร์ททิ้งไว้นานเกิน 30 นาที และไม่มีกุญแจอยู่ข้างในรถยนต์
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: New York Times
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th