มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ โดดเด่นด้านเทคโนโลยี
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว มาสด้า3 ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ ใส่เทคโนโลยีใหม่แบบจัดเต็ม เสริมความสมบูรณ์แบบและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถเก๋ง พร้อมเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 847,000 บาท
มร.อากิฮิโระ คาชิวากิ ผู้จัดการโครงการมาสด้า3 เผยถึงความเป็นมาของมาสด้า3 ว่า “รถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ของเรานั้นเริ่มจาก มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 (CX-5) ที่ได้รับการยกย่องสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากลูกค้าทั่วโลกในความมีชีวิตชีวาอันทรงพลังในแบบของ “โคโดะ ดีไซน์ หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว” เทคโนโลยีสกายแอคทีฟให้สมรรถนะที่เปี่ยมความสนุกในการขับขี่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือการแสดงออกถึงความพยายามของมาสด้าในการเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดที่ก้าวข้ามเซกเมนต์และประเภทของรถที่ลูกค้าคุ้นเคยไปได้ มาสด้าได้เริ่มทำตามความฝันที่จะกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่อาจทดแทนได้ในชีวิตของลูกค้า มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับลูกค้าอย่างแน่นหนาแข็งแกร่ง เราไม่ลดละความพยายามในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของเราให้ทันสมัยที่สุด คุ้มค่าที่สุด และประณีตที่สุดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดที่เราทำก็เพราะเราเชื่อว่านี่คือหนทางที่แท้จริงในการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและทำฝันของเราให้เป็นจริง
มาสด้า3 รุ่นล่าสุดนี้เผยโฉมในปี พ.ศ. 2556 โดยนับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 3 ของรถยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า เป้าหมายของเราก็คือต้องใส่ความเป็นมาสด้าลงไปให้ได้ในรุ่นที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ มาสด้า3 นั้นเปี่ยมด้วยแรงดึงดูดอันโดดเด่นของการออกแบบตามปรัชญา HMI และมีบทบาทเป็นรถยนต์รุ่นหลักในตลาดโลกของมาสด้า ที่จะนำพาให้แบรนด์มาสด้าไปสู่การพัฒนาที่ก้าวไกล มาสด้า3 ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงในด้านรูปลักษณ์ที่แสนจะดึงดูดใจและการควบคุมรถเป็นเลิศ นอกจากนี้ยังติดอันดับ top 3 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ปี 2557 และรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ปี 2557
แก่นแท้แนวคิดหลักๆ ของการปรับโฉมครั้งแรกของมาสด้า3 รุ่นปัจจุบันนี้ก็คือ มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่แบบ จินบะ-อิตไต เราจึงได้มีการเปิดตัวระบบ GVC หรือ G-Vectoring Control อันเป็นเทคโนโลยีแรกจาก สกายแอคทีฟ วีฮิเคิล ไดนามิกส์ GVC นั้นเกิดจากความคิดแปลกใหม่ว่า เราจะสามารถใช้เครื่องยนต์มาช่วยเพิ่มสมรรถนะของช่วงล่างได้หรือไม่ และได้รับการพัฒนาโดยมีปรัชญา HMI ของมาสด้าเป็นพื้นฐาน นี่คือเทคโนโลยีที่มุ่งหวังจะสร้างประสบการณ์แบบ จินบะ-อิตไต ให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสาร ด้วยการสร้างการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล ตอบสนองดังใจและเปี่ยมประสิทธิภาพ เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วนั้น เราใส่ใจรับฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าและนำมาเป็นวัตถุดิบในการพัฒนายกระดับมาสด้า3 ใหม่ไปอีกขั้น โดยเริ่มจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและให้ความมั่นใจในการขับขี่ อันรวมถึงการปรับปรุงเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่มีการใช้ระบบ SCBS เข้ามาเสริม และยังมีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของตัวรถ ด้วยความมุ่งหวังที่จะยกระดับทั้งแบรนด์และคุณภาพ เราจึงได้ทำการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพของทุกองค์ประกอบโดยมีปรัชญาHMI เป็นพื้นฐาน ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ฟังก์ชั่นต่างๆ และการขับขี่ที่เงียบกว่ารุ่นเดิม
มาสด้าปรารถนาที่จะสร้างให้รถยนต์นั้นเป็นมากกว่าแค่พาหนะโดยสาร แต่จะต้องมีบทบาทเป็นเพื่อนคู่คิดของลูกค้า มาสด้า3 ใหม่นี้ควบรวมองค์ประกอบล่าสุดที่เป็นจุดดึงดูดของรถยนต์มาสด้าไว้อย่างครบครันสมกับที่ได้รับสมญาว่า “รถมาสด้า”
สำหรับจุดเด่นของมาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ มีอยู่หลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เริ่มจากตัวถังกันก่อน มาสด้า3 ติดตั้งกระจังหน้าใหม่และ signature wing โฉมใหม่ใช้ไฟ LED ให้ความรู้สึกที่ดุดันแต่ทว่าเคร่งขรึมกว่าเดิม ในรุ่นก่อนนั้น จุดเน้นคือการเคลื่อนไหวในแนวนอนและท่วงทำนองของดีไซน์รูปตัววีของด้านหน้า ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกและการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ในทางกลับกัน การปรับโฉมครั้งนี้เน้นรูปลักษณ์แนวนอนที่ให้ความรู้สึกกว้างขึ้น และฐานล้อที่ต่ำลงให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม และช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวไปมา ทำให้เกิดรูปลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกถึงคุณภาพและความมั่นคงที่มากกว่าเดิม
โลโก้แบรนด์และแผ่นป้ายทะเบียนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงเพื่อสะท้อนถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม ไฟตัดหมอกล้อมกรอบสีโครเมียมสอดรับกับกันชนหน้า ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง กว้าง และรู้สึกถึงสมรรถนะที่คล่องตัว
ไฟหน้า LED ช่วยให้ดีไซน์โดยรวมดูสะอาด และทำให้ดวงไฟดูมีมิติมากขึ้น ส่งผลให้ดวงตาคู่นี้ของรถแสดงออกถึงอารมณ์ที่ลุ่มลึก Signature Wing ที่มีองศากว้างขึ้นช่วยแสดงถึงการเคลื่อนไหวออกไปทางซ้ายและขวา นอกจากนี้ ความกลมกลืนกันของมุมด้านนอกของ Signature Wing และตัวรถที่เส้นสายพุ่งสู่ด้านท้ายของตัวรถ ทำให้รู้สึกราวกับว่ารถมีการเคลื่อนไหวจากด้านหน้าสู่ด้านหลัง
ด้านท้ายของรุ่น Hatchback ให้อารมณ์ความรู้สึกเดียวกับด้านหน้าจากการที่มีเส้นสายวิ่งจากด้านหน้าสู่ด้านท้ายของรถ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และฐานล้อที่กว้าง กันชนหลังแบบใหม่ให้ความรู้สึกมั่นคงและเปี่ยมคุณภาพ ส่วนกันชนท้ายของรุ่น Sedan นั้นมีจุดมุ่งหมายที่จะรักษาสมดุลที่ดีกับดีไซน์ด้านหน้า
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่ แนวเส้นของก้านพุ่งตรงไปในทิศทางเดียวช่วยเน้นเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่และให้ความรู้สึกถึงความดุดันแข็งแกร่งให้กับดีไซน์โดยรวมของตัวรถ ล้ออัลลอยมี 2 สีให้เลือกคือ สีเข้มเคลือบประกายสะท้อนที่ให้ความรู้สึกถึงรสนิยมหรูหราลุ่มลึก และขนาด 16 นิ้วมาพร้อมสีเงินมาตรฐานและดีไซน์เดิม
สีภายนอกมีทั้งหมด 7 สี. รวมถึง 3 สีใหม่ คือ สีเทาเมเทออร์เกรย์ สีดำเจ็ทแบลค และสีน้ำเงิน เอเทอร์นัล บลู สีอื่นๆ คือ สีแดงโซลเรด ไททาเนียมแฟลช สีขาวมุกสโนว์เฟลก และเทาอลูมินัม เมทัลลิก
การตกแต่งภายในประณีต สะท้อนคุณภาพสูงกว่าและใช้งานง่ายกว่าเดิม นับตั้งแต่เปิดตัว รูปลักษณ์ภายในของมาสด้า3ก็ได้รับคำยกย่องเป็นอย่างมากในแง่การใส่ใจกับพื้นที่ใช้สอยของผู้ขับ และดึงดูดให้รู้สึกอยากจะขับรถคันนี้ทันทีที่ได้เปิดประตูเข้าไปสัมผัสภายในรถ นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกเปิดโล่งและสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร จุดสำคัญของรุ่นใหม่นี้ก็คือการสร้างความเคลื่อนไหวภายในห้องโดยสาร ให้รู้สึกถึงความเร็วที่แผ่ซ่านออกจากแผงควบคุม แต่ละองค์ประกอบได้รับการขัดเกลาให้ได้คุณภาพที่เหนือกว่า เราไม่ได้เพียงแค่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ แต่เราให้ความรู้สึกที่สปอร์ต ที่เปี่ยมด้วยความสุขุมลุ่มลึกของพื้นที่ใช้สอยภายใน
แผงควบคุมที่แผ่ไปถึงที่นั่งผู้โดยสารมีรูปทรงที่เก๋ไก๋มากขึ้น มีมิติมากขึ้น และกรอบแผงประตูด้านในก็มีดีไซน์ที่เฉียบคมยิ่งกว่าเดิม ความกว้างและความเร็วนั้นถูกขับเน้นด้วยการสร้างความรู้สึกว่ามีการแผ่ออกไปทางด้านซ้ายและขวาจากจุดศูนย์กลางของแผงควบคุมและเชื่อมโยงไปถึงแผงประตูทั้งสองด้าน นอกจากนี้ แผงประตูและที่จับประตูด้านในเป็นสีเทามีประกายทำให้เกิดการตัดกันระหว่างแผงเครื่องปรับอากาศตกแต่งกรอบสีซาตินโครม ด้ามจับประตูด้านในที่เป็นสีเมทัลลิกช่วยให้ความรู้สึกเปี่ยมด้วยคุณภาพมากกว่าเดิม
ความเป็นหนึ่งเดียวที่สัมผัสได้ระหว่างหน้าจอ Center Display และแผงควบคุมเกิดจากพื้นที่ที่กว้างขวางและลาดต่ำ การเดินตะเข็บสองเส้นในบริเวณที่ใช้บุวัสดุอ่อนนุ่ม เช่น แผงประตู เพื่อเน้นความอ่อนนุ่มและคุณภาพแบบสามมิติของวัสดุเพื่อเพิ่มคุณภาพของห้องโดยสารภายในโดยรวม มาสด้า3 ใหม่มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้าและกล่องเก็บสัมภาระดีไซน์ใหม่ที่ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับด้ามเบรคมืออีกต่อไป ปุ่ม Center Commander และสวิตช์ควบคุมที่เกี่ยวข้องถูกจัดวางไว้กึ่งกลาง กล่องเก็บสัมภาระหุ้มด้วยวัสดุอ่อนนุ่มพร้อมเดินตะเข็บคู่ รูปทรงสะอาด ประณีตช่วยขับเน้นความรู้สึกถึงความเร็วภายในห้องโดยสาร
มาสด้า3 ใหม่มาพร้อมพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ตามแบบมาสด้าซีเอ็กซ์-9 แกนกลางที่เล็กลงแต่ยังคงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเดิมทำให้รูปทรงดูเฉียบคมขึ้น กรอบสีซาตินโครมที่บางขึ้นบนก้านพวงมาลัยที่กดต่ำลงช่วยเน้นโครงสร้างของพวงมาลัย ความแข็งแกร่ง ผิวสัมผัสชั้นดีและความประณีตบรรจงของงานฝีมือได้ถูกควบรวมไว้ในการออกแบบครั้งนี้
การใช้หนังแท้หุ้มพวงมาลัยช่วยให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลแต่กระชับเหมาะมือสวิตช์พวงมาลัย 3 ระดับในรุ่นก่อนได้ถูกรวมให้อยู่ในแถวเดียวกันเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระและธรรมชาติของมือในการใช้งานมากขึ้น และทำให้ดีไซน์โดยรวมดูสะอาดตามากขึ้น เมื่อผนวกรวมกับกรอบสีซาตินโครมรอบแผงสวิตช์ก็ทำให้ดีไซน์ดูมีสไตล์มากกว่าเดิม
พวงมาลัยใหม่มีการปรับปรุงดีไซน์และการใช้งาน ให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อบังคับรถ เราได้ทำการศึกษาค้นคว้าด้านสรีระมาอย่างมากเพื่อศึกษาการจับพวงมาลัยของผู้ขับ และหารูปทรงของพวงมาลัยที่กระชับเหมาะมือที่สุด เราทำการวิเคราะห์และทดสอบมาอย่างมากเพื่อศึกษาว่าการจับพวงมาลัยนั้นมีผลต่อการขับรถอย่างไรบ้าง จนได้มาซึ่งรูปทรงและความสบายที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ที่จับด้านซ้ายและขวาของก้านพวงมาลัยนั้นบางลงทำให้บังคับพวงมาลัยได้เหมาะมือมากขึ้นและสามารถสอดนิ้วกลางและนิ้วก้อยมาด้านหน้าพวงมาลัยได้ถนัดมือ รูปทรงของสันพวงมาลัยได้รับการปรับแต่งเพื่อให้จับกระชับมือมากขึ้น โดยเฉพาะตรงจุดรับนิ้วโป้งที่จัดวางให้นิ้วโป้งอยู่ด้านบนพอดีเมื่อจับพวงมาลัย จุดตัดด้านหลังที่รองรับนิ้วอื่นๆก็ให้สัมผัสกระชับมือในแบบเดียวกัน ช่วยให้ฝ่ามือสัมผัสกับพวงมาลัยได้อย่างนุ่มนวลเมื่อหมุนพวงมาลัย
ภายในมีทั้งแบบผ้าสีดำชนิดใหม่ และเบาะหนังสีดำให้เลือก โดยเบาะหนังสีดำมาพร้อมเฉดสีแดงเข้มออกแบบใหม่ ช่วยเพิ่มความลุ่มลึกและแสดงออกถึงความสปอร์ตที่เปี่ยมคุณภาพ
เบรกมือไฟฟ้าที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายด้วยสวิตซ์ควบคุมบนคอนโซลกลาง ดึงสวิตซ์เข้าเพื่อเปิดใช้งานเบรกมือ และกดสวิตซ์หรือเหยียบคันเร่งเพื่อปลดเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทรถ
หน้าจอสกรีนใส Active Driving Display และมาตรวัดที่ชัดเจนอ่านง่ายกว่าเดิม การปรับโฉมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมในการขับขี่ที่ดี ด้วยการออกแบบหน้าจอ Active Driving Display และมาตรวัดต่างๆ แสดงผลให้ชัดเจนอ่านง่ายยิ่งขึ้น
หน้าจอ Active Driving Display ถูกอัพเกรดใหม่เป็นหน้าจอสีที่เพิ่มความสว่าง ความคมชัดมากกว่าเดิม สัญญาณเตือนต่างๆจะเป็นสีแดงและเหลืองอำพัน แสดงข้อมูลได้ราบรื่นขึ้นและมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม สามารถอ่านข้อมูลได้แม้เพียงปรายตามองในทุกเวลาและสภาพอากาศ
รูปทรงมาตรวัดและหน้าจอแสดงผลต่างๆอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หน้าจอ LCD ทั้งด้านซ้ายและขวาใช้ VA แบบใหม่ที่ให้ความคมชัดมากกว่าและมุมมองที่กว้างกว่า การปรับแต่งเพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยรวมถึงดีไซน์ใหม่ของตัวอักษรที่มีรูปร่างแบนแต่ขนาดใหญ่ขึ้นบนมาตรวัดแบบอนาล็อก เมื่ออยู่รวมกับตัวอักษรของหน้าจอแสดงผลแล้วก็ช่วยให้อ่านง่ายขึ้น
ความยาวของที่เก็บสัมภาระข้างประตูหน้าเพิ่มจากรุ่นก่อนที่มีขนาด 145 มม. มาเป็น 400 มม. ทำให้สามารถบรรจุของชิ้นใหญ่ขึ้นได้ เช่น ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร ที่ขูดน้ำแข็งหรือแผ่นซีดี เพิ่มฝาปิดที่วางแก้วน้ำคอนโซลกลางช่วยป้องกันเครื่องดื่มไม่ให้หกเลอะ หรือเกิดเสียงดังอันเนื่องจากการสั่นสะเทือน
ในด้านของการขับขี่ มาสด้านั้นมุ่งมั่นพัฒนาความรู้สึกแบบ จินบะ-อิตไต อยู่เสมอ รถยนต์ทุกรุ่นที่มาสด้าพัฒนาขึ้นล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง มนุษย์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนารถของมาสด้า ซึ่งมาสด้าก็มุ่งหวังที่จะสร้างพลังให้แก่ร่างกายและจิตใจของผู้คนด้วยการขับรถ การใช้วิธีการนี้เสมอมาช่วยให้มาสด้าไม่ย่อท้อที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลูกค้ามีความปลอดภัยสูงสุดและขับรถได้อย่างสบายไร้กังวลที่สุด ในขณะเดียวกันคุณภาพของรถมาสด้าก็ได้ปรับปรุงพัฒนาขึ้นอย่างมากทั้งด้านสมรรถนะและรูปลักษณ์
มาสด้า3 รุ่นใหม่นี้ ทีมพัฒนาได้ตั้งเป้าหมายไว้โดยการใช้ปรัชญามนุษย์คือศูนย์กลางเป็นพื้นฐานอันเป็นสิ่งที่มาสด้ายึดถือมาตลอดตั้งแต่การพัฒนามาสด้า3 เจนเนอเรชั่นแรก เป้าหมายคือการพัฒนาให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่คล่องตัวและให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินในการขับขี่ยิ่งไปกว่าเดิม ความพยายามทั้งหลายในการปรับปรุงส่วนต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวจึงเกิดขึ้น ทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีจี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล หรือ GVC อันเป็นเทคโนโลยีแรกในกลุ่มสกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์ อันช่วยปรับปรุงสมรรถนะด้านการควบคุมรถและความเงียบในห้องโดยสาร
เทคโนโลยีใหม่อื่นๆที่เริ่มนำมาใช้ในเครื่องยนต์เบนซินของมาสด้าก็ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นเพื่อปรับปรุงอัตราเร่งให้ตอบสนองได้ดีขึ้น และปรับปรุงสมรรถนะการขับขี่โดยรวม ส่วนเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟก็มีการเพิ่มสวิตช์ Drive Selection เข้ามาด้วย
สกายแอคทีฟ วีฮิเคิล ไดนามิกส์ (Skyactiv Vihicle Dynamic) คือเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในการควบคุมการขับเคลื่อนของรถ ออกแบบมาเพื่อยกระดับความรู้สึกแบบ จินบะ-อิตไต ไปอีกขั้น
สกายแอคทีฟ เวฮิเคิล ไดนามิกส์ เป็นซีรีส์ล่าสุดจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ว่าด้วยการควบคุมพลศาสตร์ของรถ ให้การควบคุมแบบองค์รวมระหว่างเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่างและตัวถังเพื่อยกระดับประสบการณ์แบบ จินบะ-อิตไต ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ อันเป็นจุดเด่นของมาสด้าเสมอมา
จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล (GVC) – เทคโนโลยีใหม่เพื่อการสั่งการรถโดยใช้เครื่องยนต์เสริมสมรรถนะช่วงล่าง
จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล (GVC) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในมาสด้า3 ใหม่ นับเป็นเทคโนโลยีแรกภายใต้ซีรีส์ใหม่ สกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์ มาสด้าพยายามเสาะแสวงหาการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นที่สุดเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นในจังหวะเบรก เลี้ยว หรือเร่งความเร็ว เนื่องจากนี่คือองค์ประกอบสำคัญของ จินบะ-อิตไต GVC นั้นมีพื้นฐานอยู่บนความคิดแหวกแนวที่ว่าให้เครื่องยนต์นั้นช่วยเสริมประสิทธิภาพของช่วงล่าง และสอดคล้องกับปรัชญาในการพัฒนาว่าด้วยมนุษย์เป็นศูนย์กลางของมาสด้า ผลลัพธ์ที่ได้คือการเปลี่ยนผ่านของแรงจีที่ราบรื่นยิ่งกว่าเดิมในทุกสถานการณ์การขับขี่
จนถึงทุกวันนี้ แรงจีแนวนอนและแนวดิ่งนั้นถูกควบคุมแยกกัน และ GVC ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรตามการสั่งการจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียวและเสริมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้นให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพสูงสุด GVC ช่วยควบคุมแรงบิด ทำให้เกิดการผ่อนแรงจีทันทีเมือเริ่มหมุนพวงมาลัย ทำให้การรับน้ำหนักถูกถ่ายไปที่ล้อหน้าจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนให้ดีขึ้น และการตอบสนองของรถดีขึ้น เมื่อผู้ขับบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในองศาที่คงที่แล้ว GVC ก็จะช่วยเรียกคืนแรงบิดของเครื่องยนต์กลับมาและถ่ายน้ำหนักไปที่ล้อหลังเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับตัวรถ การถ่ายน้ำหนักนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนให้แก่ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง รถจะขับเคลื่อนไปดังความตั้งใจของผู้ขับและมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น GVCนั้นให้ผลที่เป็นธรรมชาติและสร้างความสบายให้ทั้งแก่ผู้ขับและผู้โดยสาร เนื่องจากระบบนี้พัฒนาโดยมีปรัชญามนุษย์คือศูนย์กลางเป็นพื้นฐานช่วยให้ระบบนั้นกำเนิดปฏิกิริยาและการควบคุมที่สอดคล้องกับประสาทสัมผัสมนุษย์ ช่วงเวลาที่ระรบตอบสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยของผู้ขับนั้นเร็วมากจนไม่สามารถจับสังเกตได้ และเพิ่มแรงเฉื่อยไม่เกิน 0.1 GVC นั้นให้การควบคุมที่เหนือกว่ามนุษย์จะทำได้ ด้วยการควบคุมที่เป็นธรรมชาติกว่าและแม่นยำกว่าในการตอบสนอง
ข้อกำหนดเดียวที่มีใน GVC คือ ต้องมาจากเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเท่านั้น เพื่อให้การควบคุมแรงบิดเป็นไปอย่างแม่นยำ และระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟที่ช่วยควบคุมพฤติกรรมรถให้ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบได้มากที่สุด เพราะ GVC นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ไหลลื่นจึงสามารถปรับใช้ได้กับรถยนต์สกายแอคทีฟทุกรุ่นไม่ว่าจะใช้ระบบส่งกำลังแบบใดและเป็นรถเซกเมนต์ไหน นอกจากนี้ เนื่องจาก GVC คือระบบซอฟต์แวร์จึงไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่รถ GVC นั้นเอื้อประโยชน์ในการขับขี่ให้แก่ทุกคนในหลากหลายสถานการณ์ไม่ว่าผู้ขับจะมีทักษะในการขับรถระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นการขับในชีวิตประจำวันด้วยความเร็วต่ำในเมือง การขับทางตรงความเร็วสูงบนทางหลวง ทางโค้ง หรือการควบคุมรถขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน GVC ก็ช่วยให้ประโยชน์แก่ผู้ขับเสมอ เพราะมีการถ่ายน้ำหนักลงสู่ล้อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และช่วยผู้ขับให้สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการได้ ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องคอยแก้อาการพวงมาลัยบ่อยๆซึ่งมักจะทำไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ผู้ขับจึงขับรถได้อย่างง่ายดายและควบคุมรถให้อยู่ในเลนที่ต้องการได้ง่ายขึ้น รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถและมั่นใจในการขับรถมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับในระยะทางไกลๆ การเปลี่ยนของแรงจีที่นุ่มนวลนี้ช่วยให้ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารโคลงตัวไปมาน้อยลงทำให้ทุกคนในรถรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง การควบคุมรถและเสถียรภาพของรถบนพื้นผิวถนนลื่น เช่น เมื่อฝนตก หิมะตก จะยิ่งมีประสิทธิภาพขึ้น ผู้ขับจะรู้สึกว่ายางรถนั้นเกาะถนนอย่างมั่นคงและทุกคนในรถรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม
การทำงานอย่างหนักของทีมวิศวกร ได้ปรับจูนหลายองค์ประกอบเพื่อให้ความแม่นยำที่มากกว่าเดิม ความสบายที่มากขึ้นแม้ในการขับทางไกล การปรับจูนรถเริ่มจากการเปลี่ยนคุณลักษณะของพวงมาลัยไฟฟ้า (EPAS) ทำให้ผู้ขับตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของรถได้ทันทีที่หมุนพวงมาลัย จึงให้การควบคุมที่แม่นยำและนุ่มนวลกว่า เป็นธรรมชาติยิ่งกว่า รถจะตอบสนองได้ตามการบังคับพวงมาลัยไปตามเจตนาผู้ขับ ทำให้ได้สมรรถนะที่ดีกว่าและรื่นรมย์กว่าในการขับ
แดมเปอร์หน้าใช้น้ำมันที่ให้แรงเสียดทานสูงเพื่อปรับปรุงคุณภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นแม้ในความเร็วต่ำซึ่งโดยปกติแล้วการจะใช้วาล์วเพียงอย่างเดียวในการสร้างแรงหน่วงที่เหมาะสมนั้นเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ โครงสร้างวาล์วในแดมเปอร์ได้รับการปรับใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือนในทุกระดับความเร็ว ด้วยการเพิ่มแรงหน่วงที่ความเร็วต่ำเมื่อแรง input จากพวงมาลัยมีน้อย และลดแรงหน่วงที่ความเร็วสูงอันมีแรง input จากพวงมาลัยมาก ลูกสูบของตัวหน่วงใช้โครงสร้างใหม่ที่ช่วยให้ควบคุมได้ดีขึ้นเมื่อแรกหมุนพวงมาลัย ถูกเซ็ตให้เหล็กกันโคลงด้านหน้านั้นนุ่มนวลเพื่อให้คลายตัวเมื่อแรกเข้าโค้งก่อนที่เหล็กกันโคลงจะเริ่มส่งผล ทำให้ช่วงล่างหน้าเคลื่อนที่ไปอย่างนุ่มนวล เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นเวลาเข้าโค้ง เหล็กกันโคลงจะช่วยลดการโคลงตัวและรถก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เราปรับแรงเสียดทานช่วงล่างหลังให้ดีขึ้นเพื่อให้เกิดแรงหน่วงที่เพียงพอแม้ในจังหวะที่ต่ำ แต่ยังคงให้ความมั่นคงแม้ในความเร็วสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือลดการกระตุกแต่ได้ความสบายในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้น มีการเพิ่ม tunnel member และใช้การเชื่อมผนึกที่ด้านล่างเพื่อเสริมแรง โฟมเป่าขึ้นรูปถูกใส่ไว้ในเหล็กตัดขวางหมายเลข 4 เสริมความแข็งแรงของกันชนหลังและจุดเชื่อมต่อด้านบน เพื่อให้ตัวถังสามารถดูดซับการสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้ดีขึ้นและส่งผ่านแรงจากช่วงล่างสู่ผู้ขับได้อย่างแม่นยำ ทำให้สมรรถนะการควบคุมรถและความสบายในการโดยสารเพิ่มมากขึ้น
การใช้แดมเปอร์แบบไดนามิกที่ trailing arm ของช่วงล่างหลังและจุดตัดขวางของช่วงล่างเพื่อให้การขับขี่เงียบกว่าเดิม สิ่งที่เพิ่มมานี้ช่วยให้การสั่นสะเทือนของชิ้นส่วนต่างๆขณะขับขี่ลดลงและลดเสียงรบกวนจากถนนโดยเฉพาะเมื่อขับบนพื้นถนนขรุขระได้อย่างมาก นอกจากนี้ มาตรวัดต่างๆได้รับการปรับใช้ในทุกส่วนของตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นเพดาน พื้น และประตู เพื่อดูดซับเสียงลมเมื่อขับที่ความเร็วสูง
ในส่วนของขุมพลัง มาสด้านั้นไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน และเพื่อพัฒนาคุณภาพของการขับขี่ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์สกายแอคทีฟนั้น เราได้กำหนดตัวชี้วัดหลายอย่างเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของอัตราเร่ง และมีการเพิ่มฟังก์ชั่น Drive Selection เข้ามาด้วย โดยมาสด้ากำหนดปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยควบคุมการตอบสนองของรถยนต์ที่ดีและปรับคุณลักษณะการเพิ่มของแรงบิดเมื่อเหยียบแป้นคันเร่งให้การตอบสนองนั้นดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟที่ให้การตอบสนองเป็นเลิศและสมรรถนะที่ปรับแต่งมาแล้วของเกียร์สกายแอคทีฟนั้นช่วยให้เกิดการขับขี่ที่นุ่มนวลและคล่องตัว
ปุ่ม Drive Selection นั้นมาคู่กับรถยนต์ที่ใช้เกียร์สกายแอคทีฟ ช่วยให้ผู้ขับเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตได้อย่างง่ายดายเพียงกดสวิตช์ที่ข้างเกียร์ การเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตทำให้เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่แตกต่างไป ทั้งจังหวะและความเร็ว เพื่อให้เกิดอัตราเร่งที่ราบรื่นแต่หนักแน่นแม้แต่การแตะคันเร่งเบาๆ การที่รถยนต์ตอบสนองได้ดีขึ้นนี้ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง i-ACTIVSENSE ของมาสด้า มีพื้นฐานมาจากปรัชญาความปลอดภัยเชิงป้องกัน ผสมผสานกับโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟที่น้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่ง และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอื่นๆ ทำให้มาสด้า3 ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
ในการปรับโฉมครั้งนี้ พยายามที่จะเสริมประสิทธิภาพของระบบที่ช่วยเสริมการรับรู้ของผู้ขับ อันเป็นคุณลักษณะสำคัญของ i-ACTIVSENSE มาโดยตลอด ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ หรือ SCBS นั้นมาพร้อมกล้องใหม่ที่สามารถตรวจจับคนเดินเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับด้านหลังเพื่อให้มีระยะทำงานได้กว้างไกลกว่าเดิมและครอบคลุมทุกสถานการณ์การขับขี่ได้มากกว่า นอกจากนี้ เทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆที่มีก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เช่น เพิ่มระบบไฟหน้าอัจฉริยะ (ALH) และขยายระยะความเร็วที่ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ หรือ SBS ทำงานได้
*1 i-ACTIVSENSE เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยีความปลอดภัยของมาสด้า ที่มีทั้งการใช้เรดาร์ กล้องเพื่อให้ผู้ขับได้รับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการชน และลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
*2 Mazda Proactive Safety:
ปรัชญาความปลอดภัยของมาสด้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆของการเกิดอุบัติเหตุและทำให้สภาพแวดล้อมต่างๆของผู้ขับปลอดภัยมากที่สุด มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยให้ผู้ขับขับรถได้อย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งด้านสติ การตัดสินใจ และการควบคุมรถ จึงช่วยป้องกันและลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น Mazda Proactive Safety นี้ก็จะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆในอนาคต
นอจากนี้ ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน: i-ACTIVSENSE ต่างๆ ดังนี้
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS)
ระบบจะตรวจจับรถหรือสิ่งกีดขวางด้านหน้าหรือด้านหลังของรถ เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยเมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำในเมืองหรือในที่ๆการจราจรหนาแน่น ในการปรับโฉมครั้งนี้ ระบบได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมสถานการณ์การขับที่มากกว่าเดิม
ระบบนี้มีอุปกรณ์ตรวจจับด้านหน้าที่ได้รับการปรับปรุงจากระบบเก่า เราเปลี่ยนจากเซนเซอร์อินฟราเรดระยะใกล้เป็นกล้องตรวจจับด้านหน้า ทำให้สามารถตรวจจับคนเดินเท้าได้ง่ายขึ้น ระบบนี้ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีคนอยู่ที่แยกกะทันหันหรือเดินผ่านด้านท้ายรถที่กำลังถอยจอดเข้าซอง โดยที่รถมีความเร็วอยู่ประมาณ 10 กม./ชม. ถึง 30 กม./ชม.
เพิ่มระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหลังที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกฝังที่กันชนหลังเพื่อลดความเสี่ยงจากการชนด้านท้ายเมื่อถอยรถ
หมายเหตุ: ความสามารถของระบบในการป้องกันการชนเมื่อเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังจะถูกจำกัดด้วยสภาพถนนและปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ
ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ (ALH)
ALH เป็นระบบไฟหน้าแบบใหม่ที่ใช้ไฟ LED แบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนสามารถแยกเปิดปิดได้ ช่วยให้ขับในเวลากลางคืนได้ปลอดภัยขึ้น ประกอบด้วยไฟสูงที่ไม่แยงตาและไฟต่ำที่ให้รัศมีการมองกว้างไกลกว่า โหมดทางหลวงจะปรับเป็นไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อขับรถด้วยความเร็วต่ำ
เมื่อกล้องด้านหน้าตรวจจับไฟหน้าของรถที่กำลังแล่นสวนมาหรือไฟท้ายของรถคันหน้าได้ ไฟสูงจะดับและไฟต่ำในช่องที่เหมาะสมจะทำงานอัตโนมัติ ระดับความสว่างของไฟก็จะถูกปรับให้เหมาะสม ช่วยให้แสงไฟไม่ไปรบกวนสายตาผู้ขับอื่นๆบนท้องถนน แต่ยังคงทัศนวิสัยเป็นเลิศของไฟสูงอยู่ ไฟต่ำที่มีรัศมีกว้างใช้ระบบไฟอันเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ขยายมุมมองไปถึงเสาเอและกระจกมองข้างที่ไฟหน้าทั่วไปไม่สามารถทำได้ ระบบช่วยปรับปรุงทัศนวิสัยเมื่อขับบนทางแยกและเมื่อขับในเวลากลางคืน ด้วยระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติที่จะปรับลำแสงขึ้นเอง โหมดทางหลวงจะช่วยให้มองเห็นถนนได้ไกลกว่าในยามกลางคืน
มาสด้า3ใหม่ใช้ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ LED ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ช่วยเพิ่มระดับความเรืองแสงได้อีกถึง 6 เมตรเมื่อเปิดไฟสูง ทำให้ทัศนวิสัยดียิ่งขึ้น ไฟโปรเจคเตอร์แบบใหม่สามารถปรับเป็นทั้งไฟสูงและไฟต่ำได้ในดวงเดียว ผนวกกับการกระจายแสงผ่านเลนส์ที่ใช้ ทำให้ดีไซน์ของไฟหน้าใหม่นี้มีขนาดกะทัดรัดและไฟแต่ละข้างมีน้ำหนักเบาลงกว่า 200 กรัม
Smart Brake Support (SBS)
ระบบ SBS ตรวจจับรถและสิ่งกีดขวางบนท้องถนนด้านหน้าเมื่อขับรถและช่วยหลีกเลี่ยงการชนปะทะ ช่วยลดความเสียหายด้วยการส่งเสียงเตือนและหยุดรถอัตโนมัติใน 2 รูปแบบ การปรับโฉมครั้งนี้ขยายระดับความเร็วที่ระบบทำงานจากเดิม 15-160 กม./ชม. มาเป็น 15-160 กม./ชม. ด้วยการควบรวมเรดาร์คลื่นสั้นแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกับกล้องตรวจจับด้านหน้าแบบใหม่
หมายเหตุ: ความสามารถของระบบในการป้องกันการชนจะถูกจำกัดด้วยสภาพถนนและปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)*1
ระบบนี้ใช้เซนเซอร์เรดาร์คลื่นกึ่งสั้น ในการตรวจสอบรถที่เข้าใกล้จากพื้นที่จุดบอดที่ด้านข้างและด้านหลังเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ในการตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงช่องทาง ระบบนี้จะทำงานที่ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือมากกว่า (ความเร็วขึ้นกับข้อกำหนดของแต่ละตลาดที่จำหน่าย) ถ้าคนขับเปิดสวิตช์ไฟเลี้ยวในขณะที่ ABSM ตรวจจับรถที่เคลื่อนที่มาด้านหลัง ระบบจะส่งภาพกระพริบในกระจกมองข้างที่ประตูด้านๆนั้นและส่งเสียงเตือนด้วย
ระบบ ABSM ใช้เซนเซอร์ประเภทเดียวกับระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ซึ่งแจ้งเตือนให้คนขับเมื่อตรวจพบรถใกล้เข้ามาจากด้านใดด้านหนึ่งของด้านหลังรถ ช่วยให้คนขับมั่นใจว่ามันมีความปลอดภัยที่ถอยออกมาจากโรงรถหรือที่จอดรถ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LAS)
เมื่อขับรถอยู่ที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ขึ้นไป กล้องตรวจจับด้านหน้าจะจับเครื่องหมายแบ่งเลนบนพื้นผิวถนนและช่วยผู้ขับในการควบคุมรถด้วยการส่งแรงบิดและแรงสั่นสะเทือนไปที่พวงมาลัยหรือส่งเสียงเตือน ระบบ LAS สามารถตั้งค่าเวลาได้ 2 แบบ เมื่อเลือกเมนู “ก่อนหน้า” ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัยอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเลือกเมนู “หลัง” ฟังก์ชั่นช่วยควบคุมพวงมาลัยจะทำงานเมื่อระบบตรวจจับว่ารถกำลังจะเบี่ยงออกนอกเลนเท่านั้น ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้ไม่ทำงานเมื่อประเมินแล้วว่าผู้ขับตั้งใจกระทำ
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA)
ระบบ DAA รับเอาข้อมูล เช่น ความเร็วและองศาของพวงมาลัย มาประมวลคู่กับข้อมูลที่ได้จากกล้องตรวจจับด้านหน้ามาตรวจสอบสภาพผู้ขับเมื่อขับด้วยความเร็วสูง และจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับพัก ระบบจะทำงานเมื่อความเร็วรถอยู่ที่ 65 กม./ชม. ขึ้นไป และเก็บข้อมูลว่าผู้ขับมีลักษณะการขับอย่างไรเมื่อไม่อยู่ในสภาพเหนื่อยล้า ต่อจากนั้นระบบจะเก็บข้อมูลความแตกต่างระหว่างข้อมูลที่บันทึกไว้และพฤติกรรมในขณะนั้นๆของผู้ขับ หากระบบตรวจได้ว่าผู้ขับอาการเปลี่ยนไป ก็จะมีสัญญาณเตือนขึ้นให้พักหยุดรถ โดยระบบออกแบบมาให้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากความเหนื่อยล้าหรือมีความระแวดระวังในการขับลดลง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC)
เมื่อขับรถที่ความเร็วระหว่าง 30 – 145 กม./ชม. เรดาร์ของระบบจะจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อปรับความเร็วและระยะห่างที่เหมาะสมจากรถคันหน้า ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องคอยเหยียบคันเร่งและเบรกเอง จึงลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับรถเป็นระยะทางไกลได้ เรดาร์เซนเซอร์ของระบบนี้สามารถตรวจจับรถคันหน้าได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist) ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System) ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล จากองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งสิ้น สัมผัสได้ถึงการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ร่วมจราจรบนท้องถนน ที่มาสด้าพยายามคิดค้น และเติมเต็มความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากที่สุดด้วยเทคโนโลยีจากมาสด้า
เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่เหนือชั้นด้วย MZD CONNECT ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ ให้ผู้ขับขี่ไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์แม้ขณะอยู่ในรถ ระบบความบันเทิงในรถ และการเชื่อมต่อกับโลกโซเชียล ค้นหาข้อมูลได้แม้ในขณะเดินทาง พร้อมทะยานสู่ความสำเร็จได้ทุกเวลา ระบบนำทางผ่านจอ Touch Screen ขนาด 7” เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นได้อย่างสะดวกสบาย
นี่คือรถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำอนาคต ที่กำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทย
เรื่อง/ภาพ: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th