รถเด็ดน่าโดน !! ในงาน มอเตอร์โชว์ ครังที่ 39
มาเดินงานมอเตอร์โชว์ แน่นอนมีรถยนต์สวยๆคลูๆให้ได้ดูกันมากมายหลากหลายยี่ห้อ ว่าแต่ในงานนี้มันมีรถอะไรเด็ดหน้าจับจองเป็นเจ้าของบ้างนะ วันนี้เราจะพาเดินชมรถเด็ดน่าโดน พร้อมราคาคูลๆมาฝากกัน จะมีคันไหนโดนใจบ้างไปดูพร้อมกันเลย
TOYOTA C-HR ราคา 979,000 – 1,159,000 บาท
น้องใหม่มาแรงด้วยรูปทรงภายนอกที่โดนใจวัยรุ่น นำไปแต่งนิดหน่อยสวยโดนใจอยากบอกใคร ด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร สะท้อนถึงรูปแบบพื้นผิวของอัญมณีที่มีความประณีตในการเจียระไน พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ New Generation of Hybrid ระบบไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง แต่เก็บประจุไฟฟ้าและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กม./ลิตร โครงสร้าง TNGA (Toyota Global New Architecture) ถูกพัฒนาขึ้นโดยการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ให้แข็งแกร่งและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ลดการโคลงตัวของตัวถัง โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพการเกาะถนน คล่องตัว รวมถึงการออกแบบห้องโดยสารเพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้กว้างขึ้นลดจุดอับสายตา ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension)
สำหรับรุ่น 1.8 Entry ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินตัวล่างสุด ภายในจะเป็นสีดำ เบรกมือไฟฟ้า กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า ระบบครูสคอนโทรล ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟเตือนแรงดันลมยาง กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์รอบคัน 8 ตำแหน่ง และระบบ ABS EBD BA VSC TRC HAC ส่วนในรุ่น 1.8 MID จะเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานจากรุ่นล่างสุด คือ ภายในสีน้ำตาล เบาะหนัง ระบบ Push start Smart Entry ดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ ไฟตัดหมอกหน้า ขณะที่ 1.8HV Mid ซึ่งขับเคลื่อนเครื่องยนต์ไฮบริดนั้น จะเพิ่มทางเลือกคือ มีหลังคาสีดำ และอุปกรณ์เพิ่มเติมขึ้นมาอีกได้แก่ ระบบ Telematics ระบบ EV mode ระบบปรับระดับไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวหน้าแบบ LED Sequential ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED
New Suzuki Swift 499,000 – 629,000 บาท
ซูซูกิ สวิฟท์ รุ่นใหม่ นับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ที่ดำเนินการอยู่ในอีโคคาร์ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “INNOVATION-Fun & Sporty” มิติของตัวรถซึ่งความสูงอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ทำให้มีความสปอร์ตและดูปราดเปรียวมากขึ้น
เครื่องยนต์ใหม่รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร เทคโนโลยีใหม่คือหัวฉีดคู่หรือ DUALJET ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า (61 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที จึงประหยัดน้ำมันกว่าเดิมมากกว่า 23 กม. ต่อลิตร
ด้านความปลอดภัยมีการนำแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT มาใช้เพื่อช่วยให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและช่วยประหยัดน้ำมัน รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT ช่วยให้น้ำหนักรวมของตัวรถลดลงจากรุ่นก่อนถึง 65 กิโลกรัม พร้อมระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS ถึง 6 ตำแหน่ง
ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Ablaze Red Pearl, Star Silver Metallic, Mineral Gray Metallic, Super Black Pearl และ 2 สีใหม่ คือ Speedy Blue Metallic และ Pure White Pearl โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ GA CVT, GL CVT, GLX CVT และ GLX-Navi CVT
Honda Civic Hatchback RED 959,000 – 1,199,000 บาท
ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เติมสีสันให้กับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ด้วย ฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็ก สีแดงแรลลี่ ซึ่งมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที ประกอบด้วย 1.5 Turbo RS และ 1.8 EL โดยยังคงวางจำหน่ายเท่าเดิมทั้ง 2 รุ่น อยู่ที่ 1,199,000 บาท ในรุ่น 1.5 Turbo RS และ 959,000 บาท ในรุ่น 1.8 EL
ภายใต้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมการออกแบบท่อไอดีแบบตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
ห้องโดยสารให้ความสะดวกสบาย และกว้างขวาง ตอบรับทุกความต้องการที่หลากหลายด้วยพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายที่จุได้ถึง 414 ลิตร โดยพนักพิงของเบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 ซึ่งหากปรับพับเบาะที่นั่งด้านหลังลงทั้งหมด จะช่วยเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังติดตั้งม่านปิดสัมภาระที่สามารถเลือกปิดเก็บได้ทั้งซ้ายหรือขวา เพื่อป้องกันการมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย
FORD RAPTOR 1,699,000 บาท
หลังจากเผยโฉมอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้เวลาที่เหมาะสมที่จะมาโชว์ตัวให้ทุกคนได้สัมผัสกันในคราวนี้ ตัวรถถูกพัฒนาโดย FORD PERFORMANCE เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก F-150 Raptor ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา มิติตัวถัง ความยาว 5,398 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร ความสูง 1,873 มิลลิเมตร เพิ่มความกว้างล้อหน้าและหลังขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 283 มิลลิเมตร รองรับมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา กระจังหน้าสีดำพร้อมโลโก้ฟอร์ดขนาดใหญ่ ชุดกันชนหน้าซึ่งติดกับเฟรมถูกออกแบบให้มีความทนทาน รองรับการขับขี่ในทะเลทราย ไฟตัดหมอกแบบ LED แก้มข้างรถผลิตจากวัสดุคอมโพสิท
ห้องโดยสารออกแบบเป็นพิเศษ แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำเงินพร้อมวัสดุหนัง, หน้าจอระบบเชื่อมต่อ SYNC 3 ขนาด 8 พวงมาลัยถูกติดตั้งแป้น Paddle Shift ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบา ด้านขุมพลังถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ล่าสุดแบบ Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด จาก F-150 พร้อมประกาศราคาจำหน่ายออกมาแล้วที่ 1,699,000 บาท
MAZDA 3 MY2018 ราคา 857,000 – 1,149,000 บาท
“มาสด้า เติมความสดใหม่ให้กับ Mazda3 ซัพคอมแพ็คคาร์ระดับพรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ที่ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบ “โคโดะ ดีไซน์” อันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนความโดดเด่นสง่างามเข้ากับกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control เพิ่มความโดดเด่นด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ แต่ขยับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยังคงไว้ซึ่งความเป็นรถสปอร์ต ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน โดยมีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุด 14.0:1 ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.6 กม./ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบ็ก 5 ประตู เชื่อมต่อโลกการสื่อสารด้วย MZD CONNECT พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และปุ่มควบคุม Center Commander เสริมความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVSENSE ที่ครบครันยิ่งขึ้น ภายใต้สีใหม่ล่าสุด โซล เรด คริสตัล ที่เพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมให้กับ Mazda3 มากยิ่งขึ้น
โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยรอบคัน ทั้งระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทางที่ทำให้การมองเห็นนั้นมีความชัดเจนรอบคันในมุมมองแบบ top view พร้อมกล้องทั้งสี่จุดบริเวณด้านหน้า ด้านหลังและกระจกมองข้าง รวมถึงไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม Daytime Running Light ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ และเบาะนั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
NISSAN G-TR ราคา 13,500,000 บาท
สายซิ่งห้ามพลาด นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว จีที-อาร์ เป็นครั้งแรกในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2018 และนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งรถสปอร์ตรุ่นนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบ “การปฏิวัติทุกการเคลื่อนที่ (Revolution in Motion) ของงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นิสสัน จีที-อาร์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส VR38DETT V6 ขนาด 3.8 ลิตร 3,799 ซีซี. Twin-Turbo 24 วาล์ว พละกำลังสูงสุด 570 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 637 นิวตันเมตร ที่ 3,300–5,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
มิติตัวถัง มีความยาว 4,710 มิลลิเมตร กว้าง 1,895 มิลลิเมตร สูง 1,370 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อมีตัวเลขอยู่ที่ 2,780 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 110 มิลลิเมตร มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd 0.27 ตัวรถหนัก 1,760–1,770 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 74 ลิตร ใช้ล้อขนาด 20 นิ้ว ยางคู่หน้าขนาด 255/40 ZFR20–คู่หลัง 285/35 ZFR20 ท่อไอเสียไทเทเนียมแบบใหม่ 4 ท่อ
Porsche 911 GT3 ราคา 18,400,000 บาท
ยานยนต์สปอร์ตที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีความแรงจากสนามแข่งสู่ท้องถนน ด้วยหัวใจหลักของประสิทธิภาพการทำงานของขุมพลังเครื่องยนต์สูบนอนขนาดความจุ 4.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 500 แรงม้า สามารถพุ่งทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 318 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 7 จังหวะ PDK เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้รับการปรับแต่งให้ตอบสนองกับการใช้งานในสไตล์รถ GT โดยเฉพาะ ด้วยน้ำหนักรวมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังเพียง 1,430 กิโลกรัม ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น 911 จีที 3 ราคาเริ่มต้น 18.4 ล้านบาท
Jaguar F-Type ราคา 6,999,000 บาท
จากัวร์ เอฟ-ไทป์ 300 แรงม้า (Jaguar F-Type 300 PS) มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ Ingenium เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ ให้สมรรถนะสูงสุด 300 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เครื่องยนต์ Ingenium เบนซิน 2.0 ลิตรใหม่ เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่ยังคงให้พลังและขับขี่ได้อย่างราบรื่นทันใจตามที่นักขับต้องการ มีพื้นฐานจากบล็อกลูกสูบอลูมิเนียม ที่มีผนังบาง ปลอกสูบที่ทำจากเหล็กหล่อเพื่อให้มีน้ำหนักเบา เชื้อเพลิงเข้ามานั้นมีความแม่นยำและเหมาะสม เทอร์โบชาร์จที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสามารถเรียกทอร์คสูงได้ตั้งแต่ในช่วงรอบเครื่องต่ำ และให้ทอร์คสูงสุดในรอบเครื่องกว้าง ทำให้ระบบเครื่องยนต์เรียกพลังและตอบสนองผู้ขับขี่ได้ทันใจ ด้วยเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 300 แรงม้า เรียกพลังจากแรงบิดสูงถึง 400 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 163 กรัมต่อกิโลเมตร
เครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาลงแต่ยังคงรักษาจุดเด่นสำคัญของเครื่อง โดยยกเลิกตัวเครื่องเดิมที่ทำจากเหล็กและเปลี่ยนมาใช้เป็นอลูมิเนียมซึ่งมีน้ำหนักเบาลง 20-30 กิโลกรัม มีเบ้าสูบที่แข็งแกร่ง เพลา balancer แบบคู่ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน นอกจากเครื่องยนต์จะมีน้ำหนักเบา ประหยัดน้ำมัน และมีสมรรถนะสูงกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนแล้ว รอบของการเช็คระยะแต่ละครั้งยาวนานขึ้น เกิดจากการพัฒนาหลายๆ ด้าน เช่น ลูกสูบที่มีแรงเสียดทานน้อยช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง การใช้น้ำมันคุณภาพสูง ระบบกรองที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่างๆ เช่น ระบบเผาไหม้ที่สะอาดยิ่งขึ้น ปริมาณฝุ่นละอองจากแต่ละสูบน้อยลงทำให้น้ำมันเครื่องไม่สกปรกง่าย เทคโนโลยีใหม่ยังช่วยลดการปนเปื้อนในแต่ละลูกสูบด้วย ดังนั้นไส้กรองและน้ำมันหล่อลื่นจะสะอาดและใช้งานได้นานขึ้น
Hyundai IONIQ ราคา 1,749,000 บาท
ฮุนได ค่ายรถแดนกิมจิ อวดโฉม ไอออนิก ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายในทั้ง 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อน ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และอีวี ชูความเป็นรถยนต์ที่มีการคายมลพิษต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ ภายใต้การออกแบบที่มีความสวยงาม ทันสมัย ทั้งยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย
แต่ที่นำมาขายในไทยเป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น กระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความพลิ้วไหว และสะอาดตา ด้วยสีเทาเข้ม ไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง ที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยราคาจำหน่ายที่ 1,749,000 บาท
ภายในถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด ‘Purified High-Tech’ ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความประณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ วัสดุภายใน จึงเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ
ขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้น เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน โพลิเมอร์ ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร
FOMM ONE 599,900 บาท
ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ที่นั่ง มาพร้อมมิติของตัวถังที่มีความยาว 2,585 มิลลิเมตร กว้าง 1,295 มิลลิเมตร และสูง 1,560 มิลลิเมตร ความกว้างของฐานล้อ 1,760 มิลลิเมตร ส่วนที่ต่ำที่สุดสูงจากพื้น 140 มิลลิเมตร น้ำหนักของตัวรถอยู่ที่ 445 กิโลกรัม และขยับขึ้นเป็น 630 เมื่อรวมกับแบตเตอรี่ รองรับน้ำหนักรวมสูงสุดได้ 975 กิโลกรัม
ระบบรองรับแรงกระแทกด้านหน้าเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบน ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ มาพร้อมล้อแม็กและยางขนาด 145/65R15 ทั้ง 4 ล้อ วงเลี้ยวแคบสุดที่ 3,800 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ ที่ 170-800 รอบ/นาที ซึ่งติดตั้งไว้ที่บริเวณล้อทั้ง 4 มาพร้อมแรงบิด 560 นิวตันเมตร ที่ 0-170 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยแบตเตอรี่ทั้ง 4 ลูกมาพร้อมความจุ 2.96 กิโลวัตต์ ซึ่งใช้เวลาชาร์จต่อครั้งราว 6 ชั่วโมง โดยผู้ผลิตได้เคลมไว้ว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางทั้งสิ้น 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีอัตราการบริโภคพลังงานที่ 14.8 กิโลเมตร/กิโลวัตต์ พร้อมจำหน่ายในประเทศไทย เปิดตัวพร้อมราคา ในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ด้วยราคาเปิดตัวที่ 664,000 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง 2,000 คันแรก ราคา 599,900 บาท
นี้เป็นแค่รถยนต์ที่น่าสนใจส่วนหนึ่งเท่านั้น ภายในงานยังมีรถยนต์อีกมากมายหลากหลายรุ่นหลายสไตล์ให้คุณได้ลองสัมผัส มาพร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆอีกมากมาย ในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 นี้ ห้ามพลาดนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th