รถเด่นรถน่าใช้ในปี 2018
เข้าเดือนสุดท้ายปลายปีแล้วนะครับอีกไม่กี่วันก็จะขึ้นปีใหม่กันแล้ว ปี2018ที่ผ่านมาสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ถือว่าคึกครื่นมากเพราะดูจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายค่ายคาดการณ์ไว้ว่าเมื่อจบปี 2018 นี้จำนวนยอดขายรถยนต์รวมจะไปแตะที่ประมาณ 900,000 – 1,000,000 คันอย่างแน่นอน และในปีนี้ก็มีรถยนต์รุ่นใหม่หลายค่ายทั้งโมเดลเชนจ์ และไมเนอร์เชนจ์ ตบเท้าเข้าสู้ในตลาดอยู่หลายต่อหลายรุ่น วันนี้เราจะมาดูกันว่ารถยนต์ที่เด่นในปี 2018 จะมีอะไรน่าใช้บ้าง
รถยนต์ซีดาน
ALL NEW TOYOTA CAMRY 2018 ราคา 1,455,000 – 1,799,000 บาท
เป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด ที่สมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน เด่นชัดด้วยเส้นสายรอบคัน สื่อถึงความคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ภายในกว้างขวาง ใส่ใจในทุกรายละเอียดการตกแต่ง พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ เครื่องยนตืมีให้เลือกทั้งเบนซิน 2.0 ลิตร,2.5 ลิตร และเครื่องยนต์ 2.5 ไฮบริด
NEW NISSAN TEANA ราคา 1,399,000 – 1,674,000 บาท
เป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลางเช่นกันหลังจาก Nissan Teana ห่างหายจากการเปิดตัวรถในรุ่นเปลี่ยนโฉมนานถึง 3 ปี นิสสัน เทียน่า ใหม่ เฉียบคมด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวตั้งแต่หน้าจรดท้ายทั้งภายในและภายนอก พร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้าสุดอัจฉริยะ การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือบริเวณเสา A (A-pillars) แผงกันชนหน้า รวมถึงไฟหน้า นอกจากนี้ ยังเพิ่มความโดดเด่นที่เน้นกระจังหน้าแบบ V-Motion และไฟหน้าทรงบูมเมอแรงตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมรอบคัน ทั้งกระจังหน้า มือเปิดประตู ขอบกระจกประตู ฝากระโปรงท้าย ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว (สำหรับรุ่น 2.0XL, 2.0XL Navi และ 2.5 XV Navi) หลังคาซันรูฟ (UV Cut) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท พร้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ระบบถุงลม 6 จุดภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 โทนสี คือ โทนสีดำ และโทนสีเบจ พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวางสะดวกสบายทุกตารางนิ้ว ส่วนเครื่องยนตืจะมีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5ลิตร ให้เลือกเท่านั้นไม่มีเครื่องยนต์ไฮบริด
รถยนต์ไฟฟ้า
NISSAN LEAF ราคา 1,990,000 บาท
นิสสันลีฟ ใหม่ ถูกดีไซน์ออกมาให้ดูโฉบเฉี่ยวแต่ทรงพลัง พร้อมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้า V-Motion ไฟรูปทรงบูมเมอแรง และไอคอนที่เป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมห้องโดยสาร ที่ถูกออกแบบโดยเน้นเรื่องความสะดวกสบาย ดูกว้างขวางและผ่อนคลายด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย พร้อมเติมสีฟ้าเพื่อสื่อถึงนวัตกรรมและความหรูหราไว้ในส่วนต่างๆ ไฟหน้าทรงบูมเมอแรงที่เป็นเอกลักษณ์ ในแบบ V-Motion กระจังหน้าแบบแฟลชที่มีสีน้ำเงินเช่นดียวกับคิวของกันชนหลัง แสดงให้เห็นถึงความเป็นรถพลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าใน “ลีฟ ใหม่” ให้อัตราเร่งที่ดี ด้วยกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม./ชม.ภายใน 7.9 วินาที แบตเตอรรี่ขนาด40 กิโววัตต์ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 311 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Hyundai IONIQ ราคา 1,749,000 บาท
รูปทรงรูปลักษณ์แปลกตาดูสวยน่ารักไฟหน้าโฉบเฉี่ยวใช้เทคโนโลยี LED พร้อมกับไฟเลี้ยว ไฟหรี่ และไฟวิ่งกลางวันแบบ LED เข้ากับกันชนหน้าได้ดีกระจังหน้าดีไซน์แบบไร้ช่องลมเพราะมันไม่มีเครื่องยนต์และ IONIQ electric ผลิตความร้อนน้อยมาก จึงออกแบบกระจังหน้าแบบปิดเพื่อลดแรงต้านจากอากาศเส้นสายเดินเส้นสีทองแดงทั้งภายนอกและภายในรอบคันเพื่อที่จะบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า100% ด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED Tail Lights ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ภายในถูกออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคตที่เน้นความเรียบง่าย ลื่นไหล ประณีต และใช้งานง่าย เน้นใช้วัสดุที่ก่อผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดส่วนมากจะเป็นวัสดุที่ได้มาจากธรรมชาติเช่น ผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดี ตกแต่งด้วยสีทองแดงวึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถอีกด้วย Hyundai IONIQ คันนี้เป็นการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ ขนาด 28 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้
รถกระบะ
NEW MITSUBISHI TRITON ราคา 524,000 – 1,099,000 บาท
ต้องบอกว่าหน้าใหม่นี้มิตซูบิชิออกแบบมาได้โดนใจหลายๆคนเพราะเปลี่ยนจากเดิมโดยสินเชิง ดีไซน์ด้านหน้าโดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ Dynamic Shield ผสานเข้ากับเส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า พร้อมไฟหน้าดีไซน์ใหม่ติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้นส่งผลให้ไทรทัน ใหม่ มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม และทรงพลัง ตัวถังรูปแบบใหม่ผสานกันอย่างลงตัวด้วยส่วนโค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยว พร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่เน้นความแกร่ง และความทันสมัยของ ไทรทัน ใหม่ รวมถึงชุดไฟท้าย และชุดกันชนดีไซน์ใหม่ช่วยเพิ่มความบึกบึน เพิ่มระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super-Select 4WD และ Easy-Select 4WD รวมทั้งยกระดับความปลอดภัยอัดเทคโนโลยีมาเต็ม โดยรุ่นดับเบิ้ลแค็บเครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel VG Turbo 2.4L 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติใหม่ 6 สปีดภายในห้องโดยสารของไทรทันมีความทันสมัยสะท้อนถึงความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดีด้วยลักษณะการออกแบบแผงควบคุมตลอดจนช่องแอร์ที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความประณีต และคุณภาพของวัสดุบุนุ่ม และการตัดเย็บที่บริเวณกล่องคอนโซลข้างคนขับ, ที่วางแขน และเบรกมือซึ่งผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน
FORD RANGER RAPTOR ราคา 1,699,000 บาท
รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนเลยต้องยอมรับว่าสวยดุดันมากครับเมื่อเทียบกับ FORD RANGER Wildtrak ทำเอาดูเจ้า Wildtrak เล็กลงไปทันที กระจังหน้าใหม่ของ Ford Ranger Raptor คำว่า FORD บนกระจังหน้า แล้ว แต่คนไทยคงจะชินเพราะตามที่ขายอุปกรณ์แต่งรถมีเพียบแต่มันดูเท่ห์มากทีเดียวนะครับ แถมแก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ทนต่อการบุบและรอยขีดข่วน และยังถูกตีโป่งขยายออกเพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้น แบนกว้างรถดูโหดกว่าตัว Ford Ranger Wildtrak เยอะมากเล่นเอา Ranger Wildtrak ดูเล็กไปเลยจร้า บันไดข้างของ Ranger Raptorออกแบบใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง ยาง All-terrain BFGoodrich 285/70 R17 ช่วงล่างยกสูงขึ้นอีก 2 นิ้ว พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ภายในดูสปอร์ต หรูหรา เท่ห์ เบาะที่นั่งของ Ranger Raptor ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูงแผงหน้าปัดที่มาในรูปแบบที่ดุดันแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ แถมพวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแมกนีเซียมน้ำหนักเบาพร้อมระบบเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียง ช่วงล่าง โช้คอัพพร้อมคอยล์สปริงทั้งหน้า-หลัง ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์โช้คซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโช้ค 4 ล้อ แบบ Position Sensitive Damping (PSD) โช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox เครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร 213 แรงม้า แรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
รถยนต์ SUV
VOLVO XC40 ราคา 2,090,000 และ 2,390,000 บาท
เป็นเอสยูวีที่มีระยะใต้ท้องรถเพียง 21 ซม. และยกระดับความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ไปอีกขั้นอีกทั้งยังมีการใช้ระบบจัดเก็บสัมภาระรุ่นใหม่ Ingenious Storage Solutions ทั่วทั้งห้องโดยสารไปจนถึงส่วนประตูท้าย นับเป็นการสร้างระบบจัดเก็บที่ชาญฉลาด สร้างสรรค์ และสวยงาม โดดเด่นด้วยไฟหน้าที่มีรูปทรงจำลองมาจากค้อนเทพเจ้าธอร์และฝากระโปรงทรงเปลือกหอย พร้อมเคลือบพื้นผิวอย่างสวยงามที่สอดรับกับกรอบตะแกรงทรงโค้งอย่างลงตัว รูปแบบการดีไซน์ที่มีความโค้งเว้านี้ยังถูกนำไปใช้กับส่วนล่างของประตูหลัง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ตัวรถด้านข้างได้เป็นอย่างดี การตกแต่งห้องโดยสารถูกติดตั้งด้วยระบบแสงสว่างรุ่นใหม่เพื่อสร้างบรรยากาศภายในรถให้รู้สึกอบอุ่นและสวยงามแบบร่วมสมัยโดยใช้ไฟแอลอีดีเพื่อขับความเงางามของการตกแต่งด้วยอลูมิเนียมให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เบาะที่นั่งที่สอดรับกับสรีระและการขับขี่ระยะไกลได้อย่างดีเยี่ยมเบาะคู่หน้าจะมีตำแหน่งที่สูงกว่า เพื่อมอบทัศนวิสัยที่ชัดเจนหน้าจอทัชสกรีนและมีฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงพร้อมระบบ Apple CarPlay และ Android Auto คุณจะเพลิดเพลินไปกับการตอบสนองที่ฉับไวและทรงพลังตลอดเวลาที่จับพวงมาลัย พร้อมประสิทธิภาพการขับขี่ที่เปี่ยมพลังและประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์ขั้นสูงซึ่งมีทั้งรุ่น T4 (190 แรงม้า) หรือ T5 AWD (252 แรงม้า) โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นล้วนมอบอัตราเร่งที่แรงสะใจในทุกสภาวะ พร้อมช่วยประหยัดน้ำมันขั้นสุดและปล่อยไอเสียในอัตราต่ำ
AUDI Q5 ราคา 3,399,000 และ 3,899,000 บาท
New Audi Q5 เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดกลางมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน Q5 45 TFSI quattro S line และเครื่องยนต์ดีเซลในรุ่น Q5 35 TDI quattro โดยจุดเด่น ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งภายในและภายนอก เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการพัฒนาล่าสุดแบบ quattro with ultra technology แถมยังเรียนรู้เพื่อปรับการทำงานให้สอดรับกับลักษณะและพฤติกรรมของผู้ขับขี่อีกด้วย Audi Q5 รุ่นใหม่นี้มีมิติตัวถังรถที่มีขนาดใหญ่และมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบตัวถังแบบน้ำหนักเบา (lightweight construction) ผนวกกับโครงสร้างตัวถังแบบวัสดุผสม (multi-material) โดยใช้ชิ้นส่วนอะลูมิเนียมเป็นชิ้นส่วนสำคัญ ทำให้มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแกร่ง ทนต่อแรงบิดงอมากยิ่งขึ้น ภายในหรูหราด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบดีลักซ์ ระบบ Comfort Key ไฟหน้าแบบ LED ไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th