ถ้าพูดถึงรถเมล์สาย 8 คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอนเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มีแต่เรื่องราวและข่าวเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถเมล์สายนี้ทำให้เกิดคำขวัญประจำรถขึ้นว่า “สาย 8 รวดเร็ว ทันเวลา ปุ๊บปั๊บมาไม่ต้องรอ เจ้าพ่อย่านลาดพร้าว วิ่งยาวสะพานพุทธ หยุดได้ใน 5 วินาที เร็วรี่เหมือนกู้ภัย ตะโกนไล่คันอื่นหลบ สยบทุกวงแว้น ตีโค้งแล่นรอบ’สาวรีย์ชัยฯ ไม่ถึงป้ายประตูก็เปิด วิ่งเตลิดแถวเซ็นลาด ญาติรถเมล์ทุกสาย ชิดซ้ายแทบไม่มี เร็วดีลมเย็นสบาย 8 บาทตลอดสายจ่ายเร็วไว รถเมล์ไทยจะไปแข่งรถเมล์โลก”

แล้วต้นเหตุเหล่านี้เกิดจากคนหรือเกิดจากตัวรถกันแน่ คำถามนี้อาจจะค้างคาใจคนหลายๆ คนแน่นอน…..สาย 8 เริ่มได้รับอนุมัติให้เดินรถได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2475 รวมเป็นเวลา 81 ปี โดยครั้งแรกมีเส้นทางตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าสะพานพุทธก่อนจะเปลี่ยนเป็นตลาดหมอชิตสะพานพุทธ เมื่อปี 2498และเปลี่ยนเป็นลาดพร้าวสะพานพุทธ ในปี 2505 มีบริษัทนายเลิศ เป็นผู้ประกอบการแต่แรก ก่อนที่รัฐบาลจะเริ่มบริหารรถเมล์เอง เมื่อปี 2519 ปัจจุบันสาย 8 เป็นสัมปทานของบริษัทรถร่วมบริการรวมกว่า 6 ราย

สาย 8 นั้นมีเส้นทางการวิ่งตั้งแต่ อู่ย่านแฮปปี้แลนด์ ผ่าน ถนนลาดพร้าว โชคชัย 4 เข้าสู่ ถนนพหลโยธิน ผ่านสะพานควาย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเลี้ยวผ่าน รพ.รามาธิบดี จบที่สะพานพุทธ ผ่านทั้งรถไฟฟ้าและแหล่งค้าขายสำคัญของเมืองหลวง สายนี้จึงเป็นสายยอดฮิตสำหรับคนทำงานหาเช้ากินค่ำ

สาย 8 ยังคงดำรงชื่อเสียงเรื่องมารยาทในการขับขี่มาตลอด จนเกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อปี 2554 รถเมล์สาย 8 ได้ขับแข่งกับสาย 39 เพื่อรับผู้โดยสารที่สะพานควาย ทำให้พนักงานองค์การค้าคุรุสภาถูกรถเมล์สาย 39 ชนจนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นเพียง 2 วัน จากเหตุการณ์นี่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เกิดจากความประมาทของตัวคนขับหรือว่าตัวรถเมล์ที่แรงเกินไปจนทำให้คนขับควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่และคุณสมบัติแย่ที่เจอบ่อยๆ ในตัวคนขับคือ ต้องเท้าหนัก กินเหล้าจัด ใจร้อนเป็นหลัก มีน้ำหนักมือมาก มีความสามารถในการใช้พวงมาลัยสูง ส่วนสเปคของสาย8 ที่นิยมใช้กัน ภายนอกตัวถังทำจากเหล็กขึ้นสนิมเก่าๆ พ่นสีแบบเนียนๆ ประตูมีช่องเดียวเป็นแบบบานพับ ควบคุมด้วยปั๊มลมแบบเก่าๆ ส่วนภายใน พื้นเป็นไม้อัด เบาะหนังไวนิลคุณภาพต่ำๆ แข็งๆ พร้อมรอยขีดเขียน บาร์โหนอย่างดี พวงมาลัยสองก้านแบบตายตัว พร้อมคันเกียร์แบบไม้เท้า เข็มไมล์พัง

ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับรถเมล์สาย 8  มันคงไม่ได้แย่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะดูจากพฤติกรรมคนขับและสภาพรถเก่าๆ เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกันล้วนเป็นบ่อเกิดของอันตรายอย่างดีเลยทีเดียว คนขับและรถควรได้รับการปรับปรุง ซ่อมแซมบ้าง ถึงอากาศเมืองไทยจะร้อนแค่ไหน ถ้าทุกคนมีน้ำใจแก่กันปัญหาต่างๆมักจะไม่เกิดขึ้น

เรื่อง : สุทธินี วงค์นาญาติ

ขอบคุณข้อมูล : www.uncyclopedia.info, www.rsunews.net

ขอบคุณภาพ :  pptvthailand

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th