ระวังไว้! ร่างกายขาดน้ำแล้วขับรถก็ให้ผลไม่ต่างกับเมาแล้วขับ
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการรับรู้และสามารถทำให้เกิดอันตรายในการขับรถได้ จนทำให้ทุกประเทศล้วนแต่มีกฎหมายจำกัดจำนวนแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับรถ อย่างไรก็ตามในอนาคตอาจต้องมีกฎหมายที่ระบุว่าการขับรถขณะที่ร่างกายขาดน้ำก็ผิดกฎหมายด้วย เพราะมีการศึกษาพบว่า ร่างกายที่ขาดน้ำก็สามารถทำให้เกิดอันตรายในขณะขับรถได้เหมือนกัน
Science Direct ได้อ้างว่าผู้ที่มีอาการขาดน้ำแม้เพียงเล็กน้อยก็จะสามารถสูญเสียสมาธิมากเพียงพอที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดในขณะขับรถได้ โดยข้ออ้างนี้มาจากข้อสรุปการศึกษาที่มีผู้ใหญ่เพศชายเข้าร่วมจำนวน 11 คนที่ถูกจัดให้ขับรถในซิมูเลเตอร์เลียนแบบการขับรถบนถนนจริง โดยที่แต่ละคนจะมีการขับรถ 3 ช่วง ซึ่งช่วงแรกจะเป็นช่วงทั่วไปสำหรับการปรับตั้งซิมูเลเตอร์ ส่วนช่วงที่เหลือจะใช้ในการตรวจดูผู้ขับรถที่เดินทางในเส้นทางที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยการเดินทางแรกจะมีการดื่มน้ำตามปกติ แต่การเดินทางอีกทริปจะเป็นช่วงที่ปล่อยให้เกิดการกระหายน้ำ โดยมีเซ็นเซอร์ติดตามการทำงานของสมองพร้อมกับกล้องที่ตรวจจับผู้ขับรถ
ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าผู้ขับรถที่ร่างกายขาดน้ำมักจะทำสิ่งผิดพลาดเล็กๆ อย่างข้ามไปอีกเลนหรือเบรกรถช้ามากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่มักเกิดกับผู้ดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากแล้วขับรถ อย่างไรก็ตามการศึกษานี้มีจำนวนตัวอย่างการศึกษาที่น้อยจึงทำให้เป็นปัจจัยที่จำกัดในเรื่องข้อสรุป
นอกจากนี้จากการศึกษาก็ยังพบอีกสิ่งว่า มีการเพิ่มขึ้นของข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยแม้กับผู้ขับรถที่ร่างกายได้รับน้ำเป็นปกติเมื่อขับรถในซิมูเลเตอร์ไปเรื่อยๆ เพียงแต่ว่ามีความถี่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ขับรถที่ร่างกายขาดน้ำ รวมทั้งยังมีผู้เข้าร่วมรายหนึ่งที่เกือบต้องออกจากการศึกษานี้เนื่องจากรู้สึกง่วงนอนอย่างต่อเนื่องในระหว่างขับรถในซิมูเลเตอร์
เป็นที่รู้กันสำหรับผู้สนใจเรื่องสุขภาพว่าการที่ร่างกายขาดน้ำส่งผลต่อการคิด อารมณ์ และสุขภาพ แต่อาจยังไม่มีใครใส่ใจถึงผลกระทบที่มีต่อการขับรถ จึงยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้ออกมามากนัก
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th