รู้ก่อนซื้อ MAZDA 2 !!
คงจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าหนึ่งในรถยนต์ขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ยอดนิยมในประเทศไทย นั้นก็คือ MAZDA 2 เพราะเจ้า MAZDA 2 คันนี้มีการดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น มีเอกลักษณเฉพาะตัว ภายในดูสปอร์ต แถมล่าสุดมีการเปลี่ยนโฉมใหม่เพิ่มลูกเล่นออฟชั่นเข้าไปยิ่งทำให้ MAZDA 2 น่าสนใจมากขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน !! ก่อนคุณจะตัดสินใจซื้อลองอ่านข้อดี และข้อเสียของ MAZDA 2 คันนี้กันดีกว่าว่ามันมีอะไรบ้าง
ข้อดีของ MAZDA 2
1.รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงแม้ MAZDA 2 จะออกมาขายก่อนคู่แข่ง แต่เรื่องการดีไซน์ของมาสด้าเค้าสุดจริง มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร สู้คู่แข่งได้อย่างสบาย แถมยังมี 2 บอดี้ให้เลือกทั้ง ซีดาน 4 ปรตู และ แฮทช์แบ็ก 5 ประตู ให้เลือกตามรสนิยมความชอบของลูกค้าอีกต่างหาก ยิ่งตัวล่าสุดไมเนอร์เชนจ์ใหม่เพื่อให้เค้ากับ DNA ใหม่ของมาสด้ายิ่งสวยเข้าไปอีกโดยจะมีการเปลี่ยนชุดไฟหน้าใหม่เป็นโปรเจคเตอร์และไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดี ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ดูดุดันโดดเด่น และสปอร์ตมากขึ้นรับกับกระจังหน้าสีดำเงาเสริมความสปอร์ตเข้าไปอีก ไฟท้ายแบบแอลอีดี ที่ติดตั้งอย่างสวยงามพร้อมกับสปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ปลายท่อไอเสียแบบโครเมียม เสาอากาศแบบฝังบนกระจกบังลมด้านหลัง และมาพร้อมระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอีกด้วย
2.ภายในที่ดูเท่ห์สปอร์ตเหนือคู่แข่ง ภายในเน้นโทนสีดำและมีการออกแบบให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลางทำให้สะดวกสบายในการใช้งานฟรังชั่นต่างๆ การเลือกใช้วัสดุ และการประกอบก็ค่อนข้างดีกว่าคู่แข่ง เบาะที่นั่งใช้หนังหุ้มสีเทาสลับกับหนังกลับสีดำ แดชบอร์ดหน้าผิวสัมผัสนุ่ม หุ้มหนังสีเทาและเดินด้ายจริงเพิ่มความหรูหรา เบาะหลังพับแยกได้ 60:40 สะดวกสบายในการขนของมีแพดเดิลชิฟท์ติดตั้งมาให้เรียบร้อย แถมยังมีหน้าจอแสดงผลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี
3.เครื่องยนต์ได้เปรียบคู่แข่งเรื่องความแรงแถมยังประหยัดพอๆกับคู่แข่งโดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ออกตัวดีไม่แพ้คู่แข่ง และ เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 105 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เครื่องลูกนี้ทั้งประหยัดน้ำมันอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันระดับ 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร แถมขับสนุกด้วยนะ นี่ละคือข้อได้เปรียบของMAZDA 2 เพราะคู่แข่งมีเพียงเครื่องยนต์เบนซินอย่างเดียว
4.สรรถนะช่วงล่างต้องบอกเลยว่านี่คือจุดแข็งที่สุดของ MAZDA 2 เพราะจากที่เคยแน่น หนึบ โยนโค้งสนุก และรุ่นล่าสุดนี้ยังอัพเกรดระบบใส่ GVC Plus มาให้เป็นตัวช่วยให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีก
ข้อเสีย
1.เบาะหลังค่อนข้างแคบ ภายในแม้จะตกแต่งสวยงาม สปอร์ตกว่าคู่แข่ง เบาะคู่หน้าที่ค่อนข้างจะกว้างแต่เมื่อเข้าไปนั่งเบาะด้านหลังกลับรู้สึกอึดอัด และแคบเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งที่ขนาดของรถหากเทียบกับค่ายอื่นก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ค่ายอื่นสามารถทำให้ห้องโดยสารไม่อึดอัดได้
2. อะไหล่ และค่าแรงแพง ไม่จัดว่าเป็นปัญหาแต่ก็เป็นข้อเสียที่ทำให้ผู้ใช้รถ Mazda 2 หลายคนบ่นกันเข้ามาว่าอะไหล่ (บางตัว) แพงกว่ายี่ห้อตลาดทั่วไป ซึ่งจุดนี้ต้องบอกตามตรงว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ต้องยอมรับกันจริง ๆ
3.ระบบช่วงล่างแม้จะแน่นหนึบเค้าโค้งมันส์ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความแข็งกระด้าง เมื่อเทียบกับคู่แข็งในรถยนต์เซ็กเม้นท์เดียวกัน Mazda 2 จะมีความกระด้างมากกว่า ซึ่งถ้าคนที่ชอบช่วงล่างนุ่มนวลจะไม่โดนใจเท่าไหร่นัก
4.ระบบ istop เวลาทำงานแอร์ไม่เย็น ซึ่งระบบ istop นี้ ทุกครั้งที่ทำงานจะทำให้แอร์ไม่เย็น หากจะทำให้ห้องโดยสารเย็นก็ต้องปิดก่อน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นปัญหาจุกจิกและกวนใจพอสมควร และระบบ istop เอง แบตเตอรี่ก็หมดเร็วอีกด้วย
5.หากขับในเวลาฝนตกเสียงค่อนข้างแรง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ มักเกิดขึ้นกับรถเล็กหลายๆรุ่น โดย Mazda 2 ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หากขับขี่ในเวลาที่ฝนตก ก็จะต้องมีเสียงฝนมากวนใจทุกครั้ง แถมค่อนข้างดังเสียด้วย และบางคนก็บอกมาว่าบางครั้งเวลาปกติที่ขับขี่ก็มีเสียงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเป็นบางคันหรือทุกคันของ Mazda 2 กันแน่
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th