รู้ก่อนดื่ม ปีใหม่นี้ เมาไม่ขับ นะจ๊ะ !!
สวัสดีปีใหม่แล้ว เอาพวกเราเตรียมฉลองกันเลย !! ใกล้ เทศกาลปีใหม่เข้ามาทุกที ผมเชื่อว่าหลายท่านวางแผนจัดปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างสนุกสนาน แต่อย่าลืมข้อนี้นะครับ เมาไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย เพราะผมเชื่อว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ พี่ๆตำรวจเค้าจะตั้งด่านแบบถี่ยิบ อย่างแน่นอน การออกไปดื่มฉลองไม่ผิดครับ ถ้ารู้ตัวว่าจะฉลองกันอย่างเต็มที่ จอดรถไว้บ้าน นั่งแท็กซี่ ดีที่สุดครับ แต่ถ้าจำเป็นต้องนำรถไปด้วย วันนี้เรามาดูกันว่าเราดื่มได้แค่ไหนถึงไม่โดนจับครับ การตรวจวัดแอลกอฮอล์จากเครื่องเป่า หากค่าที่ได้เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับคนที่อายุเกิน 20 ปีนะครับ แต่ถ้าอายุไม่เกิน 20 ปี ถ้าโดนเป่าห้ามเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถือว่า เมานะจ๊ะ แม้บางคนจะเถียงว่า ยังไม่เมาเลย แต่บอกเลยว่าเถียงไม่ได้นะจ๊ะ กฎต้องเป็นกฎ
การสังเกตุว่าเริ่มเมาในระดับไหน
- หากรู้สึกเริ่ม แหมม มันช่างสนุกสนานเหลือเกิน ก็หมายถึงมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ราว 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- หากรู้สึกว่าเริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้เท่าภาวะปกติ อึนๆช้าๆ จับแก้วดื่มแล้วเริ่มหก วางแก้วแรง นั่นหมายถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- หากมีอาการเดินไม่ตรงทาง เดินเอียงไปมา ต้องใช้กำแพงช่วยพยุงร่าง เดินหน้า 1 ก้าว แล้วถอยหลัง 2 ก้าว นั่นหมายถึง 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- สุดท้าย หากทะลุมิติ ภาพตัด หรือหลับ อ้วกไม่รู้ตัว นั่นหมายถึงระดับที่ 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อันตรายนะจ๊ะ
แล้วสูตรต่างๆที่เค้าว่ากันว่าดื่มหรือกินเค้าไปแล้วตรวจไม่เจอ หรือช่วยลดแอลกอฮอล์ได้ ละ มันจริงมั้ย !! ทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง นมเปรี้ยว กาแฟดำ พวกนี้ไม่ได้ช่วยให้คุณสร่างเมา หรือไปเจอด่านตรวจแล้วมันจะกลบแอลกอฮอล์ขณะตรวจได้นะ มันไม่จริง !! กาแฟดำช่วยลดอาการง่วงซึมของผู้ดื่มได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมา นมเปรี้ยวก็เหมือนกัน ผลอย่างเดียวคืออิ่ม แถมอาจจะขรี้แตกอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่จริงจร้า เคยลองนมเปรี้ยวมาแล้ว ไม่รอดจร้า(ฮาฮา )
ดื่มมาตรฐาน (Standard Drink) คือ เครื่องดื่มมาตรฐานของแอลกอฮอล์แต่ละประเภท ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์จะขึ้นอยู่กับดีกรีของเครื่องดื่มประเภทนั้น
เบียร์ 1 กระป๋อง = แอลกอฮอล์ 330 มิลลิกรัม
ไวน์ 1 แก้ว = 100 มิลลิกรัม
เหล้า 3 ฝา = 30 มิลลิกรัม
กฎหมายกับการดื่มแล้วขับ
พรบ.จราจรฉบับใหม่ ที่ได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 จะเห็นได้ชัดว่ามีการเพิ่มโทษสำหรับกรณีเมาแล้วขับจากเดิม จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 5,000 – 20,000 บาท
อัตราการลงโทษใหม่ จะแบ่งออกเป็น 4 กรณี ได้แก่
ความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา : จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 10,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลมีอำนาจในการ สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ เพิกถอนใบอนุญาต อีกทั้งยังเพิ่มมาตรการยึดรถในชั้นศาล ไม่เกิน 7 วัน
ความผิดฐานเมาแล้วขับ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจ : ให้มีโทษคงเดิม คือ จำคุก 1 – 5 ปี ปรับ 20,000 – 100,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตการขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ เพิกถอนในอนุญาตขับขี่
ความผิดฐานเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส : มีโทษจำคุก 2 – 6 ปี ปรับ 40,000 – 120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ เพิกถอนในอนุญาตขับขี่
ความผิดฐานเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย : มีโทษจำคุก 3 – 10 ปี ปรับ 60,000 – 200,000 บาท รวมทั้งให้ เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเท่าไหร่ ถึงเข้าข่ายเมาแล้วขับ
กฎหมายพรบ.จราจร ฉบับเดิมได้กำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุรา แต่ พรบ.จราจรฉบับใหม่ได้มีการปรับแก้ใหม่เป็น กรณีที่ผู้ขับขี่มีอายุไม่เกิน 20 ปี หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุรา
กรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือ ผู้ขับขี่ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราว หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุรา
บุคคลอื่นๆมีข้อกำหนดตามกฎหมายเดิม คือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จึงถือว่าเมาสุรา
สำหรับ ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้บทลงโทษจากกรณีเมาแล้วขับ เพราะนอกจากกฎหมายฉบับใหม่จะเพิ่มโทษแล้ว ยังมีการเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสั่งตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ จากเดิม เจ้าหน้าที่สามารถสั่งตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดแต่ไม่ได้กำหนดวิธีการตรวจสอบไว้ แก้เป็น
เจ้าหน้าที่สามารถใช้ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ เช่น การทดสอบลมหายใจ ปัสสาวะ เลือด หรือวิธีการอื่นๆตามสมควร แม้กฎหมายจะระบุไว้ว่า เจ้าหน้าที่สามารถใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ แต่ต้องเป็นไปตามสมควร และต้องดำเนินการโดยที่เจ้าตัวเจ็บปวดน้อยที่สุด
สุดท้ายถ้าอยากจะสนุกอย่างสุดเหวี่ยง ดื่มแบบทิ้งตัวกันไปเลย ทางที่ดีขับรถกลับไปเก็บบ้าน นั่งแท็กซี่ไปดีกว่า ไปถึงช้าหน่อย หารถยากหน่อย แต่ชัวร์กว่า ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่โดนจับ เสียค่าปรับ และติดคุก หรือไม่ถ้าไม่อยากนั่งแท็กซี่ก็หาเพื่อน 1 คนที่เป็นผู้เสียสละไม่ดื่ม ให้เพื่อนคนนี้กินกับข้าวอย่างเดียวแล้วขับไปส่งทุกคนที่บ้าน ฮาฮา ยังไงก็ขอให้เที่ยวปีใหม่กันอย่างมีความสุข และปลอดภัยนะครับ โชคดีครับทุกคน สวัสดีปีใหม่จร้า
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th