รู้หรือไม่…….เราควรล้างแอร์ตอนไหน
หลายๆ คนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าเราควรล้างแอร์รถยนต์ของเราตอนไหน การล้างแอร์นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคน เช่น เส้นทางการใช้งาน มีสภาพถนนอย่างไร ฝุ่นมากหรือไม่ ลุยน้ำหรือเปล่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตู้แอร์ของเราได้เวลาล้างแล้ว วิธีสังเกตุง่ายๆ คือ ลองเอาจมูกจ่อไปที่ช่องลมแอร์ ถ้ามีกลิ่นอับๆ นั่นแปลว่าถึงเวลาได้ล้างแอร์ก่อนแล้ว ตามปกติรถยนต์ส่วนใหญ่ประมาณ 1 ปีขึ้นไป หรือ 20,000 กิโลขึ้นไป ก็จะมีการทำความสะอาดแอร์ ล้างแอร์ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีระหว่างขับรถและในวันนี้เรามีวิธีการทำความสะอาดสำหรับตู้แอร์ มี 4 วิธี มาให้เพื่อนๆ ได้รู้กันครับ
- ล้างตู้แอร์แบบถอดตู้ต้องรื้อตู้แอร์ แล้วเอาคอยล์เย็นมาล้างข้างนอก น้ำยาทำความสะอาดแตกต่างกันไปแล้วแต่ช่างจะใช้อะไรเพื่อประหยัดต้นทุน ราคาถูกก็ผงซักฟอก โซดาไฟ พวกนี้จะล้างออกยาก ดังนั้น เวลาประกอบกลับ เปิดแอร์จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก แสดงว่าล้างออกไม่หมด อาจจะกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ และเมื่อสูดดมเข้าไปแล้ว ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบหายใจ ถ้าคนแพ้ ก็อาจแสบตา แสบจมูก และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
- การล้างแบบไม่ถอดตู้เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น เสร็จเร็ว ทางร้านได้เงินไว โดยทั่วไปเครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง แต่บ้างเอาผงซักฟอก โซดาไฟ ผสมลงไปเพื่อให้น้ำยาใช้ได้หลายคันขึ้น เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหา เพราะเครื่องไม่ได้ถูกกำหนดให้ล้างผงซักฟอก หรือโซดาไฟ ผลที่ได้อาจคาดไม่ถึง
การล้างแบบนี้เหมาะกับรถใหม่ รถที่ล้างแอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือเหมาะกับรถที่ดูแลตู้แอร์เป็นประจำ ถ้าใช้มา 7-8 ปี แล้ว ช่างแอร์ไม่ค่อยอยากล้างวิธีนี้ เพราะตู้แอร์อาจรั่วอยู่แล้ว แต่ฝุ่นไปอุดรูรั่วไว้ พอล้างเอาฝุ่นออก รอยรั่วก็ปรากฏขึ้น
- การฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์โดยไม่ต้องรื้อตู้ออกมา ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น ก็เป็นอันเรียบร้อย คราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกมาก วิธีนี้ก็พอใช้ได้ แต่คงต้องฉีดสเปรย์กันบ่อย 2-3 เดือนต่อครั้ง เพราะอยู่ในเมือง ฝุ่นจะเยอะ สเปรย์บางยี่ห้อจะช่วยขจัดกลิ่นด้วย ราคาค่าฉีดสเปรย์ รวมแล้วมากกว่าการล้างตู้แอร์แบบที่ 1 และที่ 2
- การใส่กรองแอร์ไม่ใช่รถทุกรุ่นจะใช้ได้ เพราะกรองแอร์ก็ทำมาสำหรับรถอีกระดับ ช่วยกรองฝุ่นอีกวิธีหนึ่ง แต่อายุการใช้งานก็ประมาณ 5,000 กม. ต้องเปลี่ยนอันใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยน ลมจะผ่านเข้าตู้แอร์ไม่สะดวก ลมแอร์ที่ออกมาก็จะอ่อนกำลังลง ลมที่ตีกลับจะมีผลต่อคอมแอร์ กรองแอร์สำหรับรถบางรุ่นราคาพอรับได้ แต่บางรุ่นราคาเป็นพันบาท ถ้าใช้วิธีนี้ในการทำความสะอาด ในระยะ 1 ปี ก็เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการทำความสะอาด แบบที่ 1 และที่ 2
ส่วนการป้องกันให้ใช้แอร์ได้นานๆ ไม่ต้องล้างบ่อยๆ วิธีง่ายๆ ลงรถเมื่อไหร่เคาะพรมเมื่อนั้น เพราะพัดลมแอร์อยู่
ใกล้กับพรมรองเท้า ถ้าสะสมไว้มันจะดูดเข้าไปเรื่อยๆ ทำให้ตู้แอร์ตันเร็ว ถ้าทำได้เป็นนิสัย ยืดอายุล้างตู้แอร์ได้กว่า 2 ปีเลยทีเดียว
เรื่อง : ณัฐพล ศรีนามโหน่ง
ขอบคุณรูปภาพ/ข้อมูล : www.sanook.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th