ลองขับ ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปรับปรุง 2.4 V ขับ 4 ล้อ
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ นับว่าเป็นรถอเนกประสงค์ ที่ได้รับความนิยมอีกรุ่นหนึ่งของทางโตโยต้า โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางโตโยต้า ได้ปล่อยเจ้าฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปรับปรุงใหม่ ที่เพิ่มเติ่มออฟชั่นต่างๆเข้าไปเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของลูกค้า แถมเพิ่มรุ่นใหม่เข้ามาให้อีกต่างหาก เป็นรุ่น 2.4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ นั้นทำให้ฟอร์จูนเนอร์เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบรนด์เดียว ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้ลูกค้าเลือกถึง 2 ขนาดเครื่องยนต์ทั้ง GD Efficient Boost 2.8 ลิตร และ 2.4 ลิตร และวันนี้เรามีโอกาศได้ไปลองขับเจ้า ฟอร์จูนเนอร์ 2.4 ขับ 4 ล้อคันนี้กันที่เขาใหญ่โดยมีเส้นทางทั้งออฟโรด และออนโรด ให้ได้ทดลองขับกัน
แต่ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนเลยว่ามันมีจุดต่างจากรุ่นก่อนปรับปรุงตรงไหน เรามาเริ่มจากจุดหลักๆอย่าง รุ่นปรับปรุงนี้เพิ่มรุ่น 2.4 ซิกม่า4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้ามาทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารเข้าไปอีกด้วยการใส่เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า และการออกแบบภายในที่หรูหราประณีต และอีกจุดสำคัญเปลี่ยนจากหน้าดิสก์ หลัมดรัม มาเป็นดิสก์เบรค 4 ล้อ ถ้าทางจะทนกระแสเรียกร้องของลูกค้าไม่ไหว
ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้น ไฟหน้า Projector พร้อม LED Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้าที่จากเดิมเป็นไฟฮาโลเจนธรรมดา เป็นแบบแอลอีดี ใหม่ เพิ่มทัศนวิสัยชัดเจน ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยน บันไดข้าง กระจกไฟเลี้ยว กระจังหน้าและกันชนหน้า ออกแบบโฉบเฉี่ยว เสารับสัญญาณวิทยุ แบบ Shark Fin กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และยังมีระบบ Welcome Light ราวหลังคาทรงสปอร์ท มีสปอยเลอร์หลัง ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED สไตล์ใหม่ ไฟท้ายดีไซจ์นล้ำ แบบ LED Light Guiding ล้อแมกลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60 R18 แต่เจ้าพระเอกของการปรับปรุงในครั้งนี้คือการเปลี่ยนมาใช้ดิกส์เบรค 4 ล้อ
ห้องโดยสารขนาดใหญ่ หรูหราทันสมัย มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสีแบบ TFT คมชัดทุกรายละเอียด สามารถปรับตั้งการทำงานของระบบต่างๆ พร้อมแสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ตลอดการเดินทาง พวงมาลัยหุ้มหนัง ดีไซน์สปอร์ต พร้อมระบบมัลติฟังค์ชั่น มีระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย Paddle Shift ระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Follow-Me-Home และ Push Start เครื่องเล่นดีวีดี หน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบนำทาง (Navigator) รองรับ T Connect และเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ บนเพดานมีช่องเก็บแว่นตา พร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED หลังคาติดตั้งช่องแอร์เพดานสำหรับผู้โดยสารแถว 2/3 มีช่องต่อ USB IPOD และ AUX เชื่อมต่อความบันเทิงหลากหลาย
ประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ สั่งงานง่ายผ่านระบบรีโมท หรือผ่านสวิทช์บริเวณที่นั่งคนขับและประตูท้าย เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีใหม่ดูหรูหรา เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ตัวเก่าปรับไฟฟ้าเฉพาะฝั่งคนขับ เบาะแถวที่ 2 ปรับพับแบบ One Touch บริเวณคอนโซลกลางด้านหลังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ DC 12 โวลท์ และกระแสไฟ้า AC 220 โวลท์ ช่องเก็บของผู้โดยสารด้านบนแบบ Cool Box เบาะนั่งปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระตามลักษณะการใช้งาน แบบ L-Space สำหรับปรับพับเบาะหลังและเบาะแถว 2 เพียง 1 ส่วน แบบ Tumble & Space-Up ปรับพับเบาะแถว 2/3 รองรับอรรถประโยชน์เพื่อการบรรทุกสูงสุด แบบ Rear Space ปรับพับเฉพาะเบาะหลัง ตอบสนองความสะดวกสบายในการบรรทุก
เรามาเริ่มทดสอบกันดีกว่า เริ่มจากออฟโรดกันเลยโดยทางโตโยต้าได้เตรียมสนามทดสอบแบบออฟโรดไว้รอพวกเราอยู่แล้วที่ไร่ทองสมบูรณ์ แถวๆเขาใหญ่ มีทั้งขึ้น-ลง เนินชัน เนินเอียง เนินสลับ ลุยน้ำ หน้าสนุกมากครับงานนี้ โดยเราได้ขับเจ้าตัวเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 2GD-FTV (HIGH) ขนาด 2.4 ลิตร คอมมอนเรล GD Efficient Boost 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูเลอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่าน เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนซิกมาโฟร์ พร้อมโหมด H2 H4 L4 ให้เลือก ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน
เรามาดูกันว่าเจ้านี่ขับง่ายขนาดไหน ทางจะเป็นดินโคลนนะครับ เข้าเกียร์ว่างจากนั้นหมุมปุ่มขับเคลื่อน 4 ล้อไปที่โหมด 4L แล้วไปลุยกัน เราเจอกับด่านแรกเลยเป็นเนินชันขับขึ้นไปเหยียบเบรคข้างไว้บนเนิน แล้วปล่อยเบรค รถไม่ไหลลงนะครับเพราะเจ้านี่มีระบบกันรถไหลกลับรถจะค้างไว้ให้อยู่ประมาณ 3-4 วินาทีอันนี้ดีเวลาขึ้นเนินจะได้ไม่ไหลลงมาชนคันหลัง อยากเดินหน้าแตะคันเร่งเบาๆรถก็ขึ้นเนินได้อย่างสบาย ขึ้นแล้วก็ต้องลงขับลงเนินมันชันระดับ 45 องศาเลย ปล่อยไหลลงเลยจร้าไม่ต้องแตะเบรคเลย ระบบช่วยการลงทางลาดชัน DAC จัดการให้หมดประคองพวงมาลัยอย่างเดียวสบายมากครับ ต่อเนื่องด้วยการขับผ่านเนินเอียงพร้อมหักเลี้ยว การขับผ่านเนินสลับเพื่อทดสอบระบบ A-TRC เมื่อล้อใดล้อหนึ่งลอยพ้นจากพื้น จะถูกตัดการส่งกำลัง และระบบจะส่งกำลังไปยังล้อที่ติดพื้น เพื่อขับเคลื่อนรถต่อไปได้ มาลุยน้ำกันดีกว่าลึกประมาณ 40 ซม. ผ่านแบบสบายๆ
ออกจากออฟโรด เข้าสู่ช่วงการขับแบบออนโรดกันบ้าง เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร กำลัง 150 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่งช่วงออกตัวถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ การเร่งแซงไม่มีปัญหาสบายมากเนียนๆ กดคันเร่งไปเพลินๆความเร็วขึ้นไปแตะที่ 150 กม./ชม. รถยังนิ่งและเงียบมากครับ ระบบช่วงล่างเหมือนเดิมจร้าอาจมีการปรับจูนเล็กน้อย ดูดรับแรงสั้นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนได้ดี นุ่มนวลดีครับ การเข้าโค้งตัวรถยังคงนิ่งขับสนุกครับสำหรับเจ้าฟอร์จูนเนอร์ 2.4 ขับ4ล้อคันนี้ ระบบเบรคที่เปลี่ยนมาเป็นดิสก์ 4 ล้อเพิ่มความสวยงามและสมรรถนะที่ดีในการขับขี่ในเมือง หยุดรถได้อย่างนุ่มนวล
นับได้ว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้ตรงจุดทีดียวครับซึ่งเครื่อง 2.4 ขับเคลื่อ 4 ล้อ ยังไม่มีค่ายไหนทำออกมาขาย น่าจะโกยยอดไปได้เยอะพอสมควรกับราคา รุ่น 2.4V 4WD ใหม่ 1,499,000 บาท ผมว่าน่าสนใจไม่น้อย
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th