ลองขับ ยาริส เอทีฟ รุ่น S อีโคคาร์ ซีดานจากโตโยต้า ที่น่าจับตามอง
เป็นตลาดที่น่าจับตามองมากครับ สำหรับตลาดรถยนต์อีโคคาร์ ซีดาน 4 ประตู ซึ่งก่อนหน้านี้ก็จะมีแค่ นิสสัน ซิลฟี่ และซูซูกิ เซียส เท่านั้นที่เป็นอีโคคาร์ ซีดาน 4 ประตู และล่าสุดเจ้าตลาดอย่างโตโยต้ากระโดดลงมาเล่นเอง โดยส่ง โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่าการที่โตโยต้าลงมาเล่นในครั้งนี้ทำให้ตลาดอีโคคาร์ ซีดาน คึกคักไม่น้อย แถมพี่แกมาที่หลังอัดออฟชั่นมาเพียบ ระบบความปลอดภัยแบบเหลือๆ
วันนี้เราได้มีโอกาศเข้าร่วมทริปการทดสอบเจ้าอีโคคาร์น้องใหม่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ กันแบบเต็มๆซะที หลังจากไปขับวนเล่นในระยะสั้นๆมาแล้ว ครั้งนี้เราจะขับจาก Toyota Driving Experience Park แถวบางนามุ่งหน้าสู่ จังหวัดจันทบุรี รวมระยะทางกว่า 235 กิโลเมตร แบบใช้งานจริง
เริ่มต้นการทดสอบกันที่ Toyota Driving Experience Park ซึ่งที่นี่ท่านไหนอยากทดสอบรถยนต์ของโตโยต้า สามารถติดต่อเข้ามาได้เลยครับ มีรถยนต์ทุกรุ่นของโตโยต้าให้ได้ทดสอบกันฟรี ก่อนตัดสินใจซื้อ เอาละเรามาดูพระเอกของเราในวันนี้กันดีกว่ากับเจ้า โตโยต้า ยาริส เอทีฟ รุ่นS ตัวท็อปสุดนั้นเอง
เรามาดูจุดเด่นหลัก4 จุดของเจ้า ยาริส เอทีฟ คันนี้กันเริ่มจาก
1.ภายนอกที่มีดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่น โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่มีความต่อเนื่องรอบคัน เน้นความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปคเจคเตอร์แบบรมดำตกแต่งด้วยแหวนสีแดงเชื่อมต่อกับกระจังหน้ารมดำ พร้อมไฟ LED Light Guiding , ติดตั้งไฟท้ายแบบ LED, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว, มือจับประตูโครเมียม, กระจกบังลมหน้า Acoustic Glass เป็นต้น
2.ภายในห้องโดยสารตอบรับทุกความต้องการ ห้องโดยสารภายในดีไซน์ได้สวยและใช้วัสดุคุณภาพดีครับ โดยเน้นไปที่ความสะดวกสบายกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเพื่อความบันเทิงครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ DVD/USB/HDMI/Micro SD รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, กุญแจ Smart Entry และ Push Start, เบาะนั่งเป็นผ้าลายสปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดงปรับสูง-ต่ำฝั่งคนขับได้ (เนื่องจากมีถุงลมนิรภัยที่เบาะทางโตโยต้าเลยบอกว่าถ้าจะนำเบาะไปหุ้มหนังเองร้านข้างนอกไม่แนะนำเพราะเจ้าถุงลมนิรภัยอาจจะไม่สามารถทะลุหนังออกมาได้นะจ๊ะ) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังเดินด้ายแดง ปรับ สูง-ต่ำได้ แต่น่าเสียดายปรับเข้า-ออก ไม่ได้
3.สมรรถนะเครื่องยนต์ ขับสนุก ด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-I ขนาด 1.2 ลิตร ทำงานผสานกับเกียร์ Super CVT-i ที่มีการปรับจูนใหม่ ขับดี และประหยัดมากขึ้น
4.ระบบความปลอดภัย ถูกติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ใบเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุดทั้ง 5 ที่นั่ง ในรุ่น S เสริมความปลอดภัยด้วยกล้องมองหลัง เป็นต้น
ทดสอบในสนามกันก่อนเลย
เอาละเรามาเริ่มขับกันเลยเริ่มจากการทดสอบกันในสนามทดสอบของโตโยต้ากันก่อนเลย เพราะถ้าไปทดสอบระบบต่างแบบนี้บนถนนคงไม่ดีแน่ อันตราย!! ประเดิมด้วยการขับสลาลมซ้าย-ขวา ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ดูความแม่นยำของพวงมาลัยต้องบอกเลยว่าน้ำหนักพวงมาลัยดีทีเดียวครับความคุมง่าย และแม่นยำ ต่อมาเรามาดูอัตราเร่งกันบ้างถือว่าทำได้ดีสำหรับรถยนต์อีโคคาร์เครื่องยนต์ 1.2 ซีซี มันอาจจะขึ้นไม่รวดเร็วทันใจเหมือนเครื่องใหญ่ๆแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน แถมมีเกียร์อัตโนมัติ CVT มาช่วยเพิ่มความต่อเนื่องของอัตราเร่งอีกต่างหาก พวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็วนะจ๊ะ ที่ความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะเบาทำให้ขับง่ายสุภาพสตรีชอบแน่ๆ และเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยจะหนืดขึ้นแบบรู้สึกได้ทำให้รู้สึกมั่นใจในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง
วนกลับมาขับผ่านผิวถนนที่ปูกระเบื้อง แถมฉีดน้ำไว้เปียกลื่นแบบสุดๆ วิ่งเข้าไปความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. หักหลบสิ่งกีดขวาง และเหยียบเบรคให้มิด ทดสอบ ABS หยุดนิ่งสนิทเอาอยู่จริงๆจร้า จากนั้นลองเหยียบคันเร่งสุดบนถนนเปียกเพื่อเดินหน้าต่อระบบTRC ป้องกันล้อหมุนฟรี ช่วยได้เยอะเลยครับออกได้แบบสบาย การหักหลบซ้าย-ขวา บนถนนเปียกลื่น VSC ทำให้รถไปในทิศทางที่หมุนพวงมาลัยไป โดยรถจะไม่เสียการทรงตัว
มาถึงการทดสอบช่วงล่าง ที่เซตมาได้อย่างดีทั้งความนุ่มและความหนึบ ขับผ่านช่วงผิวถนนขรุขระ แถมมีฝาท่อด้วย ช่วงล่างของเอทีฟ สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ตัวรถมีความนุ่มนวลไม่สะท้าน กลับมาเจอด่านสลาลมอีกครั้งรอบนี้ ความเร็ว 60 กม./ชม. ยังคงควบคุมง่าย และการทรงตัวก็ดีตัวรถไม่มีอาการโครง ต่อด้วย Lane Change หักหลบฉุกเฉินที่ความเร็วค่อนข้างสูง ช่วงล่างก็ยังรับมือได้ดี ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะมีตัวช่วยอย่าง VSC และ TRC
ลองขับแบบใช้งานจริง กรุงเทพ -จันทบุรี
ถึงเวลาที่เราต้องออกไปขับบนถนนแบบใช้งานจริงกันแล้ว เริ่มออกเดินทางกันเลย มุ่งหน้าร้านอาหารกลางวัน ครัวริมทาง จังหวัดชลบุรี ออกมาเจอกับรถใช้ถนนค่อนข้างเยอะความคล่องตัวขับสบายของเจ้าเอทีฟทำให้สามารถลัดเลาะได้ดั่งใจต้องการ ขึ้นมอเตอร์เวย์แยกออกบ้านบึง รถน้อยลงเพิ่มความเร็วได้นิดหน่อย กดคันเร่งลงไปความเร็วค่อยๆขึ้นอย่างต่อเนื่องเครื่องยนต์ 3NR-FE แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-i ความจุ 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มีการปรับปรุงการทำงานของ ECU ให้ควบคุมระบบปั๊มเชื้อเพลิง เพื่อให้ปริมาณและแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงเหมาะสมกับรอบและภาระของเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ได้อย่างดีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจจะไม่จื๊ดจ๊าดเท่าไหร่แต่ก็ไหลลื่นดี ผมใช้ความเร็วประมาณ 130-140 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 15 กม./ลิตร การเร่งแซงบางจังหวะอาจจะต้องคลิกดาวน์ช่วยหน่อย
ช่วงล่างด้านหน้า มีการปรับปรุงการดูดซับแรงที่แกนช็คอัพใหม่ โดยการเพิ่มการไหลของของเหลว และค่า K คอยล์สปริงใหม่ ส่วนด้านหลังก็ปรับจูนค่า K คอยล์สปริงใหม่เช่นกัน ส่งผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะทั้ง นุ่มนวล แน่น หนึบ ดีครับ ขับขึ้นลงคอสะพานแบบไม่แตะเบรคได้อย่างมั่นใจไม่สายหรือสะบัดเลย ขับผ่านทางขรุขระรูดกระจายจร้าช่วงล่างดูดซับแรงสั่นทะเทือนได้ดีเลยครับ นิ่ง และนุ่มนวล การเค้าโค้งด้วยความเร็วก็มั่นใจ ห้องโดยสารเงียบเก็บเสียงรบกวนได้ดีแต่จะเริ่มมีเสียงลมเข้าที่ความเร็วประมาณ 140 กม./ชม. ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม อาจจะดูไม่หล่อเท่ห์เท่าดิสก์ 4 ล้อ แต่เอาอยู่แน่นอน
ต่อด้วยกิจกรรมขับประหยัดเพราะอยากรู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน ระยะทางประมาณ 91 กิโลเมตร ให้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที คิดแล้วคงต้องใช้ความเร็วประมาณ 80-100 กม./ชั่วโมง คำนวนเพื่อติดไฟแดง และหลง ฮาฮา ก่อนเริ่มขับประหยัดทีมงานโตโยต้าได้ปรับแอร์เป็นโหมดอัตโนมัติ ปรับระดับความเย็นไว้ที่ 25 องศา ซีลสวิตช์ระบบปรับอากาศห้ามปรับและเซต 0 ก่อนออกเดินทาง และเริ่มจับเวลาแยกทีละคัน สุดท้ายถึงจุดลงเวลาก่อนเวลากำหนดขับเร็วไป ฮาฮา แต่อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24 กม./ลิตร เลยขนาดติดไฟแดงแถมขับประมาณ 80-100 กม./ชม.นะ ตัวเลขน่าพอใจครับผมว่า และคันที่ชนะได้ถึง 26 กม./ลิตร ผมขอคาราวะผมไม่ไหวจริงๆขับประหยัดน้ำมันนี่
สรุป
โตโยต้า ยาริส เอทีฟ S ตัวท็อปสุดคันนี้เป็นรถยนต์อีโคคาร์ที่น่าใช้จริงครับ ทั้งรูปร่างหน้าตา การดีไซน์ที่ทันสมัย เครื่องยนต์ที่ขับดีไม่อืด และประหยัดน้ำมัน ภายในใช้วัสดุคุณภาพสูง แถมกว้างขวาง นั่งสบาย เก็บของได้เยอะ อุปกรณ์ต่างๆรวมถึงระบบความปลอดภัยก็ให้มาแบบครบครัน ใครสงสัยว่าอีโคคาร์เครื่องเล็กแบบนี้ไปต่างจังหวัดจะไหวหรอ ผมบอกเลยครับว่า เจ้าโตโยต้า เอทีฟคันนี้ ใช้งานได้ทั้งในเมือง และนอกเมืองครับ ขับสนุกนั่งสบาย สมรรถนะเพียงพอกับการขับทางไกล และไม่เหนื่อยล้ามากนัก ใช้งานได้ใกล้เคียงรถขนาดใหญ่ แต่เจ้าคันนี้ประหยัดทั้งราคา และน้ำมัน กับราคาเริ่มต้นที่ 469,000 – 619,000 บาท น่าใช้มากครับคุ้มค่าเงินแน่นอน
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th