ลองขี่ Giorno+ ใหม่ เที่ยวทางไกล แรงกว่าจริงมั้ย !!!
New Honda Giorno+ รถออโตเมติกแนวโมเดิร์นคลาสสิก ในสไตล์ High Fashion ที่มาพร้อมคอนเซปต์ The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า นั่นทำให้ผมคิดว่ามันไกลกว่า ไกลกว่าอะไร และมันไกลได้ขนาดไหน
ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับการเดินทางใช้งานในชีวิตประจำวัน คงถือเป็นจุดสำคัญตามการใช้งานของคนทั่วไป แต่หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบในการเดินทางตามไลฟ์สไตล์ รวมถึงขับขี่ทางไกลแบบใช้งาน (ใช้งานต่างจังหวัด) ก็คงจะมอง ๆ New Honda Giorno+ คันนี้อยู่บ้าง เพราะรูปลักษณ์หน้าตาสมัยนิยมแบบนี้ ย่อมถูกใจหลายคนไม่มากก็น้อย แต่หากต้องมาใช้งานเดินทางไกล สมรรถนะจะเป็นอย่างไร อัตราเร่ง อัตราการกินน้ำมัน รวมไปถึงท่วงท่าการขับขี่ จะเมื่อยแขนเมื่อยขามากขนาดไหน …. สิ่งที่ว่ามานี้ เราจะมาพิสูจน์ไปพร้อม ๆกัน
ก่อนเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางกัน 2 คัน ด้วย Giorno+ ทั้ง 2 รุ่น คือ ABS และ CBS โดยจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ รุ่น ABS จะติดตั้งระบบเบรกด้านหน้า ไฮดรอกลิกดิสก์เบรก ABS / ด้านหลังดรัมเบรก ส่วนรุ่น CBS จะติดตั้งระบบเบรกด้านหน้า ไฮดรอกลิกดิสก์เบรก CBS / ด้านหลังดรัมเบรก โดยจะทำให้ทั้ง 2 รุ่นมีน้ำหนักแตกต่างกัน คือ CBSหนัก 118 กก. / ABS หนัก 120 กก. หลังจากเตรียมตัวให้พร้อม เช็ครถ เติมลม เติมน้ำมันเต็มถัง เราออกเดินทางกันจากย่านมีนบุรี ชานเมืองของกรุงเทพมหานคร โดยมีจุดหมายปลายทางคือ อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา
ออกเดินทาง
โดยการเดินทางในช่วงแรกนั้นเป็นเส้นทางจากเมือง เพื่อออกนอกเมือง เส้นทางรถติด สลับจอด และต้องซอกแซกบ่อยครั้ง เพื่อเร่งแซงผ่านรถยนต์ รวมไปถึงรถบรรทุกเป็นระยะ ต้องบอกว่าตามโจทย์การใช้งานพื้นฐานเลย อัตราเร่ง บิด หยุดติดไฟแดง สลับเร่งออก ซึ่งรุ่นนี้มี Idling Stop System ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ แต่เราไม่ได้เปิดใช้งาน เพราะอยากได้ฟีลความต่อเนื่อง อันนี้แล้วแต่ชอบ จวบจนเดินทางออกนอกชานเมือง บนเส้นถนน สุวินทวงศ์ ก็ได้ลองใช้ความเร็วได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นถนนใหญ่ และเป็นเส้นทางตรงยาว ๆ โดยเรือนไมล์แสดงผลความเร็วที่ 90 กม/ชม. คือค่ากลางที่เราใช้เดินทาง
และยังพอเหลือคันเร่งในมือให้เติมได้นิดหน่อย ยามสลับแซงในรอบความเร็ว แต่สิ่งที่จะรู้สึกได้คือ เสียงของเครื่องยนต์จะสะท้าน และหอนดังขึ้นมาจนได้ยินเสียงผ่านหมวกกันน๊อคเต็มใบ แต่ก็นั่นแหละครับ นี่คือรถสกู๊ตเตอร์ไซต์นี้ คงไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากกว่านี้อยู่แล้ว ถือว่าทำได้เกินความจำเป็นของรถเดิม ๆ ด้วยซ้ำไป
ถนนเริ่มพัง
สำหรับเส้นทางที่เราเดินทางกันต่อไปนั้น แม้จะเป็นทางลาดยางแล้วก็ตาม แต่ก็สลับไปด้วยหลุม บ่อ มีผ่านที่เป็นเส้นทำถนนสลับบ่อยครั้ง เหมือนรู้ว่าเรากำลังจะสื่อสารเรื่องช่วงล่าง เพราะด้วยข้อดีของล้อขนาด 12 นิ้ว ทำให้เรารู้สึกมั่นใจของหน้ายางที่สัมผัสถนนได้ดี และในบางจุดที่ถนนขรุระก็ไม่ได้ทำให้สัมผัสถึงแรงสะท้านบริเวณแฮนด์บาร์มากเท่าไรนัก แต่ไม่ได้ไม่มีนะ เพียงแต่รับได้ ส่วนสำหรับท่วงท่าในการเดินทางไกล คงต้องมีสลับการวางเท้ากันบ้าง เพื่อเลี่ยงสรีระท่าทางไม่ให้เมื่อยมากเกินไป (ผู้ขับขี่สูง173) แต่ก็เข้าใจได้เพราะโดยปกติในการใช้งานทั่วไป เราคงไม่ได้อยู่บนรถกันนานมากขนาดนี้
จอดรถเช็คของ
รู้ตัวอีกทีเราก็ขับขี่ผ่านอุงโมงค์ทับลาน แวะจอดพักกันที่เวโรน่า แอท ทับลาน ผมที่ลองใช้งาน USB Socket & Console Box ซึ่งได้เสียบมือถือชาร์จทิ้งไว้ตั้งแต่ร้านก๋วยจั๊บ ตอนนั้นแบตประมาณ 80 % พอมาถึง พบว่าแบตเต็ม 100 % เรียบร้อย โดยมือถือที่เปิด google Map บอกทางทิ้งไว้แล้วเติมแบตได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเกินคาดหวัง อาจจะแนะนำว่าใครใช้จริง คงต้องหาสายชาร์จที่สั้น ๆ ก็จะไม่รุงรังตอนเสียบชาร์จ
อีกจุดหนึ่งนั่นก็คือ U-box ช่องเก็บของขนาด 30 ลิตรใต้เบาะ พอเปิดออกพบว่ามีความร้อนอบอวลอยู่พอประมาณ อาจจะเพราะเราเดินทางเป็นระยะยาว ขี่ตากแดด มาด้วย ถ้าให้แนะนำก็เลี่ยงสิ่งของที่จะมีผลต่อความร้อนในการเก็บใต้เบาะ แต่ใช้งานปกติก็ไม่ต้องกังวลอะไร
ถึงจุดหมาย
จากนี้เดินทางกันต่อ จะเป็นเส้นทางซึ่งถือเป็นปลายทางของเรา ที่เขาแผงม้า วังน้ำเขียว นครราชสีมา จะเป็นเส้นทาง ลาดชัน สลับกับทางโค้งของช่วงเขาไฮสปีด สลับกัน จวบจนมาถึงเส้นทางลาดชัน แต่เป็นเส้นทาง ขรุขระ หินใหญ่ สลับฝุ่นดิน ก็ถือว่าได้ลองอัตราเร่งกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็สามารถทำได้ตามโจทย์เป็นอย่างดี นอกนั้นก็จะมีแต่ฝุ่นดินที่เลอะเทอะเพียงเท่านั้น
พอเราผ่านมาจนถึงที่หมายของ เขาแผงม้า ก็เหมือนได้ทำการฟอกโอโซนเข้าปอด ชวนได้สดชื่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสุขของการได้ขี่รถท่องเที่ยว และสำหรับไฮไลท์ของเขาแผงม้า นั่นก็คือการมองชมกระทิง ซึ่งเราไม่ได้ชมกระทิงขอสารภาพ เพราะกระทิงจะออกมาในช่วงเช้าและช่วงก่อนตะวันตกดิน แต่ก็ถือว่าได้เดินทางมาถึงอย่างที่ใจคิด แค่นี้ก็ดีแล้ว (เข้าข้างตัวเอง)
สรุปการเดินทาง
กลับมาที่ข้อสงสัยของเราตั้งแต่ต้นทริป ด้วยระยะการเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร สรุปได้อย่างนี้ ในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ หายห่วง ความเร็วปลายที่ 100 นิด ๆ สำหรับคนหนัก 80 กก. ช่วงล่างนั้นผ่านเส้นทางที่แตกต่างกัน เอาอยู่ ไม่ได้ส่งแรงสะท้านขึ้นมาที่มือมากมาย และไม่ได้รู้สึกว่าหน้าเบาและชวนให้ขับขี่ไม่มั่นใจซักเท่าไร สำหรับการเดินทางไกลก็จะมีติดช่วงของระยะการวางเท้า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับช่วงขาของผู้ขับขี่ ซึ่งก็น่าจะแตกต่างกันตามแต่ละคนกันไป ในส่วนของออฟชั่นที่ให้มาใช้งานได้จริง และรูปลักษณ์นั้นถือว่าถูกใจเราเลยนะ เพราะใช้เดิม ๆ ก็ไม่เลว หรือจะไปทางแต่งอันนี้ก็เพิ่มนิดเติมหน่อยน่าจะได้หลายแนวอยู่ โดยที่ New Honda Giorno+ มีให้เลือกสองรุ่นย่อย คือ1.รุ่น ABS ราคา 66,900 บาท 2.รุ่น CBS ราคา 61,900 บาท
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ภาพ : ฝ่ายภาพ GRANDPRIX
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th