เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีการโฆษณาลงในเฟสบุ๊ค ซึ่งเห็นผ่านตาบ่อยครั้ง และค่อนข้างกังวลใจถึงขนาดจำเป็นต้องออกมาเขียนเตือน! เจ้าอุปกรณ์ที่พูดถึงนี้คือ “หัวเสียบเข็มขัดนิรภัยเพื่อตัดเสียงเตือน” จะว่าไปแล้วขอชมว่าฉลาดในการหาช่องว่างในการทำตลาด แต่โง่มากที่ทำอุปกรณ์แบบนี้ออกมาเพื่อเปิดประตูต้อนรับความตาย แถมยังมีคนคล้อยตามให้ความสนใจสั่งจองกันอีกต่างหาก..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย?

อุปกรณ์ที่พูดถึงนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวล๊อคเข็มขัดนิรภัยที่ติดตั้งมาในรถ เพียงแต่ใช้เสียบล๊อคซ้ำลงไปเพื่อไม่ให้สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยดังเท่านั้น ทั้งที่สัญญาณเตือนนั้นทำเพื่อความปลอดภัยและการคาดเข็มขัดนิรภัยถือเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ แถมผู้ใช้รถกลับไม่ให้ความใส่ใจและให้ความสำคัญเรื่องของความปลอดภัย เพียงเพราะคิดว่า “ขับไปแค่นี้ไม่ต้องคาดก็ได้” , “รำคาญเสียงเตือน”, “คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วอึดอัด”, “ขับช้าๆ จะคาดทำไม”, “รถติดอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องคาดเลย” ฯลฯ หลากหลายเหตุผลทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ในมุมหนึ่งสังคมกำลังพยายามสร้างความปลอดภัย แต่อีกมุมหนึ่งกลับละเลยเรื่องความปลอดภัย เพียงเพราะความรำคาญ

คำว่า “ไม่เห็นจะเป็นอะไร” สร้างความสูญเสียมาแล้วมากมาย นึกง่ายๆ ว่า หากเกิดอุบัติเหตุจะมีความสูญเสียอะไรบ้าง อย่างแรกแน่นอนว่าสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และสิ่งที่ตามมาคือ ต้นทุนทั้งค่าแพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ภัย ค่าความเสียหายของรถยนต์ ฯลฯ ทั้งๆ ที่ค่ายรถต่างๆ พยายามที่จะสร้างรถยนต์ออกมาให้ปลอดภัยที่สุด แต่ผู้ใช้กลับละเลยเพียงความรำคาญเท่านั้น อย่างนี้จะโทษใครดีหากมีอะไรเกิดขึ้น และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

ถ้าเข็มขัดนิรภัยไม่จำเป็น ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายจะผลิตมาเพื่ออะไร..เค้าสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัย แต่คนใช้รถกลับละเลย

โตๆ กันแล้ว ถ้ามีความคิด ก็น่าจะคิดได้ว่าควรต้องทำอย่างไร? ควรสนับสนุนอุปกรณ์แบบนี้หรือไม่? หรืออยากเสี่ยงกับความตาย? ถ้าคิดว่ามันคุ้มกับการที่เอาชีวิตมาแลกกับอุปกรณ์ตัดเสียงเตือนราคาไม่กี่ร้อยบาทก็ลองคิดดูแล้วกัน

*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

เรื่อง: พุทธิ  ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th