อาวดี้ คว้า 5 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2020
The Best Hatchback Under 1,500 c.c.
Audi A1 Sportback 35 TFSI S Line
งาน Thailand Car of The Year 2020 นี้ ยังคงเป็นอีกหนึ่งเวทีสำหรับค่าย Audi เพื่อแสดงจุดยืนการทำตลาดในเมืองไทยอย่างชัดเจน ด้วยยอดยนตรกรรมที่ส่งเข้าประกวด และสามารถคว้ารางวัลไปครองได้อย่างง่ายดาย ประเดิมด้วยผลงานของน้องเล็กสุดในค่าย Audi A1 Sportback 35 TFSI S Line เจ้าของรางวัล The Best Hatchback Under 1,500 c.c. ด้วยคุณสมบัติที่สร้างความประทับใจต่อคณะกรรมการ
โดยเริ่มต้นตั้งแต่งานดีไซน์รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ลงตัวกับสไตล์ของตัวถังแบบ Hatchback ที่มีการเสริมด้วยชุดตกแต่งภายนอกแบบ S Line ส่วนภายในยังคงมากับออปชันความสะดวกสบายเต็มพิกัด ตามมาด้วยไฮไลต์ด้าน “สมรรถนะ” ที่ไม่ธรรมดา ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยตรงแบบ Direct Injection และระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จที่สร้างสรรค์เรี่ยวแรงสูงสุดมาให้ใช้ถึง 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตรในรอบต่ำ ส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด ที่มากับระบบเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select
โดยมีการการันตีความเร้าใจเอาไว้ จากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ในระดับ 222 กม./ชม. ทั้งยังรวมไปถึงความเต็มอิ่มกับอารมณ์สปอร์ตในการควบคุมผ่านระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ระบบช่วงล่าง และล้ออัลลอยที่มากับขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/40R18 ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้ความมั่นใจจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานแบรนด์ Audi ที่ประกอบด้วย ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ไปจนถึงตัวช่วยสำหรับการเพิ่มศักยภาพใน การขับขี่ เช่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบควบคุมกำรทรงตัว ESC (Electronic Control System with Stabilization Function), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist) และเซ็นเซอร์หน้า-หลัง ที่มาพร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
The Best Mid-size Sedan Under 2,000 c.c.
Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro
Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro คืออีกหนึ่งความยอดเยี่ยมที่ คว้ารางวัล The Best Mid-size Sedan Under 2,000 c.c. กลับบ้านไปครองด้วยความสามารถในการมัดใจคณะกรรมการทันทีที่พบเจอ จากรูปลักษณ์ที่ดีไซน์โดยนำเสนออารมณ์ความสปอร์ตผสมผสานความหรูหรา ตลอดจนลงตัวกับอรรถประโยชน์ใช้สอยในรูปแบบของยนตรกรรม 4 ประตู ซีดาน ที่เพียบพร้อมด้วยออปชันอำนวยความสะดวกสบายตามมาตรฐานยนตรกรรมขนาดกลาง นอกเหนือจากคุณสมบัติดังกล่าว ความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีในการสร้างสมรรถนะ คือประเด็นที่คณะกรรมการสนใจ
โดย Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro นั้น มากับเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid (MHEV) แบบ 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตรพร้อมการติดตั้งระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยฉีดตรง Direct Injection และเสริมกำลังด้วยเทอร์โบชาร์จ ในการสร้างฝูงม้าเยอรมันถึง 245 ตัว พร้อมแรงบิดสูงถึง 370 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติS tronic 7 สปีด สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro อันเลื่องชื่อ พร้อมมีระบบเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select ไว้ให้เลือกปรับเปลี่ยนอิริยาบถในการขับขี่ ก่อนปิดท้ายความเร้าใจด้วยตัวเลขอัตราเร่ง จาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ทำได้ถึง 250 กม./ชม.
และนั่นมากพอที่จะสร้างรอยยิ้มได้ในทุกครั้งเมื่อกดคันเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือแรงตอบสนองที่ดีหากต้องการเร่งแซง ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ก็สามารถมอบความไว้วางใจได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยการกระจายแรงขับเคลื่อนอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างการทรงตัว และการยึดเกาะถนนสูงสุด จนไม่น่าแปลกใจที่ข้อสอบในโจทย์ Slalom และ Handling จะถูกจัดการอย่างง่ายดาย ด้วยการควบคุมที่เฉียบคม และเชื่องมือ
เสริมด้วยความมั่นใจจากยางขนาด245/45R19 ที่สวมอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ตลอดจนตัวช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบดิสก์เบรก 4 ล้อที่มากับระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Control System with Stabilization Function) ซึ่งทั้งหมด คือ สิ่งที่ช่วยยกระดับความยอดเยี่ยมให้กับ Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro ก้าวสู่ความเหมาะสมกับความเป็นที่สุดในรุ่นอย่างไม่มีใครปฏิเสธได้
The Best Luxury Car Under 3,500 c.c.
Audi A8 L 55 TFSI Quattro Prestige
สำหรับรางวัล The Best Luxury Car Under 3,500 c.c. ของ “สายหรู” คงจะไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่า Audi A8 L 55 TFSI Quattro Prestige ยนตรกรรมซีดานขนาดใหญ่ ภายใต้ส่วนผสมการออกแบบที่ลงตัวระหว่าง “ความหรูหรา” และ “ความสปอร์ต” ที่ถูกเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ครบถ้วนด้วย “ออปชัน” สิ่งอำนวยความสะดวกสบายอันโดดเด่น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ สมฐานะของโมเดลท็อปสุดในอนุกรม A8
เช่นเดียวกับความสามารถในการสร้างความเร้าใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากขุมพลังเบนซิน MHEV Mild Hybrid แบบ V6 สูบ พิกัด 3.0 ลิตร พร้อมติดตั้งการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection และระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ เพื่อให้กำเนิดพละกำลังสูงสุดระดับ 340 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 500 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,370 รอบต่อนาที
รับหน้าที่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Tiptronic ที่มาพร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro และมาพร้อมกับการปรับเซตอย่างลงตัว ในความเฉียบคมของระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้า และระบบช่วงล่างแบบ Adaptive Air Suspension ที่คณะกรรมการเคยได้สัมผัสกันมาแล้วในปีที่ผ่านมา จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นใน“สมรรถนะ” และผ่านบททดสอบแห่งงาน Thailand Car of The Year 2020 ไปอย่างไร้ข้อสงสัย
ตั้งแต่ด่านทดสอบอัตราเร่ง กับตัวเลข 0-100 กม./ชม. ที่เคลมจากโรงงานมาให้ใน 5.7 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดนั้น ทำได้ที่ 250 กม./ชม. อีกทั้งความเฉียบคมในการตอบสนองที่สร้างความคล่องตัวในระดับผิดกับขนาดตัวรถ ก็ผ่านโจทย์ยากในเรื่องของ Slalom และ Handling ไปในเวลาอันรวดเร็ว
และด้วยความมั่นใจจากเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกสถานการณ์ เช่น ระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง Audi Hold Assist, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Anti-Slip Regulation) และระบบควบคุมการทรงตัว ESC ตลอดจนระบบอำนวยความสะดวกสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่ประกอบด้วย ระบบเซ็นเซอร์หน้า, หลัง และด้านข้างทำงานร่วมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจอด
The Best Roadster
Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line
“รถสปอร์ต” คือความฝันอันสูงสุดของใครหลายคน แต่จะสุดยิ่งกว่า เมื่อเป็น Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line ยนตรกรรมสปอร์ต “เปิดประทุน” ที่คว้ารางวัล The Best Roadster ในปีนี้ไปครอง ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงหนึ่งเดียวกับการพกพาคุณสมบัติของ Roadster
ที่ยอดเยี่ยมมาให้คณะกรรมการได้สัมผัส
ตั้งแต่ความเฉียบคมของงานดีไซน์ที่สะกดสายตา ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดหลังคาเสริมด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ลงตัว เช่น ชุดหลังคาผ้าสีดำควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า, ชุดไฟหน้าสุดล้ำแบบ LED เช่นเดียวกับชุดไฟ Daytime ก่อนจะปิดท้ายด้วยความหล่อเหลาจากชุดตกแต่งภายนอกแบบ S Line เพื่อนำเสนอความสปอร์ตที่เกิดขึ้นจากขุมพลังใต้ฝากระโปรงหน้ากับเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ติดตั้งระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ระบบอัดอากาศ Turbocharge และระบบหล่อเย็นด้วยอากาศ
โดยพละกำลังสุทธิของ Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line จะอยู่ที่ 230 แรงม้า และแรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ออกฤทธิ์ได้ตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที จากการส่งกำลังของเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 6 สปีด พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select ภายใต้ความดุดัน และมั่นใจจากการควบคุมของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ตลอดจนระบบช่วงล่างแบบ Sports Suspension และชุดพวงมาลัย แบบเพาเวอร์ไฟฟ้า โดยความมันส์ที่ว่านั้นรับรองด้วยตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที และความเร็วสูงสุดคือ 250 กม./ชม.
ตามด้วยการยกระดับสมรรถนะจากตัวช่วยสำคัญต่างๆ เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Control System with Stabilization Function เพื่อให้ยางขนาด 225/50R17 ที่รัดอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ได้แสดงความสามารถในการรองรับพละกำลัง จากทุกด่านทดสอบด้วยศักยภาพสูงสุด และนั่นทำให้ Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line คือยนตรกรรมอีกหนึ่งรุ่นที่ปรากฏกายอยู่ในสนามทดสอบบ่อยที่สุด จนได้มาซึ่งรางวัล The Best Roadster ในปีนี้
The Best Riding Quality Stationwagon
Audi A6 Avant 45 TFSI Quattro S Line Black Edition
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งผลงานกับรางวัล The Best Riding Quality Stationwagon ซึ่งถูกครอบครองโดยสมาชิกลำดับล่าสุดในอนุกรม A6 Avant ในรูปแบบตัวถัง Stationwagon ที่ผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราได้อย่างลงตัว พร้อมการต่อยอดความพิเศษขึ้นไปอีกขั้น จากการตกแต่งในสไตล์ S Line ไปสู่ฐานะ Black Edition อันโดดเด่นในทุกมุมมองกับการเลือกใช้โทนสีดำเข้ามาเป็นส่วนประกอบ เพื่อเสริมความดุดัน เช่นเดียวกับที่ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R19 มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ขณะการตกแต่งภายในยังคงมากับอารมณ์สปอร์ต จากการตกแต่งแบบ S Line เช่น เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ส่วนออปชันมาตรฐานสุดล้ำสมัยก็ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3 นิ้ว, ระบบ MMI Navigation Plus with MMI Touch Response พร้อมจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว, ระบบ Audi Smartphone Interface ควบคุมผ่านจอมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัส ตอบสนองการสั่งงานแบบ Haptic Feedback ขนาด 8.6 นิ้ว ไปจนถึงชุดเครื่องเสียงพรีเมียมจากแบรนด์ Bang & Olufsen ระบบเสียง 3 มิติ และความอเนกประสงค์ด้วยห้องเก็บสัมภาระขนาด 565-1,680 ลิตร ที่มาพร้อมกุญแจแบบ Comfort key เปิด-ปิด บานประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ
ส่วนสิ่งที่ทำให้ Audi A6 Avant 45 TFSI Quattro S Line Black Edition ชนะแบบขาดลอยก็คือ สมรรถนะที่สร้างบุคลิกสุขุม และดุดัน จากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid (MHEV) แบบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยตรงแบบ Direct Injection และเสริมแรงด้วยเทอร์โบชาร์จ จนได้พละกำลังสูงสุด 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร
ถ่ายทอดเรี่ยวแรงโดยเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีด สู่เสถียรภาพที่มั่นคง ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Quattro ทั้งยังยกระดับอารมณ์การขับขี่ด้วยระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้าที่เฉียบคม ผสมกับระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต และฟังก์ชันเลือกโหมดการขับขี่ Audi Drive Select
ที่ประกอบกัน สร้างความเร้าใจจากตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที กับความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.
โดยองค์ประกอบด้านสมรรถนะของ Audi A6 Avant 45 TFSI Quattro S Line Black Edition ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ เรือนร่างหล่อเหลาราวสุภาพบุรุษ ได้กลายเป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้กับคณะกรรมการที่ต่างก็ชื่นชมในงานดีไซน์และนำไปสู่การทดสอบต่างๆ ภายใต้ความไว้วางใจในสมรรถนะ โดยมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Quattro คอยจัดสรรพละกำลังให้เหมาะสมในทุกสถานการณ์การขับขี่
พร้อมด้วยตัวช่วยสำคัญ เช่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System), ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Control System with Stabilization Function) รวมถึงเซ็นเซอร์ ด้านหน้าและด้านหลัง สำหรับช่วยในการนำรถเข้าจอด ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด ซึ่งทำให้ Audi A6 Avant 45 TFSI Quattro S Line Black Edition เป็นยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะในวันที่ต้องการความเร้าใจ หรือในวันสบายๆ และเหมาะสมกับรางวัล The Best Riding Quality Stationwagon อย่างแท้จริง