ฟอร์ด แนะ 5 เคล็ดไม่ลับ-ขับรถบนทางด่วนอย่างมั่นใจ และปลอดภัย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอเชีย กลายเป็นทวีปที่มีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน คนใช้รถจำนวนมากจึงเริ่มหลีกเลี่ยงถนนหลักในเมือง และหันมาใช้ทางด่วนมากขึ้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนมากที่ขับบนทางด่วนมักจะเป็นรถรุ่นใหม่ และขับเร็วกว่ารถบนทางธรรมดา
อย่างไรก็ตามทักษะการขับขี่ และความรู้การขับรถอย่างปลอดภัยอาจไม่สามารถพัฒนาได้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงด้านระบบคมนาคมขนส่ง หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยกับการขับรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วสูง
ฟอร์ด ขอแนะนำ 5 วิธีที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ขับรถบนทางด่วนได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจ
• สังเกตความเร็วที่กำหนด
ตามปกติตัวเลขจำกัดความเร็วบนทางด่วน มักสูงกว่าความเร็วที่ใช้กับถนนหลักในเมืองหรือเส้นชนบท ในประเทศไทยการจำกัดความเร็วบนทางด่วนในเขตเมือง จะต้องไม่เกิน 80 กม./ชม. และไม่เกิน 110 กม./ชม. สำหรับทางด่วนนอกเขตเมือง
นอกจากการจำกัดความเร็วบนทางด่วนจะเป็นตัวเลขที่บอกถึงความเร็วที่คุณสามารถขับได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังทำให้การจราจรมีความคล่องตัว และช่วยเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย
• เว้นระยะห่างให้เหมาะสม
ขณะขับรถควรเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัยเสมอ ลองใช้กฏ 2 วินาทีซึ่งก็คือ เมื่อรถคันข้างหน้าวิ่งผ่านวัตถุ เช่น ต้นไม้ ที่อยู่ข้างหน้า หากคุณใช้เวลา 2 วินาทีในการผ่านวัตถุเดียวกันนั้นไป นั่นหมายความว่าคุณขับขี่ในระยะห่างที่ปลอดภัย
รถยนต์รุ่นใหม่อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์* และฟอร์ด เรนเจอร์* ที่มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ ช่วยลดอัตราการชนท้าย และการชนคนเดินถนนลง รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ก็เป็นตัวช่วยในการรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าได้อย่างคงที่ขณะขับรถบนทางด่วน
• ระมัดระวังตลอดเวลา
ขณะขับรถบนทางด่วน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองทางข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คุณรับรู้อยู่ตลอดว่าทางข้างหน้ามีอะไรบ้าง หากทัศนวิสัยของคุณถูกจำกัด เช่น ขับรถท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย การขับรถตามหลังรถขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุกหรือรถประจำทาง คุณควรเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าให้มากกว่าเดิม อาจเพิ่มระยะห่างจากกฎ 2 วินาที เป็น 3-4 วินาทีเลยก็ได้ อย่างน้อยที่สุดคุณต้องมองเห็นสิ่งที่อยู่เลยรถคันข้างหน้า
• ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
การขับรถแซงมักเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะขับขี่บนทางด่วน แต่ต้องแน่ใจทุกครั้งว่าคุณไม่ได้แซงในบริเวณที่ห้ามแซง และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย ขณะเร่งความเร็วเพื่อขึ้นแซงคันข้างหน้า ควรท่อง 3 คำนี้ไว้ให้ขึ้นใจ “มองกระจก ให้ไฟสัญญาณ เปลี่ยนเลน” ซึ่งหมายความว่าให้มองกระจกเพื่อดูรถคันข้างหลัง และคันข้างๆ จากนั้นเปิดไฟเลี้ยวเพื่อให้สัญญาณ แล้วค่อยขับแซงขึ้นมาอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้คุณควรเหลียวมองด้านหลังเพื่อตรวจสอบรถในจุดบอด (พื้นที่ที่มองไม่เห็นด้วยกระจก) ให้แน่ใจทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน
• หยุดรถอย่างปลอดภัย
การจราจรบนทางด่วนมักมีความคล่องตัว และรถส่วนใหญ่มักจะใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ การหยุดรถกลางทางจึงเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หากคุณต้องการจอดรถ ให้มองหาทางออกที่ใกล้ที่สุด และหาที่จอดรถที่ปลอดภัย
ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถยนต์มีปัญหา ลองขับเบี่ยงออกไปจอดข้างทางตรงที่รถผ่านไปมาน้อยๆ เปิดไฟฉุกเฉิน และวางป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินให้ห่างจากรถของคุณประมาณ 50 เมตร เพื่อเตือนให้รถคันข้างหลังเห็นว่ารถของคุณกำลังจอดอยู่ ควรมีหมายเลขติดต่อหน่วยกู้ภัยหรือศูนย์บริการรถยนต์ในพื้นที่ ติดไว้ในรถเสมอ เพื่อโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
*มีในเฉพาะบางรุ่น เทคโนโลยีเป็นเพียงตัวช่วยในการขับขี่ ไม่ได้มาแทนที่ความสามารถ การตัดสินใจ และความต้องการในการควบคุมยานพาหนะของผู้ขับขี่แต่อย่างใด ระบบอาจไม่ทำงานที่ความเร็วบางระดับ หรือในบางสถานการณ์การขับขี่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสภาพอากาศ
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฟอร์ด (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th