ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดปีมาแบบไม่รอใครพร้อมเปิดตัวรถยนต์ All-new Suzuki Ertiga ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 หลังจากที่มีการเปลี่ยนแผนไปจากตอนแรกที่จะนำเข้ามาขายในปี 2018 แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเพราะที่ประเทศอินโดนีเซียมียอดจองสูงจึงทำให้ประเทศไทยยังไม่ได้โควต้านำเข้ามาขายเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้เปิดปีมาก็จัดก่อนเพื่อนเลยครับสำหรับ All-new Suzuki Ertiga โดยสีที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์คาดว่าจะเป็นสีแดงสวย หรู มีสไตล์ แน่นอน

เรามาดูข้อมูลของเจ้า All-new Suzuki Ertiga กันคร่าวๆก่อนดีกว่าครับ All New Suzuki Ertiga (ออล นิว ซูซูกิ เออร์ติก้า) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่ม MPV 7 ที่นั่งรถประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทย และตลาดของรถยนต์ในเซ็กเมนท์นี้ก็มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งดูจากค่ายรถใหญ่ๆหลายค่ายต่างนำรถยนต์ประเภทนี้มาเปิดตัวขายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Honda Mobilio, Toyota Sienta และล่าสุดน้องใหม่มาแรงอย่าง Mitsubishi Xpander ซึ่งบอกเลยว่าการมาของ All-new Suzuki Ertiga  น่าจับตามองมากครับเพราะมาที่หลังเพื่อนแน่นอนต้องมีทีเด็ดมาสู้ไม่น้อยหน้าค่ายอื่นๆ

เอาละเรามาดูภายนอกกันก่อนเลยว่า All New Suzuki Ertiga (ออล นิว ซูซูกิ เออร์ติก้า) แน่นอนครับมันเป็นรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่ม MPV 7 ที่นั่ง เหมือนเดิม และก็นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซียเช่นเดิม เพราะรถยนต์เซ็กเม้นท์นี้ฮอตฮิตมากในประเทศอินโดนีเซีย และสำหรับเจ้า All New Suzuki Ertiga นี้เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม HEARTECT (ฮาร์ทเทค) โครงสร้างน้ำหนักเบาลง ความแข็งแรงมีมากขึ้น ซึ่งรุ่นเก่าไม่มีเทคโนโลยีนี้ครับ

รูปร่างหน้าตาโดยรวมของ All New Suzuki Ertiga มีความภูมิฐาน เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะหน้าตารุ่นเก่าจะออกไปทางวัยรุ่นหน่อยและสปอร์ตกว่า รุ่นใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในทุกมิตินะครับ

มิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4,395 x 1,735 x 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ : 2,740 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 180 มิลลิเมตร ที่เก็บสัมภาระขนาด 153 – 803 ลิตร (เมื่อพับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ลง)

เมื่อเทียบกับ Suzuki Ertiga รุ่นเดิม ที่มีขนาด  4,265 – 4,325 x 1,695 x 1,685 มิลลิเมตร พบว่า All NEW Ertiga รุ่นใหม่ยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อเท่าเดิม

อุปกรณ์ภายนอกที่ให้มาหรูหราขึ้นความเดิมอัพเกรดดีไซน์กระจังหน้า และเส้นสายด้านข้างตัวรถให้มีความหรูหราโดดเด่น ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันทั้งไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์, ไฟท้าย LED Tube , ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว ยาง 185/65/15 ดีไซน์ใหม่ดูหรูหราขึ้น , ระบบเปิด-ปิดประตูอัจฉริยะ และสัญญาณเซ็นเซอร์ 2 จุดเตือนเวลาถอยหลัง

ภายในให้สีเบจ เลือกการตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ที่คอนโซลหน้าไหลเชื่อมต่อที่ประตูข้างและพวงมาลัย เบาะที่นั่ง 3 แถว เบาะแถวสองสามารถพับได้ 60/40 เบาะแถวสามพับได้ 50/50 ความจุสูงสุด 803 ลิตร ให้จุดเชื่อม

เครื่องยนต์ใหม่ รหัส K15B เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  ขนาด 1,462 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 104.7 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะต่อไฟแถวสอง มีกิมมิคเล็ก ๆ อย่างที่วางกระป๋องในคอนโซลกลางมีช่องแอร์เป่าให้เย็น

ช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ระบบดิสก์เบรก ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง ระบบดรัมเบรก ระบบความปลอดภัยให้ชุดถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรกกันล้อล็อก ABS, กระจายแรงเบรก EBD ช่วยการทรงตัว ESP และจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX

ส่วนเรื่องราคาคงไม่หนีจากราคาเดิมเท่าไหร่นักเรามาลุ้นราคากันในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 ที่จะถึงนี้ดีกว่าว่าราคาเปิดมาจะน่าโดนขนาดไหน

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th