เที่ยวป่า โอเพ่น ฝ่าวิกฤตมหาโหด หนุ่มเมืองหมูย่างกระโดดคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
เที่ยวป่า โอเพ่น ฝ่าวิกฤตมหาโหด หนุ่มเมืองหมูย่างกระโดดคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
รุ่นเที่ยวป่า โอเพ่น ปีนี้ถือว่าหนักและโหดสุดๆ แม้จะมีการกำหนด SS เอาไว้เพียงแค่ 8SS ก็ตาม เส้นทางการแข่งขันมีความหลากหลาย ความยากของอุปสรรคไม่แพ้ในรุ่น Super Open โดยเฉพาะก่อนแข่งขัน รวมทั้งช่วงแข่งขันฝนเทลงมาอย่างหนัก ตามหลุม บ่อต่างๆ เต็มไปด้วยน้ำ จนแทบมิดรถทั้งตัน ดังนั้นรถต้องพร้อม ทีมงานต้องแกร่ง และต้องบวกกับโชควาสนาต้องมาควบคู่กันไปด้วย
รูปแบบการแข่งขันของรุ่นเที่ยวป่าโอเพ่นกับรถการ์ตูนหรือ Super Open นั้น แทบไม่แตกต่างกัน ในบาง SS ดูจะหนักกว่ารุ่นใหญ่อย่าง Super Open เสียอีก วันแรกแข่งขันจำนวน 2 SS ส่วนวันที่สองของการแข่งขัน คือวันที่ 20 พฤษภาคม 2560 แข่งแบบเต็มสูบอีก 4 SS จบการแข่งขันครบ 6 SS รถหมายเลข 62 ศักดิ์ชัย พงศ์ภัณฑารักษ์/ชูศักดิ์ ศรีสุข ทำคะแนนรวมนำโด่งมาเป็นอันดับ 1 พลาดท่าไปเพียงเลคที่ 3 หรือ SS5-6 ที่ถูกรถหมายเลข 35 เมธาสิทธิ์ คงอินทร์/วุฒิพันธ์ ชวศิลป เบียดเข้าป้ายเก็บไป 31 คะแนน
อย่างไรก็ตามในรุ่นนี้ ที่น่าจับตามองอีกคัน เป็นสาวสวยจอมบู๊จากพัทยา สกุณา บุญเผือก/มงคล เพียรดี รองแชมป์เมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ยังแรงไม่ตก ทำคะแนนตามหลัง ศักดิ์ชัย พงศ์ภัณฑารักษ์ มาไม่ห่างเท่าไรนัก โดยมีรถหมายเลข 80 พรเทพ เปมายน/วรชัย อิสระ และรถหมายเลข 63 อธิรัตน์ นวลใย/วันชัย แก้วสุวรรณ นักแข่งมือดีจากทีมพระแสงออฟโรด จ.สุราษฎร์ธานี ตามหลังมาห่างๆ
กระทั่งการแข่งขันเข้าสู่เลคที่ 4 ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการสปินต์หรือการแข่งขันแบบใช้ความเร็ว เพื่อหารถที่ทำคะแนนดีที่สุดเพียงสองคัน เข้าไปสู่รอบตัดสินแชมป์และถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวี ปรากฏว่าสาวสวยอย่าง สกุณา บุญเผือก/มงคล เพียรดี โชว์ฟอร์มเทพฝ่าด่านชายอกสามศอกทั้ง 20 กว่าคัน คว้าไป 200 คะแนนเต็ม และเมื่อแปลงเป็นคะแนนในเลค 4 แล้วเธอคว้าไป 30 คะแนนเต็ม แถมด้วยโบนัสอีก 2 คะแนน ขยับคะแนนจี้ก้นเต็งแชมป์อย่าง ศักดิ์ชัย พงศ์ภัณฑารักษ์ มาไม่ห่างนัก
อย่างไรก็ตามในรอบชิงแชมป์ประจำปี แม้ว่าสาวสวยจากพัทยาจะมาดีเหลือเกิน แต่ก็ไม่ดีพอในการก้าวขึ้นเป็นนักแข่งหญิงคนแรกของเมืองไทย ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ เนื่องจาก ศักดิ์ชัย พงศ์ภัณฑารักษ์ ตุนคะแนนเอาไว้จากในการแข่งขันประเภท Chalenge ค่อนข้างห่างจากคู่แข่งพอสมควร แถมในการแข่งขันในสปิ้นต์ก็ยังทำได้ดี เข้าป้ายมาในเลคที่ 4 เป็นอันดับ 2 ส่งผลให้หนุ่มจากเมืองตรัง หวนกลับมาผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
OFF ROAD CLUB TEAM มิตรภาพยิ่งใหญ่กว่าการแข่งขัน
เป็นปีที่สองที่ทางนิตยสารออฟโรด จัดให้มีการแข่งขันในรุ่นประเภททีม หรือ OFF ROAD CLUB TEAM แบบเต็มรูปแบบ หลังจากได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีเมื่อปีก่อน ถือเป็นรุ่นที่มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ และและเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากมิตรภาพระหว่างชมรมต่างๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ที่ร่วมกันสานสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว
ในปีนี้มีรถแข่งเข้าร่วมทั้งหมด 14 ทีม จาก ฅนรักเฮีย, เหมืองหินบำรุง NB Garage 4×4 WISE Racing DIL คนซ่อมวินซ์, ยุทธหัตถี อึ๋งง่วนไต๋สุพรรณบุรี, ก้านกล้วยอะไหล่เชียงกง สุธาวุฒิเอ็นจิเนียริ่ง KCY 4×4 หจก.บัชวอเตอร์ทีม, พัทยา คลับ, ท้ายขบวนยูนิคอร์น นเรศวร ลาดหญ้าน้ำแข็งหลอด ตัวดี กาญจนบุรี, ทีมช่างเล็ก 4×4 มะขามเดี่ยวออฟโรด รวมเพื่อนออฟโรด, OFF ROAD TRAINING, UPLANK. TRUCKER. เสือสยาม. T.เซอร์วิส. ทีม, ทีม สยามตาก สมุยขนส่ง เคเอส โรบัส ใจกว้างยานยนต์ เฮาส์ เซอร์วิส น้ำดื่มเนปจูน 22นอ, มหาชัยออฟโรด Team, 44×4 Bigfoot Shop
, นครหลวงโภชา เอกชัยเชียงกง หนึ่งเซอร์วิส กาญจนบุรี, KIA WEEKEND BY ยุทธเจริญยนต์
ปีที่แล้วถือเป็นการชิมลาง และประสบความสำเร็จอย่างสูง มากที่สุด หากมองในเรื่องของเกมการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกชมรมออฟโรดและขาป่าอย่างล้นหลาม รวมทั้งการนำรถเกือบจะเดิมๆ ปรับแต่งเพียงเล็กน้อยมาลงสร้างสีสันในงานนี้ด้วย ก่อเกิดมิตรภาพที่งอกงามขึ้นกลางสนามของกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ
แต่ปีนี้ถือว่าเป็นการจัดแข่งขันแบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะสนามแข่งขันที่เมความยากมากยิ่งขึ้น และยิ่งยากเข้าไปอีก เนื่องจากสนามแข่งขันที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ กลายเป็นบ่อโคลนและบ่อน้ำลึก ดินที่ชุ่มน้ำกลายเป็นดินฟูและดินหนังหมู เพิ่มความยากเข้าไปอีกเท่าตัว แถมปีนี้เป็นการแข่งขันแบบปล่อยทีละทีม ในเส้นทางสไตล์ Challenge จำนวน 6 SS แบ่งออกเป็น 3 เลค ทีมใดที่ทำคะแนนรวมทั้ง 3SS ได้ดีที่สุดจะคว้าแชมป์ไปครอง พร้อมเงินจำนวน 50,000 บาท
วันแรกหรือช่วงบ่ายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 เริ่มแข่งขันใน SS1 โดยไฮไลท์อยู่ที่การช่วยกันวินช์รถในทีม 2 คันข้ามลำห้วยที่กว้างประมาณ 10 เมตร จำนวน 2 แห่งด้วยกัน แต่เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อนหน้านี้ ทำให้น้ำค่อนข้างลึกจนมิดกระบะรถที่ใส่ยางขนาด 35 นิ้ว แค่เปิดฉาก SSแรก ก็มีหลายทีม DNF เอาฤกษ์เอาชัยไปก่อน ใน SS1 นี้เป็นรองแชมปืเมื่อปีที่แล้ว ชมรมยุทธหัตถีฯ เก็บคะแนนตุนไว้ก่อน 100 คะแนนเต็ม ตามมาด้วยคนรักเฮีย
ความยากของสนามแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการแข่งขันวันที่สอง ใน SS2 ซึ่งเดิมนั้นเป็นร่องน้ำแห้งกรัง แต่ถึงวันแข่งขันกับเต็มไปด้วยน้ำและดินโคลน SS2 แข่งขันตั้งแต่ช่วงเช้าๆ กว่าจะจบการแข่งขันเวลาก็ล่วงเลยไปจนบ่ายคล้อย ปรากฏว่ามีรถจากทีมแข่งผ่านไปเพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น ที่เหลือยอม DNF รวมทั้งรถหลายๆ คันจอดสนิทและเสียหายอย่างหนัก ทำให้ทางกรรมการผู้ควบคุมการแข่งขัน ต้องขยับปรับเปลี่ยนสนามแข่งขันใหม่ที่เหลืออีก 3SS เพื่อให้ทันกับเวลา โดยหันไปใช้ไลน์ของรุ่น Toyota Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน แทน
ปรากฏว่าอันดับมีการปรับเปลี่ยนเกือบทั้งหมด ยกเว้นผู้นำอย่างทีม ยุทธหัตถี อึ้งง่วนไต๋สุพรรณ ที่ทำคะแนนรวมทั้ง 2 เลค นำมาเป็นอันดับ 1 หายใจรดต้นหายมาติดๆ เป็นตัวเต็งอีกทีมจาก คนรักเฮีย แต่ที่มาแรงแซงทางโค้งก็คือก้านกล้วยอะไหล่เชียงกง สุธาวุฒิเอ็นจิเนียริ่ง KCY 4×4 หจก.บัชวอเตอร์ ที่ SS แบบสปินต์หรือใช้ความเร็ว กระโดดขึ้นมาอยู่ใน 5 อันดับแรกหน้าตาเฉย หลังจากเลคที่ 1 ต้อง DNF ไปทั้ง 2SS
อย่างไรก็ตาม ในSS 6 หรือเลค 3 ทางผู้จัดมีการปรับเปลี่ยนไลน์แข่งขันใหม่ จากที่วางไว้เป็นไลน์สปินต์ เพื่อให้ทันเวลาในการถ่ายทอดสด เปลี่ยนมาเป็นไลน์แบบ Challenge เต็มรูปแบบ ด้วยการวินช์ยาวๆ ในบ่อโคลน ปรากฏว่าทีมแข่งหมายเลข 32 จากยุทธหัตถี อึ๋งง่วนไต๋สุพรรณบุรี ขอ DNF ส่งผลให้ผู้มีคะแนนตามอย่างทีมคนรักเฮีย มีโอกาสสูงในการคว้าแชมป์หากว่าสามารถบ่อโคลนมรณะไปได้ และความฝันของทีมคนรักเฮียก็เป็นจริง เมื่อทั้ง 3 คัน ผนึกพลังจนสามารถทะยานผ่านอุปสรรคอันหฤโหดไปได้ ส่งผลให้คว้าแชมป์ในปีนี้ไปในทันที โดยไม่ต้องดูผลของรถแข่งทีมอื่นๆ
ปิดฉากการแข่งขันแห่งศตวรรษของการแข่งขัน TOYOTA HILUX REVO 10 เซียนประจัญบาน 2017 ชิงความเป็นหนึ่งของอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่และประทับใจ