ซึ่งเป็นรถฟาสต์แบ็ก 5 ประตูออกมา โดยที่คราวนี้เป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนซึ่งทางผู้ผลิตที่แยกแบรนด์มาจาก Volvo ระบุว่ามาเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Tesla Model 3

คุณสมบัติของ Polestar 2 ที่จะใช้เพื่อต่อกรกับ Tesla Model 3 ไม่เพียงดีไซน์ภายนอกในแบบเรียบหรูและล้ำยุคเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่รถยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 78 kWh ที่จะสามารถให้พลังงานสำหรับเดินทางได้สูงสุดถึง 500 กิโลเมตร ขณะที่หน้าที่ในการขับเคลื่อนของ Polestar 2 เป็นของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่สร้างกำลัง 408 แรงม้า แรงบิด 660 นิวตัน-เมตร พร้อมกับให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาไม่ถึง 5 วินาที รวมทั้งใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในการเดินทาง

Polestar 2 ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture ของ Volvo Car Group ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ XC40 แต่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้รองรับ 27 โมดูลแบตเตอรี่แพกต์ที่ถูกติดตั้งอยู่ใต้พื้นห้องโดยสาร รวมไปถึงยังมีการปรับปรุงเพื่อลดทั้งเสียงและการสั่นสะเทือนลงจนทำให้เสียงจากถนนที่เข้าสู่ภายในห้องโดยสารลดลง 3.7 เดซิเบลเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มเดิม สำหรับการออกแบบรถทางหัวหน้านักออกแบบระบุว่าเป็นการพัฒนาเพื่อให้มีความแตกต่างจากรถในเซกเม้นเดียวกัน โดยเป็นการออกแบบต่อยอดจาก Polestar 1 เพื่อให้มีความล้ำหน้าขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ทำให้ภายนอกทั้งด้านหน้าและด้านหลังแม้ไฟหน้าและไฟท้ายจะมีรูปทรงที่ได้รับการออกแบบใหม่ แต่ก็ยังดูมีความเชื่อมโยงกับ Polestar รุ่นแรก นอกจากนี้ยังเพิ่มความแตกต่างที่ภายนอกด้วยการใช้ไฟหน้า Pixel LED กระจกมองข้างไร้กรอบ รวมไปถึงใช้หลังคา Panoramic Glass

อีกความเด่นของ Polestar 2 อยู่ที่ภายในห้องโดยสารซึ่งใช้ระบบ Infotainment จากแอนดรอย์เป็นครั้งแรกในรถยนต์สำหรับการควบคุมการทำงานต่างๆ รวมไปถึงการใช้แอพพ์ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอย์จะพบฟีเจอร์ที่คุ้นเคยอย่าง Google Assistant, Google Maps รวมไปถึง Google Play Store บนจอทัชสกรีนขนาด 11 นิ้ว นอกจากนี้ Polestar 2 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Phone-as-Key ที่ยังสามารถแบ่งปันการใช้รถกับผู้อื่นหรือเป็นเจ้าของร่วมได้สะดวก พร้อมกับมีความล้ำหน้าด้วยการที่รถสามารถคาดการล่วงหน้าจากการขยับตัวของผู้ขับเพื่อเตรียมการทำงานให้พร้อมรองรับการใช้งาน

อย่าคิดว่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแล้วจะไม่มีอุปกรณ์เสริม เพราะ Polestar 2 มีออฟชั่น Performance Pack สำหรับเสริมสมรรถนะในการขับอย่างแดมเปอร์ Ohlins เบรก Brembo และล้ออัลลอยขนาด 20 พร้อมเพิ่มความพิเศษด้วยทั้งเข็มนิรภัยและคาลิเปอร์เบรกสีทอง

Polestar จะเริ่มต้นการผลิตรุ่นที่ 2 สำหรับตลาดโลกในโรงงานที่จีนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 โดยตลาดที่สำคัญถูกระบุว่าอยู่ที่จีน สหรัฐอเมริกา แคนาดา เบลเยียม เยอรมนี เนเธอร์แลแนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร โดยมีการตั้งราคาจำหน่าย First Edition ซึ่งจำหน่ายในปีแรกไว้ที่ 59,900 ยูโร ในเยอรมนี และหลังการอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่เจนีวามอเตอร์โชว์ 2019 ในเดือนมีนาคมนี้แล้วก็จะนำไปโรดโชว์ทั้งที่สหรัฐอเมริกา และจีนตลอดปีนี้

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th