เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก ไซบีเรีย-มอสโก ตอนที่ 1
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนหกโมงเช้า คืนแรกในรัสเซียมันเป็นนอนหลับที่ร่างกายเรียกร้องยังไม่ต้องการให้ผมออกไปสำรวจอะไรที่ไหน ภายหลังที่ต้องใช้เวลาสองวันแรกหมดไปกับการเดินทาง ความเหนื่อยล้าส่งสัญญาณให้ต้องนอนพักเพื่อความสดชื่นในวันนี้ การนอนในภูมิภาคอากาศหนาวระดับติดลบถ้าไม่ได้ฮีตเตอร์ และครีมบำรุงผิว ดูเหมือนว่าคุณยังศึกษามาไม่ดีพอที่จะท้าท้ายมัน เช้านี้ผมใส่อุปกรณ์กันหนาวมาเต็มที่ภายหลังที่ทีมงานมาสด้าแจ้งเรื่องสภาพอากาศการเดินทาง พร้อมกับแจกชุดกันหนาวแบรนด์ดังให้ก่อนหน้าแล้ว เมื่อคืนเป็นการเลี้ยงส่งนักขับกลุ่มที่หนึ่ง ที่ต่างบอกเล่าถึงประสบการณ์สุดขั๋วความสนุกของคาราวาน และสิ่งที่คุณจะต้องเจอที่ไซบีเรียก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงมอสโกตลอด 7 วันนี้ มีพี่คนหนึ่งบอกว่า “ถ้าตำรวจควงกระบองแล้วชี้มาที่รถคันไหน ต้องหยุดและรอให้เจ้าหน้าที่เดินมาหา โปรดอย่าขับหนีโดยเด็ดขาด”ซึ่งผมก็ถามกลับไปว่าแล้วเค้าว่าอะไรมั่ง นอกจากขอดูใบขับขี่สากลแล้วก็ถามทั่วไป แทบจะไม่ได้อะไรกับเรามากเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง คนละภาษา!!! แม้การจราจรที่นี่จะไม่หนาแน่นเหมือนบ้านเราแต่เค้าเคารพกฏกันมาก เหมือนกับสิ่งที่พบเห็นได้ถ้าคนเดินข้ามถนนที่รัสเซียรถต้องหยุด เพราะผู้คนจะไม่หยุดเดินหรือหยุดมองรถ ถ้าเกิดอุบัติเหตุคนขับรถเจอข้อหาหนักมาก
เราขับรถออกนอกเมือง Novosibirsk “โนโวซิบริก” เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง Omsk “อ๊อก” ระยะทาง 700 กม. เป็นการเริ่มต้นวอร์มอัพที่ไม่ธรรมดา เพราะในแต่ละวันที่ต้องขับวันแรกนี้ระยะทางมากที่สุด การขับรถพวงมาลัยขวาของบ้านเราที่ต้องเผชิญกับถนนที่รถพวงมาลัยซ้ายใช้มันขัดกับความคุ้นชิน แต่เรื่องนี้ยกหน้าที่ให้กับทีมงานกำกับดูแลคาราวานของมาสด้าที่นำทางได้อย่างสุดยอด โจทย์ยากคือเมือง รถติด รถเยอะ ต้องรีบพากันออกมาโดยปลอดภัย เพียงไม่ถึงชั่วโมงก็เข้าสู่ถนนทางหลวงสายหลัก เจ้ามาสด้า CX-3 คอมแพคเอสยูวีรุ่นใหม่ของค่ายนี้ก็โชว์สมรรถนะให้เราประทับใจ ที่ว่ารถมาสด้าขับสนุกมันเป็นยังไงงานนี้จะได้รู้ทุกข้อกังขา อย่างแรกกับโจทย์ผู้โดยสาร 3 คน รวมคนขับกับสัมภาระระดับกระเป๋า 24-26 ลิตร ของแต่ละคนจะขนไปได้หมดไหน ใช่ต้องหมดเพราะไม่มีรถขนให้งานนี้สอบผ่านใส่ไปได้สบาย แล้วการที่ต้องแบกน้ำหนักคนและสิ่งของจะขับอืดหรือไม่ ตอบไม่เลยมันยังมีกำลังให้รีดได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งช่วงล่างเจ๋งๆ ที่ต้องรองรับสภาพถนนของประเทศนี้ บางครั้งก็ต้องฝ่าน้ำแข็งลื่นๆ ฟังก์ชั่นความปลอดภัยพวกระบบทรัคชั่นคอนโทลแสดงการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ไม่นานนักเราออกนอกเมืองต้องพบความความแปลกใจสองข้างทางที่เวิงว้างไร้ซึ่งผู้คน และบ้านเรือนมีแต่พื้นที่ว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา นึกในใจประเทศนี้กว้างใหญ่แต่จำนวนคนต่อตร.ม.ไม่มาก ความหนาแน่นส่วนใหญ่อยู่ตามเมืองหลัก เราทบไม่ได้เห็นอะไรนอกจากป่าที่เต็มไปด้วยหิมะเกร็ดน้ำแข็งปกคลุม สภาพถนนระหว่างทางเป็นเลนสวนทั้งหมด มันเหมือนกับทางชนบทในไทย แต่ขับแล้วรู้สึกปลอดภัยกว่า เพราะผู้คนที่ใช้งานถนนเส้นนี้มีไม่มากส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก รถแท๊กซี่ หรือรถตู้ เพราะคนรัสเซียนิยมเดินทางด้วยเครื่องบินโลวคอส หรือรถไฟมากกว่า ขบวนคาราวานจะแวะจอดทุกสองชั่วโมงเพื่อเข้าห้องน้ำระหว่างทาง หรือแวะจิบกาแฟที่ทีมงานขนหม้อต้มน้ำและกาแฟสำเร็จมาแจกจ่ายเติมความสดใสและไออุ่นในมือให้พี่ๆ นักข่าว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเวลานี้มักจะเป็นสภากาแฟพูดคุยกันอย่างออกรส
การเดินทางรูปแบบคาราวานทำให้คนที่ไม่รู้จักกันมาอยู่รวมกันในต่างแดน รักใครกลมเกลียวกันดูแลซึ่งกันและกัน เพราะเราคือสมาชิกคนไทยกลุ่มเล็กๆ ที่จะพากันไปทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่การพิชิตรัสเซียไม่ใช่แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยว แต่เป็นการพิสูจน์ว่ารถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทยมีคุณภาพที่คับแก้ว ส่งไปขายมาแล้วทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นถนนที่ไหน อากาศแบบใดก็สามารถไปได้หมด ไม่เว้นแม้แต่คอมแพคคาร์รุ่นนี้ ใครจะไปคิดว่าการขับรถมาเที่ยวยุโรปมันจะเป็นเรื่องที่สร้างชื่อให้มาสด้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย
บรรยายภาพ อาหารมื้อเที่ยงเลือกได้ตามใจแล้วไปคิดเงินเหมือนในหนังอเมริกันวัยรุ่นตามมหาลัย
พวกเราใช้เวลาไม่นานก็พิชิตไปแล้ว 300 กม. หยุดแวะพักทานอาหารในสไตล์พื้นเมือง มันเป็นจุดพักรถที่มีอยู่ทั่วไปพร้อมร้านอาหารแบบง่ายๆ หยิบๆ มาแล้วคิดเงิน แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะไปอาคารที่ไหนมันอุ่นชะมัดดีกว่ายืนหนาวจิบกาแฟอยู่ข้างรถซะอีก เกือบลืมบอกไป CX-3 และ CX-5 ที่ร่วมคาราวานมามีระบบทำความร้อนหรือฮีตเตอร์ คือเราเปิดแอร์อุณหภูมิสัก 18 องศา ในพื้นที่ 0 องศา มันก็อุ่นสบายในรถแล้ว อย่าลืมว่าการมาทริ๊ปนานๆ แบบนี้ต้องใส่ใจในสุขภาพ จะสุดทุกเรื่องหรือไปตื่นเต้นกับหิมะอากาศเย็นๆ มากไม่ได้ ต้องมีลิมิต แต่สำหรับทีมงานที่ขับรถนำและปิดท้ายด้วยปิดอัพ BT-50 ต้องบอกว่าพี่ๆ สุดยอดกันมากรถไม่มีระบบอุ่นหรือฮีตเตอร์แบบที่บอกไปก่อนหน้า “ทำได้แต่ไม่อุ่น” แต่ด้วยสปิริตความฟิตของร่างกายก็ทำอะไรพี่ๆ กลุ่มนี้ไม่ได้ เราวิ่งเป็นเส้นทางตรงๆ เหมือนกับขีดไม้บรรทัดตัดถนนจนมาถึงจุดหมายปลายทางของวัน ในเวลา 18.00น. ซึ่งเป็นอีกโซนเวลาของเมืองที่จากมาช้าลงหนึ่งชม. แต่เราลบคำขู่ของนักขับกลุ่มหนึ่งได้ที่บอกว่าขับยังไงก็ต้องจบวันดึกตลอด นั่นเพราะการเดินทางช่วงกลุ่มเรานั้นใกล้เขตเมืองมอสโกไปทุกที นักขับกลุ่มแรกที่มาจากมองโกเลียข้ามชายแดนรัสเซียผ่านทะเลสาบไบคานจนมาถึง Novosibirsk นั้นทางยากลำบากกว่ามาก ทำให้เรามีเวลาเดินเล่นสำรวจเมืองและเตรียมรถให้พร้อมสำหรับวันต่อไป
บรรยายภาพ เติมน้ำมันที่รัสเซียมีให้เลือกทั้ง อ๊อกเทน 100 ,98 ,95 โดยการเดินไปจ่ายเงินด้านในแล้วออกมาเติมเองบรรยายภาพทีมงานเซอร์วิสตรวจเช็ครถตลอดการเดินทางเพื่อความพร้อม
เรื่อง/ภาพ ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th