ไฮไลท์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นใหม่ในปี 2561
หลังจากที่ประกาศความสำเร็จในการประกอบรถยนต์ภายในประเทศไทยได้ทะลุ 100,000 คัน ในปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เผยถึงไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด รุ่นใหม่ในปี 2561 ในทันที มาติดตามดูกันว่ามีรุ่นไหนที่จะโดนใจกันบ้าง
บีเอ็มดับเบิลยู X2 sDrive20i M Sport X
ราคาจำหน่าย: 2,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู X2 สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล X ของบีเอ็มดับเบิลยู ฉีกภาพลักษณ์แบบเดิม ๆ ด้วยดีไซน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตทรงพลังตั้งแต่แรกเห็น โดดเด่นสะดุดทุกสายตา คล่องตัว
ปราดเปรียวในทุกเส้นทาง
จากบีเอ็มดับเบิลยู X4 และบีเอ็มดับเบิลยู X6 มาสู่บีเอ็มดับเบิลยู X2 ที่มาพร้อมรูปทรงโฉบเฉี่ยวและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้เข้ากับความแข็งแกร่งทรงพลังในแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X โดยเป็นครั้งแรกที่กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มีรูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน สร้างมิติให้รถดูกว้างและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมทั้งตอกย้ำความสปอร์ตด้วยช่องดักอากาศลวดลายหกเหลี่ยม นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X2 ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล X ที่มีตราของบีเอ็มดับเบิลยูประดับอยู่บนเสา C-pillar ทั้งสองข้าง ในดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูระดับตำนานอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 2000 CS และบีเอ็มดับเบิลยู 3.0 CSL
บีเอ็มดับเบิลยู X2 มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน M Sport X สร้างความสะดุดตาด้วยสเกิร์ตและซุ้มล้อสี Frozen Grey ตัดกับสีตัวถังอย่างลงตัว สร้างมิติความกว้าง และย้ำถึงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ท่อไอเสียแบบคู่ยังสื่อถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ในขณะที่ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ในสไตล์ M ขนาด 19 นิ้ว สะกดทุกสายตาด้วยเฟรมรอบซุ้มล้อรูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ในสี Frozen Grey เช่นเดียวกัน
บีเอ็มดับเบิลยู X2 sDrive20i M Sport X ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัวเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic คลัตช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โหมดการขับขี่รูปแบบต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านปุ่ม Driving Experience Control โดยสามารถเลือกได้ระหว่าง โหมด COMFORT สำหรับการขับขี่แบบปกติ โหมด ECO PRO ประหยัดพลังงาน หรือ โหมด SPORT เพื่อการตอบสนองที่ฉับไวและการเข้าโค้งอย่างเฉียบคม
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X2 คือหลังคากระจกแบบ Panorama สองส่วน ส่วนหน้าสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สร้างความรู้สึกโล่งโปร่งสะดวกสบายด้วยแสงสว่างที่เพียงพอภายในรถ อุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ รวมถึง หน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ (BMW Head-Up Display) วิทยุพร้อมการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม
บีเอ็มดับเบิลยู X2 มาในสีใหม่สุดเร้าใจ Galvanic Gold metallic และ Misano Blue metallic พร้อม
ชุดแต่งภายใน M Sport X ที่มอบความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยเบาะนั่งในวัสดุผ้า Micro Hexagon และ Alcantara สีดำแอนทราไซต์ ส่วนพื้นที่เก็บของที่มีความจุสูงสุด 470 ลิตร ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู X2 สร้างความพึงพอใจและสะดวกสบายในทุกการขับขี่ของชีวิตประจำวัน ทั้งยังพร้อมลุยในทุกสถานการณ์
บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,539,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์หรูที่มอบประโยชน์ใช้สอยแบบรอบด้านด้วยพื้นที่มากมายภายในห้องโดยสาร พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบการเชื่อมต่อล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร กำลังสูงสุด 185 กิโลวิตต์/252 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยมิติของตัวรถที่ยาวขึ้น 36 มิลลิเมตร (4,942 มิลลิเมตร) กว้างขึ้น 8 มิลลิเมตร (1,868 มิลลิเมตร) และสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร (1,498 มิลลิเมตร) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ใหม่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ทันสมัยกว่าเดิม ด้วยไฟหน้าที่เชื่อมต่อเข้ากับกระจังหน้าทรงไตคู่อย่างกลมกลืน และระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่ ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อประสิทธิภาพในการระบายอากาศที่ดียิ่งขึ้น เสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียทั้งสองด้าน
บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ใหม่ สามารถบรรจุของได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30 ลิตร ด้วยความจุสัมภาระถึง 570 – 1,700 ลิตร อุปกรณ์พื้นฐานอื่น ๆ ของตัวรถยังรวมถึงระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปลดล๊อคประตูอัจฉริยะ (Comfort access system) ให้สามารถเปิดปิดประตูท้ายได้ด้วยการยื่นเท้าไปใต้ท้ายรถโดยไม่ต้องใช้มือ และเพิ่มความสามารถในการบรรจุของด้วยเบาะที่นั่งด้านหลังแบบพับได้ 40:20:40
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อประโยชน์ในการใช้งานสุงสุด ด้วยระบบอำนวยความสะดวกผู้ขับขี่แบบอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) กล้องแสดงภาพด้านหลัง (Rear view camera) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว (Cruise control) และระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side impact protection) อีกทั้งยังมี จอแสดงผลภาพสี LCD ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัส ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) หน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ ขนาด 12.3 นิ้ว และการเชื่อมต่อและชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่
ราคาจำหน่าย: 11,399,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่ เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษในตระกูล M ที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด พร้อมสานต่อตำนานแห่งสมรรถนะของบีเอ็มดับเบิลยู M ด้วยสไตล์การขับขี่สุดสปอร์ตและประสิทธิภาพที่เหนือระดับ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ด้วยเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo พัฒนาสมรรถนะการส่งกำลังสูงสุด 460 แรงม้า ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle shift บนพวงมาลัย
เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่สามารถทำงานในโหมดพิเศษ M Dynamic (MDM) เพื่อความเพลิดเพลินสูงสุดในการขับขี่ และระบบเฟืองท้าย Active M ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมดด้วยกัน (Comfort, Sport and Sport+) เพียงแค่สัมผัสปุ่ม เพื่อปรับให้ตัวรถตอบสนองต่อทุกการควบคุมในแบบที่ต้องการ สอดรับกับลักษณะของเส้นทางอย่างลงตัว
รูปลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่ สะท้อนถึงความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น จากกระจังหน้าที่มาคู่กับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ 3 ช่อง เข้ากันกับไฟหน้า LED คู่ดีไซน์ทันสมัย กระโปรงหน้าและหลังคาทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษ ดีไซน์ด้วยเส้นสายสไตล์คูเป้ โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งแบบ M และเสริมความดุดันด้วยรูปทรงซุ้มล้ออันทรงพลัง ที่สร้างอารมณ์สุดเร้าใจได้ แม้ในยามที่ตัวรถยังหยุดนิ่งอยู่
ภายในของบีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่ สร้างลุคสปอร์ตเต็มพิกัด ด้วยเบาะที่นั่งน้ำหนักเบาแบบ M Sport หุ้มหนังแท้สลับ Alcantara พนักพิงหลังปรับความกว้างได้ เข็มขัดนิรภัยลาย M พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Alcantara ดีไซน์ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS ใหม่จะมีให้เลือกเป็นเจ้าของได้ในสีพิเศษจาก BMW Individual
บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่
ราคาจำหน่าย: 13,339,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ที่มาพร้อมกับ M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สร้างมาตรฐานใหม่ด้านสมรรถนะให้กับตลาดรถซีดานประสิทธิภาพสูง โดยบีเอ็มดับเบิลยู M5 เจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ มอบประสิทธิภาพความคล่องตัวสูงสุดด้วยการเน้นส่งกำลังขับเคลื่อนจากล้อหลัง ควบคู่กับการเพิ่มกำลังส่งจากล้อหน้าในกรณีที่พละกำลังขับเคลื่อนจากล้อหลังไม่เพียงพอและต้องการแรงฉุดลากที่เพิ่มขึ้น แม้ในสภาวะการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน M xDrive ก็ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกตั้งค่าลักษณะการขับได้อย่างหลากหลายตามความต้องการถึง 5 โหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (หรือ DSC ที่สามารถเลือกเปิดหรือปิดระบบ DSC หรือเลือกการขับขี่ด้วยโหมด M Dynamic) และยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยระบบ M xDrive ซึ่งแบ่งเป็นโหมด 4WD, 4WD Sport และ 2WD ที่ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความแรงเร้าใจด้วยความคล่องตัวสูงสุดบนท้องถนน รวมทั้งระบบเฟืองท้าย Active M ที่มอบเสถียรภาพการกระจายกำลังอย่างเต็มสมรรถนะ ป้องกันการลื่นไถลเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยช่วยลดความแตกต่างของความเร็วรอบระหว่างล้อหลัง
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ความสปอร์ตอันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่นี้ คือปุ่ม M1 และ M2 สีแดงสองปุ่ม ซึ่งอยู่ติดกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการตั้งค่าระบบต่าง ๆ ตามที่ต้องการได้ถึง 2 แบบเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าระบบ M xDrive ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบระบายอากาศ ระบบการควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการตั้งค่ารูปแบบของการแสดงผลบน Head-Up Display
บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ V8 ความจุ 4.4 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 441 กิโลวัตต์ / 600 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,600 รอบต่อนาที มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.4 วินาที และ 0 – 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 11.1 วินาที โลดแล่นด้วยความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่
ราคาจำหน่าย: 535,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่ หนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่เป็นที่ต้องการที่สุดในตลาดเซกเมนต์เดียวกัน เสริมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะในการขับขี่ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองสูบ 4 วาล์ว แบบหล่อเย็นด้วยน้ำความจุ 798 ซีซี มอบกำลังสูงสุดถึง 90 แรงม้า (66 กิโลวัตต์) ที่ 8,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 86 นิวตันเมตรที่ 5,800 รอบต่อนาที
ตัวรถได้รับการออกแบบมาให้ลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 pollutant class มาพร้อมท่อไอเสียสแตนเลสดีไซน์ใหม่ที่สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นสะดุดตาให้แก่บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่ ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลมัลติฟังก์ชั่น ปรับโฉมด้วยดีไซน์หน้าปัดใหม่ ให้อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น และเพิ่มการแสดงผลข้อมูลของโหมดการขับขี่แบบต่าง ๆ จากการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับข้อกำหนด EU4 บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่ จึงได้มีการติดตั้งระบบไฟแสดงการทำงานผิดปกติของเครื่องยนต์ (MIL) มาด้วย
อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับประเทศไทย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบ Pro ระบบควบคุมช่วงล่างแบบไฟฟ้า (Dynamic ESA) ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Automatic Stability Control) ระบบทำความร้อนที่แฮนด์ (Heated Grips) ฝาครอบเครื่องยนต์ และล้อ Design option เสริมดีไซน์สะดุดตาให้กับบีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่ ด้วยการออกแบบเส้นขอบของล้อให้มีสีแดง ตัดกับยางสีดำอย่างลงตัว ช่วยตอกย้ำรูปลักษณ์สปอร์ตได้อย่างเต็มพิกัด
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ใหม่ มาในสีเอกลักษณ์ของ BMW Motorsport โดดเด่นด้วยการผสานกันอย่างลงตัวของสี Light White / Lupin Blue Metallic / Racing Red
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และ S 1000 XR ใหม่
ราคาจำหน่าย: 675,000 บาท สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R ใหม่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ 895,000 บาท สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR ใหม่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บิ๊กไบค์สไตล์โรดสเตอร์ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R ใหม่ กลับมาพร้อมสมรรถนะโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมันเช่นเคย แต่ในรุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 118 กิโลวัตต์ / 165 แรงม้า ที่ 11,000 รอบต่อนาที พร้อมการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้เป็นไปตามเกณฑ์ EU4 ให้กำลังบิดสูงสุด 114 นิวตันเมตร ที่ 9,250 รอบต่อนาที นอกจากนี้ ตัวรถยังปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักรถที่ลดลง 2 กิโลกรัม อยู่ที่ 205 กิโลกรัม ในขณะที่น้ำหนักบรรทุกเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัม อยู่ที่ 202 กิโลกรัม
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R ใหม่ มาพร้อมท่อเก็บเสียงไทเทเนียมแบบ HP เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อเสียงอันทรงพลังในลุคสไตล์สปอร์ต อุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ ได้แก่ แฮนด์จับลดแรงสั่นสะเทือนเพื่อความสบายยิ่งขึ้นของผู้ขี่ โครงรถแบบใหม่ ที่ออกแบบให้ส่วนท้ายมีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น และแผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ ที่ออกแบบให้อ่านข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมแสดงผลค่าอุณหภูมิ
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R ใหม่ ยังได้รับการติดตั้งระบบควบคุมช่วงล่างแบบไดนามิกหรือ (Dynamic Damping Control) ระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Traction Control) ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัตช์ (Gear Shift Assistant Pro) ระบบ ABS Pro ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และระบบทำความร้อนที่แฮนด์ (Heated Grips) เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วย 3 โทนสี ได้แก่ สี Racing Red/ Black Storm Metallic สี Light White/ Lupin Blue/ Racing Red และสี Catalano Grey
ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ที่ผสานมอเตอร์ไซค์แบบทัวริ่งเข้ากับดีไซน์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ด้วยความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ทางไกล และขุมพลังปราดเปรียวสไตล์สปอร์ตขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงรุ่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R มอบกำลังสูงสุด 165 แรงม้า (121 กิโลวัตต์) ที่ 11,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 114 นิวตันเมตร ที่ 9,250 รอบต่อนาที และได้รับการดัดแปลงให้ตรงตามเกณฑ์ EU4 เช่นกัน ด้วยน้ำหนักรถรวมบรรทุกสูงสุด 444 กิโลกรัม และน้ำหนักบรรทุก 216 กิโลกรัม
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR ใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่างแบบไฟฟ้า (Dynamic ESA) โหมดการขับขี่แบบ Pro ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัตช์ (Gear Shift Assistant Pro) ระบบ ABS Pro และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และมาในสีใหม่สะดุดตา Ocean Blue Metallic Matt
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS และ R 1200 GS Adventure
ราคาจำหน่าย: 975,000 บาท สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ 1,075,000 บาท สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure ใหม่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ครั้งแรกในประเทศไทย กับนวัตกรรม “Connected Ride” หน้าจอสีแสดงผลคุณภาพสูง TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ในบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS และ R 1200 GS Adventure ใหม่ ที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นำมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่นักบิดชาวไทย ด้วยฟังก์ชั่นการนำเสนอข้อมูลการขับขี่และเมนูการเชื่อมต่อต่าง ๆ ให้แก่ผู้ขับขี่อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย จอสีแสดงผล TFT แบบใหม่นี้ เป็นการรวมเอาการแสดงผลข้อมูลแบบเดิม เช่น ข้อมูลรอบเครื่องและความเร็ว มาผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเสริมประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายให้แก่ผู้ขับขี่อีกด้วย
จอ TFT แบบใหม่ ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงสมาธิของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ พร้อมให้การเข้าถึงฟังก์ชั่นด้านบันเทิงและเมนูโทรศัพท์ โดยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหมวกกันน็อคที่มาพร้อมระบบการเชื่อมต่อของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ผ่านทางบลูทูธ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกรับสายหรือตัดสายได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ จอ TFT แบบใหม่ยังแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
การขับขี่ เช่น ค่าลมยาง ให้ผู้ขับขี่รับทราบได้อย่างง่ายดาย บนหน้าจอเมนูที่สวยงาม และไม่ทำให้สูญเสียสมาธิในการสังเกตสภาพการจราจรรอบตัว
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกมากมายผ่านทางแอพพลิเคชั่น BMW Motorrad Connected เช่น ระบบนำทาง รวมทั้งบริการอื่น ๆ อย่างการบันทึกเส้นทางในการขับขี่ และการแสดงข้อมูลและสถิติในการขับขี่ ซึ่งจะแสดงผลทางจอ TFT
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS และ R 1200 GS Adventure ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สองสูบที่มีระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS รุ่นก่อนหน้า ความจุ 1,170 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 92 กิโลวัตต์ / 125 แรงม้าที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โลดแล่นด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งยังโดดเด่นจากสมรรถนะในการขับขี่ ด้วยโหมดการขับขี่แบบ “Rain”, “Road”, “Dynamic” และ “Enduro” โดยมีโหมดการขับขี่แบบ Pro อีกสองโหมด ได้แก่ “Dynamic Pro” และ “Enduro Pro” ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อการขับขี่แบบ
ออฟโรดเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบ Dynamic Electronic Suspension Adjustment (ESA) หรือการปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช๊คด้วยระบบไฟฟ้า จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการขับขี่ และระบบ Dynamic Traction Control (DTC) หรือระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก ที่เสริมความมั่นใจในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว โดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง รวมทั้งระบบ Hill Start Control อำนวยความสะดวกเมื่อสตาร์ทรถในบริเวณพื้นที่ลาดชัน
ลูกค้าสามารถเลือกจาก 3 โทนสีใหม่ ได้แก่ Lupin Blue, Black Storm Metallic และ Light White สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่ และสี Black storm metallic/Dark slate metallic matt/Achat grey, Racing red matt และ Light white/ Cordoba Blue สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure ใหม่
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th